หนึ่งในภารกิจตลอดปีที่ผ่านมาของ “เอเอสทีวีผู้จัดการมอเตอริ่ง” คือการนำรถยนต์ที่เปิดตัวใหม่ หรือกำลังอยู่ในกระแสมาลองขับ แล้วนำข้อมูลอันเป็นประโยชน์มาเสนอ ตามแง่มุมที่เห็น รู้สึก สัมผัส...จะถูกใจบ้างไม่ตรงใจบ้าง อันนี้ขอรับทุกความคิดเห็นมาพัฒนาปรับปรุงในงานชิ้นต่อๆไป
ปีหนูไฟที่ผ่านพ้นไป มีรถยนต์มากรุ่นหลากยี่ห้อผ่านมือทีมงาน และมีหลายคันที่โดนใจ ทั้งในแง่สมรรถนะ ความคุ่มค่าต่อราคา ไปจนถึงโอกาสได้ลองรถ ที่น้อยคนนักจะได้เป็นเจ้าของ ซึ่งขอย้ำว่าเป็นความเห็นและความชอบส่วนตัวของทีมงานเท่านั้น...และนี่เป็น 10 รถยนต์ยอดเยี่ยมที่เรามีปัญญาได้ลองขับ (ไล่เรียงตั้งแต่ต้นปี)
ซี200 ความลงตัวของสาวกดวงดาว
เริ่มต้นปีกับกับความหรูระดับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ “ซี-คลาส ใหม่” รหัสตัวถัง W204 โดยรุ่นที่ได้ขับคือ C200 อาวังการ์ด ประกอบนอกทั้งคัน ราคา 3.99 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสลองก่อนที่รุ่นประกอบในประเทศจะทยอยขายในเดือนกุมภาพันธ์กับราคา 2.99 ล้านบาท
สำหรับ ซี200 คอมเพรซเซอร์ วางเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 184 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ตามสเปกแรงกว่าโมเดลเดิม และความรู้สึกโดยรวมก็ดีกว่าเดิมชัดเจน ทั้งการขับขี่ที่สนุกว่า อัตราเร่งตอบสนองทันใจ การทรงตัวหรือยึดเกาะถนนแน่นหนึบ สไตล์เบนซ์ พร้อมชูออปชันความปลอดภัย PRE-SAFE® ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานทุกรุ่น
สรุป...พัฒนาขึ้น มีสองหน้าให้เลือก ว่าจะเอาสปอร์ต (อาวังการ์ด) หรือดูหรู (อีลีแกนซ์) ขับดี เบาะหลังนั่งสบายออปชันสิ่งอำนวยความสะดวก-ปลอดภัยเพียบ
BMW 320d ดีเซลอย่างแรง
หันมารุกตลาดเครื่องยนต์ดีเซลอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะหลังการชิมลาง 520d แล้ว ทางเลือกในซีรีส์ 3 อย่าง 320d รหัสตัวถัง E90 (ราคา 2.849 ล้านบาท)ก็ถูกแนะนำสู่ตลาดอย่างเป็นทางการใน “บางกอกมอเตอร์โชว์ 2008” และก็เป็นไปตามคาด เมื่อกระแสน้ำมันแพง ส่งให้ 320d ฟันยอดจองในงานไปกว่า 100 คัน
แม้คู่ปรับสำคัญอย่าง ซี-คลาส จะเปิดตัวโมเดลใหม่ แต่ทางเลือกขุมพลังดีเซล ยังไม่มีวี่แววทำตลาด จึงถือเป็นโอกาสทองของค่ายใบพัดสีฟ้าในช่วงนี้ โดยเครื่องยนต์ดีเซลเจเนอเรชั่นที่ 3 บล็อกใหม่ล่าสุดกับรหัส N74 ความจุ 1,995 ซีซี 177 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมเล่นเป็นเกียร์ธรรมดาแบบ “สเต็ปทรอนิกส์” อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 8.0 วินาที
ไม่มีข้อสงสัยสำหรับพลังขับเคลื่อน ที่ตอบสนองแรงกดของฝ่าเท้าได้ดีเยี่ยม พร้อมการเซ็ทช่วงล่าง ที่ปรับให้นุ่มกว่าตัวเบนซินนิดๆ แต่ไม่ถึงกับยวบย้อย ให้การทรงตัวดี พวงมาลัยควบคุมอย่างแม่นยำ กระชับมือ พร้อมการเก็บเสียงในห้องโดยสารที่ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ทั้งนี้ในการลองขับไปต่างจังหวัดใช้ความเร็ว เกิน 100 กม./ชม. และมีช่วงบี้คันเร่ง อัดความเร็วสูงๆบ้าง ตัวเลขซดน้ำมันยังปรากฏออกมา 14 กม./ลิตร ขณะที่บีเอ็มดับเบิ้ลยูเคลมไว้ 16.6 กม./ลิตร
