เกาหลีใต้มีคิวปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์เอสยูวีรุ่นซานตาเฟ ปลายปีนี้ในฐานะรถยนต์โมเดลปี 2010 และยุโรปเองก็เตรียมเปิดตัวครั้งแรกใน แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ แต่ที่ไหนได้ฮุนไดชิงเปิดตัวในบ้านเองไปแล้วตั้งแต่กลางปี ทำเอาแฟน ๆ ตาน้ำขาวได้แต่ทำตาปริบ ๆ
ซานตาเฟ เป็นเอสยูวีขนาดกลางซึ่งได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์ในกลุ่ม D-Segment อย่างโซนาตา ซึ่งรุ่นแรกเปิดตัวปี 2001 และบ้านเราก็มีขายด้วยเช่นกัน ขณะที่รุ่นใหม่เป็นเจนเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวออกมาปี 2006 และเมื่อนับนิ้วดูก็จะพบว่าถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงแบบไมเนอร์เชนจ์เพื่อกระตุ้นตลาดแล้ว
บอกเอาไว้ก่อนสำหรับคนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบฮือฮา ตรงนี้คงต้องผิดหวังกันถ้วนหน้า เพราะว่าการปรับโฉมของซานตาเฟรุ่นนี้ มีการเพิ่มความสดใหม่ของรูปลักษณ์ภายนอกไม่มากนัก ชนิดที่ใครไม่มีเมมโมรี่หน้าตาของรุ่นก่อนปรับโฉมอยู่ในสมองแล้ว อาจจะตั้งคำถามว่า นี่เปลี่ยนแล้วเหรอ?
จุดหลักของรูปลักษณ์ภายนอก คือ การเปลี่ยนกันชนหน้ายกชุด โดยออกแบบทั้งในส่วนของช่องรับลมด้านหน้า และช่องสปอตไลท์ใหม่ ขณะที่กระจังหน้าถูกเปลี่ยนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และกินพื้นที่ลึกเข้ามาในกันชนหน้ามากขึ้นกว่าเดิม ตามด้วยการเพิ่มความสดใสกับล้ออัลลอยลายใหม่ และกระจกมองข้างรูปทรงใหม่ ส่วนด้านท้ายมีการปรับปรุงตำแหน่งการจัดวางของดวงไฟในโคมไฟท้ายซึ่งเป็นทรงเดิมแบบเหลี่ยมเฉียง
ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าเป็นเวอร์ชันที่ขายในเกาหลีใต้ เพราะซานตาเฟที่นี่เน้นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลเป็นหลัก ดังนั้น 2 รุ่นที่ขายจึงเป็นขุมพลังใหม่ในแบบ 4 สูบที่มีความจุ 2,000 ซีซี 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 39.9 กก.-ม. และ 2,200 ซีซี 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44.5 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่นใหม่ หรือธรรมดา 6 จังหวะ โดยมีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และ 4 ล้อ
ส่วนตลาดเมืองนอก รวมถึงเมืองไทยก็จะมีทางเลือกอื่นๆ ออกมาให้สัมผัสร่วมกับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลทั้ง 2 แบบข้างต้น โดยในกลุ่มของเบนซินวี6 ทั้งรุ่น 2,700 และ 3,200 ซีซี ซึ่งตอนนี้ไม่มีการเปิดเผยว่าจะมีการปรับปรุงเรื่องแรงม้าและแรงบิดหรือไม่ ถ้าไม่เปลี่ยนตัวเลขก็จะอยู่ที่ 185 และ 242 แรงม้าตามลำดับ
ในเกาหลีใต้ ซานตาเฟมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 25.84 ล้านวอน หรือ 707,944 บาท ส่วนตลาดกลุ่มอื่นๆ จะเริ่มทยอยทำตลาดกันอย่างต่อเนื่องนับจากปลายปีนี้เป็นต้นไป
ซานตาเฟ เป็นเอสยูวีขนาดกลางซึ่งได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์ในกลุ่ม D-Segment อย่างโซนาตา ซึ่งรุ่นแรกเปิดตัวปี 2001 และบ้านเราก็มีขายด้วยเช่นกัน ขณะที่รุ่นใหม่เป็นเจนเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวออกมาปี 2006 และเมื่อนับนิ้วดูก็จะพบว่าถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงแบบไมเนอร์เชนจ์เพื่อกระตุ้นตลาดแล้ว
บอกเอาไว้ก่อนสำหรับคนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบฮือฮา ตรงนี้คงต้องผิดหวังกันถ้วนหน้า เพราะว่าการปรับโฉมของซานตาเฟรุ่นนี้ มีการเพิ่มความสดใหม่ของรูปลักษณ์ภายนอกไม่มากนัก ชนิดที่ใครไม่มีเมมโมรี่หน้าตาของรุ่นก่อนปรับโฉมอยู่ในสมองแล้ว อาจจะตั้งคำถามว่า นี่เปลี่ยนแล้วเหรอ?
จุดหลักของรูปลักษณ์ภายนอก คือ การเปลี่ยนกันชนหน้ายกชุด โดยออกแบบทั้งในส่วนของช่องรับลมด้านหน้า และช่องสปอตไลท์ใหม่ ขณะที่กระจังหน้าถูกเปลี่ยนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และกินพื้นที่ลึกเข้ามาในกันชนหน้ามากขึ้นกว่าเดิม ตามด้วยการเพิ่มความสดใสกับล้ออัลลอยลายใหม่ และกระจกมองข้างรูปทรงใหม่ ส่วนด้านท้ายมีการปรับปรุงตำแหน่งการจัดวางของดวงไฟในโคมไฟท้ายซึ่งเป็นทรงเดิมแบบเหลี่ยมเฉียง
ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าเป็นเวอร์ชันที่ขายในเกาหลีใต้ เพราะซานตาเฟที่นี่เน้นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลเป็นหลัก ดังนั้น 2 รุ่นที่ขายจึงเป็นขุมพลังใหม่ในแบบ 4 สูบที่มีความจุ 2,000 ซีซี 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 39.9 กก.-ม. และ 2,200 ซีซี 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44.5 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่นใหม่ หรือธรรมดา 6 จังหวะ โดยมีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และ 4 ล้อ
ส่วนตลาดเมืองนอก รวมถึงเมืองไทยก็จะมีทางเลือกอื่นๆ ออกมาให้สัมผัสร่วมกับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลทั้ง 2 แบบข้างต้น โดยในกลุ่มของเบนซินวี6 ทั้งรุ่น 2,700 และ 3,200 ซีซี ซึ่งตอนนี้ไม่มีการเปิดเผยว่าจะมีการปรับปรุงเรื่องแรงม้าและแรงบิดหรือไม่ ถ้าไม่เปลี่ยนตัวเลขก็จะอยู่ที่ 185 และ 242 แรงม้าตามลำดับ
ในเกาหลีใต้ ซานตาเฟมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 25.84 ล้านวอน หรือ 707,944 บาท ส่วนตลาดกลุ่มอื่นๆ จะเริ่มทยอยทำตลาดกันอย่างต่อเนื่องนับจากปลายปีนี้เป็นต้นไป