สรุป...แรง+ประหยัดน้ำมัน ชั่วโมงนี้ต้องดีเซลเท่านั้น
มินิ คูเปอร์ เอส/คลับแมน เมื่ออารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
เป็นรถที่ยอดขายอยู่เหนือสภาพเศรษฐกิจ สำหรับ “มินิ” ในเครือบีเอ็มดับเบิลยู ที่ประเทศไทยผูกขาดการขาย(อย่างเป็นทางการ)เจ้าเดียวคือ “มิลเลเนียม ออโต้” ดีลเลอร์รายใหญ่ ซึ่งปี2551ยอดขายเป็นไปตามเป้า 370 มากกว่าปี2550 ที่ทำได้ 350 คัน
ที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้ลองขับ มินิ R56 ทั้งรุ่น คูเปอร์ และคูเปอร์ เอส ในตัวถังปกติ และความอเนกประสงค์อย่างรุ่นคลับแมน จุดเด่นอยู่ที่รูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ และการขับสนุก การนั่งเตี้ยๆไปกับพื้นถนนที่แม้ไม่นุ่มนวล แต่ให้ความเร้าใจอีกรูปแบบ การควบคุมสั่งการตรงไปตรงมา ผ่านพวงมาลัยน้ำหนักพอดีมือ และแปรผันน้ำหนักตามความเร็วของรถ
สรุป...แม้ราคาจะกระฉูดกว่า 3 ล้านบาท แต่ถ้าชอบความโดดเด่น มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมันจะสะท้อนบุคลิกกลับมาที่เจ้าของรถ พร้อมกับกำลังทรัพย์มากพอ ก็อย่าไปฟังใครที่บอกว่า “มีเงินอย่างเดียวไม่พอต้องโง่ด้วยถึงจะซื้อมินิ”
เปิดหลังคาท้าฟ้า BMW 325i convertible
ด้วยค่าตัวระดับ 5.29 ล้านบาท และแม้จะหาโอกาสเปิดหลังคายากสักหน่อย สำหรับการยืม 325i convertible มาลองขับ แต่สำหรับเราแล้ว นี่เป็นอีกหนึ่งคุณภาพของบีเอ็มดับเบิลยู เพราะคุณจะได้ทั้งความสปอร์ต พร้อมนั่งกันไปได้ทั้งครอบครัว
จุดเด่นกับหลังคาแบบ 3 ชิ้น พับเก็บด้วยไฟฟ้า ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถบีเอ็มดับเบิลยูนั้น ทำการเปิด-ปิดประมาณ 30 วินาที ด้านเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 218 แรงม้า หายใจเอง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ 8.4 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ 240 กม./ชม. แม้ไม่จี๊ดจ๊าดมากมาย แต่รวมๆถือว่าขับสนุกพอประมาณ
สรุป...รถคันที่ 2-3 ของพ่อบ้านไฮโซ ที่หัวใจ(ยัง)อยากซิ่ง
“ปาเจโร สปอร์ต”พีพีวียกระดับ
ติดชาร์จมาด้วยความคุ้มค่า แม้สาวกจะต้องรอนานกว่าจะได้ฤกษ์เสียตังค์ให้กับ พีพีวีคันเก่งของมิตซูบิชิ กับสองทางเลือกเครื่องยนต์ใน 4 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 950,000 – 1,240,000 บาท โดยรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนชั้นเทพ ss4 (Super Select 4WD)และเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร 165 แรงม้า ขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มากับ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 140 แรงม้า
นิสัยโดยรวมไม่ดุดัน หรือสปอร์ตเท่าเจ้าตลาด “ฟอร์จูนเนอร์” แต่ด้วยราคา เมื่อเทียบกับออปชันที่ได้รับ จุดเด่นอยู่ตรงห้องโดยสารงามหยด พร้อมความอเนกประสงค์ นั่งสบาย รวมถึงช่วงล่างเซ็ทมาเนียนแน่นทรงตัวดี
สรุป...เป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
วีโก้ สมาร์ท แค๊บ เพิ่มขีดขั้นความสะดวก
ถามกันบ่อยว่าเมื่อไหร่ “ไฮลักซ์ วีโก้” จะมีรุ่นแค็บเปิดได้ จนกระทั่งทำตลาดมา 4 ปี การรอคอยก็สิ้นสุดลง พร้อมกับการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์
“วีโก้ สมาร์ทแค็บ” เปิดตัวในเดือนกันยายน ซึ่งนอกจากประตูตู้กับข้าว จุดเด่นที่เสริมเข้ามาแล้ว การปรับเซ็ทอื่นๆก็ดูลงตัวขึ้น อย่างความรู้สึกในการเบรกที่ดีขึ้นชัดเจน กอปรกับกับความยอดเยี่ยมเดิม ทั้งพละกำลังเครื่องยนต์ แอนด์ลิ่งคมสุดในบรรดาปิกอัพบ้านเรา จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมเจ้าตัวนี้ถึงติดอันดับกับเขามาด้วย
นอกจากนี้ทุกรุ่นเครื่องยนต์ปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนในระบบทางเดินน้ำมันและปรับจูนกล่องเพื่อให้สามารถรองรับน้ำมันไบโอดีเซล B5 รวมถึงการขยายผ้าคลัทช์ใหญ่ขึ้น
สรุป...ปรับปรุงดีขึ้น พยายามลบจุดด้อยเดิมๆ แต่ถ้าจะซื้อต้องเลือกรุ่นให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ฮอนด้า ซิตี้ เทียบชั้นคอมแพกต์ซีดาน
ถ้าใครอยากเป็นเจ้าของ “ฮอนด้า ซิตี้” ช่วงนี้ต้องรอนานหน่อย เพราะแว่วๆมาว่า มี “แบค ออร์เดอร์”(แล้วแต่รุ่นแต่สี) ประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งใครโชคดีได้เร็วกว่านี้ก็ดีใจด้วย
กับการพัฒนาใหม่ทั้งคัน ไม่อิงกับ “แจ๊ซ” เหมือนโมเดลก่อน...กล่าวคือรุ่นเดิม มีแจ๊ซมาแล้วทั้งคัน แล้วให้วิศวกรไม่คิดต่อว่าจะให้ข้างหลังมันมีฝากระโปรงแบบตัวถังซีดานได้อย่างไร รวมถึงอาจปรับรายละเอียดอื่นๆนิดหน่อย
แต่มาในรุ่นนี้ ถึงแม้จะใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ “แจ๊ซ” แต่การพัฒนาส่วนอื่นๆถูกทำขึ้นใหม่ โดยวิศวกรคนละทีม ผลคือได้ ยนตรกรรมชั้นยอดอีกหนึ่งคัน ไม่ว่าจะเป็นความอเนกประสงค์ ความสะดวกสบายในห้องโดยสาร การกดคันเร่งตอบสนองดีกว่าแจ๊ซ การถ่ายเทน้ำหนักยึดเกาะถนนดูแน่นกว่า ประสิทธิภาพเบรกเยี่ยม ที่สำคัญไม่ออกอาการหน้าจิกหัวทิ่มแบบรถยนต์ฮอนด้ารุ่นก่อนๆ ขณะเดียวกันวิศวกรฮอนด้ายังบอกว่าประหยัดน้ำมันกว่าแจ๊ซ ในสภาพการขับเดียวกันถึง 5-10%
สรุป...ซื้อรถทั้งคันต้องดูความคุ้มค่าโดยรวม และเหมาะกับการใช้งานของเราหรือไม่ เพราะถ้ายังอคติ หรือเถียงเรื่องชุดเครื่องเสียงว่าไม่มีฟรอนท์ใส่ซีดีมาให้ พร้อมการตัดสินใจบนข้อมูลไม่รอบด้าน ก็อย่าไปซื้อเลยครับรถยนต์ หันไปขับจักรยานดีกว่า
ขับสนุก –สุดเท่ กับซีรีส์ 7
โมเดลเชนจ์ของ BMW ซีรีส์ 7 เราต้องข้ามโลกไปขับถึง เมือง Dresden ประเทศ เยอรมนี โดยโมเดลหรูที่คนซื้อมักไม่ใช่คนขับ ก็ขนเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเพียบ
เรื่องสรรถนะการขับคงไม่ต้องพูดกันมากกับรถระดับนี้ ดังนั้นความน่าสนใจคงอยู่ที่ออปชันความสะดวก-ปลอดภัย ทั้งจุดเด่นที่ใส่มาเป็นครั้งแรกในรถของบีเอ็มดับเบิลยู คือ ระบบ Night Vision ที่ตรวจจับและแจ้งเตือนให้รู้หากมีคนเดินถนนอยู่บนเส้นทางด้านหน้า รวมถึง Side View Camera System ขจัดมุมบอดที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากกระจกข้างหรือส่องหลัง
รวมถึงระบบ Lane Change Warning ที่ทำงานร่วมกับ Lane Departure Warning ซึ่งเคยติดตั้งอยู่ในซีรีส์ 5 และ 6 มาก่อน โดยการทำงานจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนบนพวงมาลัย(เบา ๆ) หากว่ารถที่ขับเริ่มเบี่ยงออกจากช่องทางของตัวเอง(เผื่อหลับใน) นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยี Brake Energy Regeneration ที่จะนำพลังงานสูญเปล่าจากการเบรกหรือถอนคันเร่ง มาใช้ปั่นกระแสไฟฟ้า เพื่อช่วยเรียกอัตราเร่งยามจำเป็นอีกด้วย(คล้ายๆ KERS ที่จะนำมาใช้ใน F1)
สำหรับเมืองไทย บีเอ็มดับเบิลยู จะนำ ซีรีส์ 7 เข้ามาขายต้นปี 2552 ในรุ่น 740Li เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3000 ซี ซี เทอร์โบคู่ 326 แรงม้า และ 750Li วี8 4,800 ซีซี เทอร์โบคู่ 407 แรงม้า ขณะที่รุ่นประกอบในประเทศจะเริ่มทำตลาดปลายปี
สรุป...เงิน 8 - 9 ล้าน แลกแบรนด์ใบพัดสีฟ้า ที่มีความหรูหรา บวกเทคโนโลยีเด่นๆในโลก ที่พอจะหามาติดตั้งในรถยนต์ได้(แม้บ้างอย่างคู่แข่งเขามีมาสักพักแล้ว)...นอนในรถได้ก็นอนเลยครับ
SLK สันทัด-ขับมัน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเค ตัวนี้ เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ รหัสตัวถัง R171 โดยทำการปรับหน้าตา พร้อมเพิ่มม้า ในคอก 1.8 ลิตร 4 สูบ ซูเปอร์ชาร์จ 21 ตัว เป็น 184 แรงม้า รวมถึงปรับปรุงให้อากาศไหลผ่านใต้ท้องรถอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น พวงมาลัยคมกว่ารุ่นเดิม กับราคา 4.5 ล้านบาท ถือเป็นสปอร์ตโรดสเตอร์ ขับสนุก ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ขัดเขิน
สรุป...ถ้าสบายใจ สบายกระเป๋า ก็ซื้อเก็บไว้สักคัน...ไม่ผิดหวัง
"โฟกัส ดีเซล ดูอัลคลัตช์"เข้าถึงเทคโนโลยีบนความคุ้มค่า
ว่ากันที่ตัวโปรดักต์ล้วนๆ ต้องบอกว่า สุดยอดที่สุดในบรรดาเก๋งคอมแพกต์(ตลาด) ที่มีขายในเมืองไทย กับราคาล้าน 1.1 ล้านบาท หาไม่ได้แล้วครับกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรอันทรงพลัง พร้อมการประหยัดน้ำมัน ส่งกำลังด้วยเกียร์ ดูอัลคลัตช์ 6 สปีด ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ที่ปรับปรุงหน้าตา และโดยส่วนตัวคิดว่าสวยขึ้น ดูมีพลัง โฉบเฉี่ยว ด้านช่วงล่างอิสระสี่ล้อปรับนิดหน่อย แต่ยังหนึบหนับขับสนุกเหมือนเดิม
สรุป...อย่างที่เคยบอกไปว่าเก๋งคอมแพกต์รุ่นท็อปของยี่ห้ออื่นๆ ราคาก็ทะลุล้านกันเกือบหมดแล้ว แต่โฟกัสตัวนี้กับเทคโนโลยีขั้นเทพที่ใส่มาให้ ด้านสมรรถนะการขับไม่เป็นรองใคร ต้องบอกว่าคุ้มค่าต่อราคาที่จ่ายสุดๆ
ปีหนูไฟที่ผ่านพ้นไป มีรถยนต์มากรุ่นหลากยี่ห้อผ่านมือทีมงาน และมีหลายคันที่โดนใจ ทั้งในแง่สมรรถนะ ความคุ่มค่าต่อราคา ไปจนถึงโอกาสได้ลองรถ ที่น้อยคนนักจะได้เป็นเจ้าของ ซึ่งขอย้ำว่าเป็นความเห็นและความชอบส่วนตัวของทีมงานเท่านั้น...และนี่เป็น 10 รถยนต์ยอดเยี่ยมที่เรามีปัญญาได้ลองขับ (ไล่เรียงตั้งแต่ต้นปี)
ซี200 ความลงตัวของสาวกดวงดาว
เริ่มต้นปีกับกับความหรูระดับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ “ซี-คลาส ใหม่” รหัสตัวถัง W204 โดยรุ่นที่ได้ขับคือ C200 อาวังการ์ด ประกอบนอกทั้งคัน ราคา 3.99 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสลองก่อนที่รุ่นประกอบในประเทศจะทยอยขายในเดือนกุมภาพันธ์กับราคา 2.99 ล้านบาท
สำหรับ ซี200 คอมเพรซเซอร์ วางเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 184 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ตามสเปกแรงกว่าโมเดลเดิม และความรู้สึกโดยรวมก็ดีกว่าเดิมชัดเจน ทั้งการขับขี่ที่สนุกว่า อัตราเร่งตอบสนองทันใจ การทรงตัวหรือยึดเกาะถนนแน่นหนึบ สไตล์เบนซ์ พร้อมชูออปชันความปลอดภัย PRE-SAFE® ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานทุกรุ่น
สรุป...พัฒนาขึ้น มีสองหน้าให้เลือก ว่าจะเอาสปอร์ต (อาวังการ์ด) หรือดูหรู (อีลีแกนซ์) ขับดี เบาะหลังนั่งสบายออปชันสิ่งอำนวยความสะดวก-ปลอดภัยเพียบ
BMW 320d ดีเซลอย่างแรง
หันมารุกตลาดเครื่องยนต์ดีเซลอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะหลังการชิมลาง 520d แล้ว ทางเลือกในซีรีส์ 3 อย่าง 320d รหัสตัวถัง E90 (ราคา 2.849 ล้านบาท)ก็ถูกแนะนำสู่ตลาดอย่างเป็นทางการใน “บางกอกมอเตอร์โชว์ 2008” และก็เป็นไปตามคาด เมื่อกระแสน้ำมันแพง ส่งให้ 320d ฟันยอดจองในงานไปกว่า 100 คัน
แม้คู่ปรับสำคัญอย่าง ซี-คลาส จะเปิดตัวโมเดลใหม่ แต่ทางเลือกขุมพลังดีเซล ยังไม่มีวี่แววทำตลาด จึงถือเป็นโอกาสทองของค่ายใบพัดสีฟ้าในช่วงนี้ โดยเครื่องยนต์ดีเซลเจเนอเรชั่นที่ 3 บล็อกใหม่ล่าสุดกับรหัส N74 ความจุ 1,995 ซีซี 177 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมเล่นเป็นเกียร์ธรรมดาแบบ “สเต็ปทรอนิกส์” อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 8.0 วินาที
ไม่มีข้อสงสัยสำหรับพลังขับเคลื่อน ที่ตอบสนองแรงกดของฝ่าเท้าได้ดีเยี่ยม พร้อมการเซ็ทช่วงล่าง ที่ปรับให้นุ่มกว่าตัวเบนซินนิดๆ แต่ไม่ถึงกับยวบย้อย ให้การทรงตัวดี พวงมาลัยควบคุมอย่างแม่นยำ กระชับมือ พร้อมการเก็บเสียงในห้องโดยสารที่ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ทั้งนี้ในการลองขับไปต่างจังหวัดใช้ความเร็ว เกิน 100 กม./ชม. และมีช่วงบี้คันเร่ง อัดความเร็วสูงๆบ้าง ตัวเลขซดน้ำมันยังปรากฏออกมา 14 กม./ลิตร ขณะที่บีเอ็มดับเบิ้ลยูเคลมไว้ 16.6 กม./ลิตร
สรุป...แรง+ประหยัดน้ำมัน ชั่วโมงนี้ต้องดีเซลเท่านั้น
มินิ คูเปอร์ เอส/คลับแมน เมื่ออารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
เป็นรถที่ยอดขายอยู่เหนือสภาพเศรษฐกิจ สำหรับ “มินิ” ในเครือบีเอ็มดับเบิลยู ที่ประเทศไทยผูกขาดการขาย(อย่างเป็นทางการ)เจ้าเดียวคือ “มิลเลเนียม ออโต้” ดีลเลอร์รายใหญ่ ซึ่งปี2551ยอดขายเป็นไปตามเป้า 370 มากกว่าปี2550 ที่ทำได้ 350 คัน
ที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้ลองขับ มินิ R56 ทั้งรุ่น คูเปอร์ และคูเปอร์ เอส ในตัวถังปกติ และความอเนกประสงค์อย่างรุ่นคลับแมน จุดเด่นอยู่ที่รูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ และการขับสนุก การนั่งเตี้ยๆไปกับพื้นถนนที่แม้ไม่นุ่มนวล แต่ให้ความเร้าใจอีกรูปแบบ การควบคุมสั่งการตรงไปตรงมา ผ่านพวงมาลัยน้ำหนักพอดีมือ และแปรผันน้ำหนักตามความเร็วของรถ
สรุป...แม้ราคาจะกระฉูดกว่า 3 ล้านบาท แต่ถ้าชอบความโดดเด่น มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมันจะสะท้อนบุคลิกกลับมาที่เจ้าของรถ พร้อมกับกำลังทรัพย์มากพอ ก็อย่าไปฟังใครที่บอกว่า “มีเงินอย่างเดียวไม่พอต้องโง่ด้วยถึงจะซื้อมินิ”
เปิดหลังคาท้าฟ้า BMW 325i convertible
ด้วยค่าตัวระดับ 5.29 ล้านบาท และแม้จะหาโอกาสเปิดหลังคายากสักหน่อย สำหรับการยืม 325i convertible มาลองขับ แต่สำหรับเราแล้ว นี่เป็นอีกหนึ่งคุณภาพของบีเอ็มดับเบิลยู เพราะคุณจะได้ทั้งความสปอร์ต พร้อมนั่งกันไปได้ทั้งครอบครัว
จุดเด่นกับหลังคาแบบ 3 ชิ้น พับเก็บด้วยไฟฟ้า ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถบีเอ็มดับเบิลยูนั้น ทำการเปิด-ปิดประมาณ 30 วินาที ด้านเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 218 แรงม้า หายใจเอง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ 8.4 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ 240 กม./ชม. แม้ไม่จี๊ดจ๊าดมากมาย แต่รวมๆถือว่าขับสนุกพอประมาณ
สรุป...รถคันที่ 2-3 ของพ่อบ้านไฮโซ ที่หัวใจ(ยัง)อยากซิ่ง
“ปาเจโร สปอร์ต”พีพีวียกระดับ
ติดชาร์จมาด้วยความคุ้มค่า แม้สาวกจะต้องรอนานกว่าจะได้ฤกษ์เสียตังค์ให้กับ พีพีวีคันเก่งของมิตซูบิชิ กับสองทางเลือกเครื่องยนต์ใน 4 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 950,000 – 1,240,000 บาท โดยรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนชั้นเทพ ss4 (Super Select 4WD)และเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร 165 แรงม้า ขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มากับ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 140 แรงม้า
นิสัยโดยรวมไม่ดุดัน หรือสปอร์ตเท่าเจ้าตลาด “ฟอร์จูนเนอร์” แต่ด้วยราคา เมื่อเทียบกับออปชันที่ได้รับ จุดเด่นอยู่ตรงห้องโดยสารงามหยด พร้อมความอเนกประสงค์ นั่งสบาย รวมถึงช่วงล่างเซ็ทมาเนียนแน่นทรงตัวดี
สรุป...เป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
วีโก้ สมาร์ท แค๊บ เพิ่มขีดขั้นความสะดวก
ถามกันบ่อยว่าเมื่อไหร่ “ไฮลักซ์ วีโก้” จะมีรุ่นแค็บเปิดได้ จนกระทั่งทำตลาดมา 4 ปี การรอคอยก็สิ้นสุดลง พร้อมกับการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์
“วีโก้ สมาร์ทแค็บ” เปิดตัวในเดือนกันยายน ซึ่งนอกจากประตูตู้กับข้าว จุดเด่นที่เสริมเข้ามาแล้ว การปรับเซ็ทอื่นๆก็ดูลงตัวขึ้น อย่างความรู้สึกในการเบรกที่ดีขึ้นชัดเจน กอปรกับกับความยอดเยี่ยมเดิม ทั้งพละกำลังเครื่องยนต์ แอนด์ลิ่งคมสุดในบรรดาปิกอัพบ้านเรา จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมเจ้าตัวนี้ถึงติดอันดับกับเขามาด้วย
นอกจากนี้ทุกรุ่นเครื่องยนต์ปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนในระบบทางเดินน้ำมันและปรับจูนกล่องเพื่อให้สามารถรองรับน้ำมันไบโอดีเซล B5 รวมถึงการขยายผ้าคลัทช์ใหญ่ขึ้น
สรุป...ปรับปรุงดีขึ้น พยายามลบจุดด้อยเดิมๆ แต่ถ้าจะซื้อต้องเลือกรุ่นให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ฮอนด้า ซิตี้ เทียบชั้นคอมแพกต์ซีดาน
ถ้าใครอยากเป็นเจ้าของ “ฮอนด้า ซิตี้” ช่วงนี้ต้องรอนานหน่อย เพราะแว่วๆมาว่า มี “แบค ออร์เดอร์”(แล้วแต่รุ่นแต่สี) ประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งใครโชคดีได้เร็วกว่านี้ก็ดีใจด้วย
กับการพัฒนาใหม่ทั้งคัน ไม่อิงกับ “แจ๊ซ” เหมือนโมเดลก่อน...กล่าวคือรุ่นเดิม มีแจ๊ซมาแล้วทั้งคัน แล้วให้วิศวกรไม่คิดต่อว่าจะให้ข้างหลังมันมีฝากระโปรงแบบตัวถังซีดานได้อย่างไร รวมถึงอาจปรับรายละเอียดอื่นๆนิดหน่อย
แต่มาในรุ่นนี้ ถึงแม้จะใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ “แจ๊ซ” แต่การพัฒนาส่วนอื่นๆถูกทำขึ้นใหม่ โดยวิศวกรคนละทีม ผลคือได้ ยนตรกรรมชั้นยอดอีกหนึ่งคัน ไม่ว่าจะเป็นความอเนกประสงค์ ความสะดวกสบายในห้องโดยสาร การกดคันเร่งตอบสนองดีกว่าแจ๊ซ การถ่ายเทน้ำหนักยึดเกาะถนนดูแน่นกว่า ประสิทธิภาพเบรกเยี่ยม ที่สำคัญไม่ออกอาการหน้าจิกหัวทิ่มแบบรถยนต์ฮอนด้ารุ่นก่อนๆ ขณะเดียวกันวิศวกรฮอนด้ายังบอกว่าประหยัดน้ำมันกว่าแจ๊ซ ในสภาพการขับเดียวกันถึง 5-10%
สรุป...ซื้อรถทั้งคันต้องดูความคุ้มค่าโดยรวม และเหมาะกับการใช้งานของเราหรือไม่ เพราะถ้ายังอคติ หรือเถียงเรื่องชุดเครื่องเสียงว่าไม่มีฟรอนท์ใส่ซีดีมาให้ พร้อมการตัดสินใจบนข้อมูลไม่รอบด้าน ก็อย่าไปซื้อเลยครับรถยนต์ หันไปขับจักรยานดีกว่า
ขับสนุก –สุดเท่ กับซีรีส์ 7
โมเดลเชนจ์ของ BMW ซีรีส์ 7 เราต้องข้ามโลกไปขับถึง เมือง Dresden ประเทศ เยอรมนี โดยโมเดลหรูที่คนซื้อมักไม่ใช่คนขับ ก็ขนเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเพียบ
เรื่องสรรถนะการขับคงไม่ต้องพูดกันมากกับรถระดับนี้ ดังนั้นความน่าสนใจคงอยู่ที่ออปชันความสะดวก-ปลอดภัย ทั้งจุดเด่นที่ใส่มาเป็นครั้งแรกในรถของบีเอ็มดับเบิลยู คือ ระบบ Night Vision ที่ตรวจจับและแจ้งเตือนให้รู้หากมีคนเดินถนนอยู่บนเส้นทางด้านหน้า รวมถึง Side View Camera System ขจัดมุมบอดที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากกระจกข้างหรือส่องหลัง
รวมถึงระบบ Lane Change Warning ที่ทำงานร่วมกับ Lane Departure Warning ซึ่งเคยติดตั้งอยู่ในซีรีส์ 5 และ 6 มาก่อน โดยการทำงานจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนบนพวงมาลัย(เบา ๆ) หากว่ารถที่ขับเริ่มเบี่ยงออกจากช่องทางของตัวเอง(เผื่อหลับใน) นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยี Brake Energy Regeneration ที่จะนำพลังงานสูญเปล่าจากการเบรกหรือถอนคันเร่ง มาใช้ปั่นกระแสไฟฟ้า เพื่อช่วยเรียกอัตราเร่งยามจำเป็นอีกด้วย(คล้ายๆ KERS ที่จะนำมาใช้ใน F1)
สำหรับเมืองไทย บีเอ็มดับเบิลยู จะนำ ซีรีส์ 7 เข้ามาขายต้นปี 2552 ในรุ่น 740Li เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3000 ซี ซี เทอร์โบคู่ 326 แรงม้า และ 750Li วี8 4,800 ซีซี เทอร์โบคู่ 407 แรงม้า ขณะที่รุ่นประกอบในประเทศจะเริ่มทำตลาดปลายปี
สรุป...เงิน 8 - 9 ล้าน แลกแบรนด์ใบพัดสีฟ้า ที่มีความหรูหรา บวกเทคโนโลยีเด่นๆในโลก ที่พอจะหามาติดตั้งในรถยนต์ได้(แม้บ้างอย่างคู่แข่งเขามีมาสักพักแล้ว)...นอนในรถได้ก็นอนเลยครับ
SLK สันทัด-ขับมัน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเค ตัวนี้ เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ รหัสตัวถัง R171 โดยทำการปรับหน้าตา พร้อมเพิ่มม้า ในคอก 1.8 ลิตร 4 สูบ ซูเปอร์ชาร์จ 21 ตัว เป็น 184 แรงม้า รวมถึงปรับปรุงให้อากาศไหลผ่านใต้ท้องรถอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น พวงมาลัยคมกว่ารุ่นเดิม กับราคา 4.5 ล้านบาท ถือเป็นสปอร์ตโรดสเตอร์ ขับสนุก ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ขัดเขิน
สรุป...ถ้าสบายใจ สบายกระเป๋า ก็ซื้อเก็บไว้สักคัน...ไม่ผิดหวัง
"โฟกัส ดีเซล ดูอัลคลัตช์"เข้าถึงเทคโนโลยีบนความคุ้มค่า
ว่ากันที่ตัวโปรดักต์ล้วนๆ ต้องบอกว่า สุดยอดที่สุดในบรรดาเก๋งคอมแพกต์(ตลาด) ที่มีขายในเมืองไทย กับราคาล้าน 1.1 ล้านบาท หาไม่ได้แล้วครับกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรอันทรงพลัง พร้อมการประหยัดน้ำมัน ส่งกำลังด้วยเกียร์ ดูอัลคลัตช์ 6 สปีด ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ที่ปรับปรุงหน้าตา และโดยส่วนตัวคิดว่าสวยขึ้น ดูมีพลัง โฉบเฉี่ยว ด้านช่วงล่างอิสระสี่ล้อปรับนิดหน่อย แต่ยังหนึบหนับขับสนุกเหมือนเดิม
สรุป...อย่างที่เคยบอกไปว่าเก๋งคอมแพกต์รุ่นท็อปของยี่ห้ออื่นๆ ราคาก็ทะลุล้านกันเกือบหมดแล้ว แต่โฟกัสตัวนี้กับเทคโนโลยีขั้นเทพที่ใส่มาให้ ด้านสมรรถนะการขับไม่เป็นรองใคร ต้องบอกว่าคุ้มค่าต่อราคาที่จ่ายสุดๆ