xs
xsm
sm
md
lg

BMW 3 SERIES ลงตัวขึ้น-ขับมันเหมือนเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ครั้งที่ ซีรี่ย์ 3 อี90 เปิดตัวประมาณ 3-4ปีที่แล้ว ยังจำเสียงเซ็งแซ่สรรเสริญจากเหล่าสาวกบิมเมอร์ ถึงการออกแบบที่ดูขัดหูขัดตา บ้างว่าไร้เอกลักษณ์ ขาดความคลาสสิค ละทิ้งความเป็นบีเอ็มดับเบิลยู จากนั้นก็พาลไปถึงหัวหน้าทีมออกแบบ “คริส แบงเกิ้ล” (ปัจจุบันแยกทางกับค่ายใบพัดสีฟ้าไปแล้ว) ว่าอารมณ์ทางศิลปะมาก (ติสแตก) เกิน

โดยส่วนตัวแม้ไม่ใช่สาวกพันธุ์แท้ แต่ก็มีความชื่นชมในภาพลักษณ์สปอร์ต รูปลักษณ์อันหล่อเหลา เร้าใจ ตั้งแต่พวก อี36 อี46(ชอบมาก) และจนมาถึงรุ่น อี90 ก็รู้สึกอุปานหมู่ไปตามกระแสเหมือนกัน แต่เมื่อวันเวลาผ่าน เห็นการออกแบบที่เป็น “คอร์ปอเรต ฟอร์ม” ของบีเอ็มดับเบิลยูหลายรุ่นหลากอนุกรม รวมถึงการเปิดตัวรถใหม่จากค่ายอื่นๆทั้งในระดับเดียวกัน หรือพวกแบรนด์แมสลงมา ก็พอเข้าใจถึงกระแสโลก และเทคโนโลยียานยนต์ที่เปลี่ยนไป



ดังนั้นเรื่องการออกแบบหรือรูปร่างหน้าตา คงต้องเป็นเรื่องนานาจิตตังครับ เพราะต่างคนต่างความคิด คุยกันทั้งวันก็ไม่จบ และตราบใดที่มนุษย์ยังมีกามคุณ 5 คือปรารถนาใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสกายอยู่ เชื่อว่าไม่มีส่วนผสมหรือความต้องการใดที่ตรงใจ 100% .....อี90 สวยไม่สวย? คงสุดแต่ใครพอใจ แต่รุ่นล่าสุดที่ไมเนอร์เชนจ์ ไปเมื่อเร็วๆนี้ ผมว่า มันดูดีขึ้นนะ

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 3 ไมเนอร์เชนจ์ เผยโฉมในตลาดโลกเมื่อกลางปีที่แล้ว จากนั้นมีคิวทำตลาดปลายปี ขณะที่ประเทศไทย นำเข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน บางกอกฯมอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยแบ่งขายเป็น 3 รุ่นย่อย คือตัวท็อป เครื่องยนต์ดีเซล 320d SE ราคา 2.899 ล้านบาท และเครื่องยนต์เบนซิน 320i ราคา 2.649 ล้านบาท 318i ราคา 2.399 ล้านบาท

รูปลักษณ์โดยรวมดูคมสันกว่าเดิม กับเส้นลายคู่ตรงฝากระโปรงหน้า รับไตคู่และกระจังหน้าลายใหม่ ส่วนไฟกรอบเดิมแต่เปลี่ยนรายละเอียดภายใน อย่างไฟเลี้ยวแบบ LED เพิ่มเสน่ห์ให้รถดูโดดเด่น สำหรับสเกิร์ตพร้อมเส้นสายด้านข้าง กรีดให้เฉียบ ดูมีมัดกล้าม ไล่ไปถึงแนวฝากระโปรงหลัง ส่วนไฟท้ายลายใหม่ซึ่งไฟเลี้ยวเป็นหลอด LED เช่นกัน

ด้านล้ออัลลอยลายใหม่ และแตกต่างกันทั้งสามรุ่นย่อย ขณะที่ 320d กับ 320i จะมากับขอบ 17 นิ้ว ประกบยางรันเฟลตขนาด 225/45R17 ขณะที่ 318i เป็นขอบ 16 ประกบยางรันเฟลต 205/55R16

ภายในถ้ามองเผินๆยังดูเหมือนรุ่นเดิม แต่บีเอ็มดับเบิลยูแจ้งว่ามีการปรับนิดหน่อย อาทิ เลื่อนปุ่มปรับกระจกข้างมาให้ใกล้ถนัดมือมากขึ้น แต้มขอบคิ้วอลูมิเนียมตรงแผงไมล์แสดงรอบ,ความเร็ว และปุ่มสั่งงานต่างให้ดูโดดเด่น ขณะที่ตัว 320d SE ใส่ฟังก์ชันไอ-ไดรฟ์ (รวมข้อมูลและระบบสั่งการต่างของรถ) รุ่นใหม่ ที่พยายามปรับปรุงให้ตรรกะการสั่งงานง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังมีช่อง USB เชื่อมต่อกับพวก iPod หรือบรรดา Gadget ความบันเทิงต่างๆได้อีกด้วย

สำหรับการลองของจริงต้องบอกว่า ใช้งานได้คล่องกว่ารุ่นเดิมครับ ส่วนหนึ่งเพราะ มีปุ่ม shortcut เพิ่มเข้ามา เป็น 7 ปุ่ม ทั้ง เมนูหลัก โทรศัพท์ วิทยุ ซีดี หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อ แต่จะติดตรงปุ่ม Navi ที่มีมาให้ แต่ใช้ไม่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่บีเอ็มดับเบิลยูแจ้งว่า เป็นเพราะซอร์ฟแวร์ของบริษัท ยังไม่รับกับแผนที่ประเทศไทย....อืม!

อย่างไรก้ตามความบันเทิงที่ได้เล่นฟังก์ชันไอ-ไดรฟ์ และความหรรษาจากการดูทีวีสิ้นสุดลง หลังผมปล่อยเบรกพร้อมส่งคันเร่งออกตัว ซึ่งนั่นไม่ได้เป็นเพราะสัญญาณภาพทีวีถูกตัดไป หากอยู่ตรงที่การได้นั่งหลังพวงมาลัย แล้วได้ควบคุมเจ้าอนุกรม 3 คันนี้มากกว่า...

บีเอ็มดับเบิลยู จัดทริปประมาณ 360 กิโลเมตร จากกรุงเทพไปปราณบุรี ให้บรรดาผู้สื่อข่าวได้ทดสอบ โดยระหว่างทางมีการขับเข้าไปวนแถวๆเขื่อนแก่งกระจาน เพื่อลองสมรรถนะเทพๆของรถ...ผมเริ่มจากการขับรุ่น 320d ก่อน ซึ่งความรู้สึกรวมๆ คล้ายกับตัวก่อนไมเนอร์เชนจ์ครับ (เป็นหนึ่งใน 10 สุดยอดรถทดสอบแห่งปี 2551 ของ “ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง”)

ด้วย DNA ความสปอร์ตที่ไม่จางหาย ทั้งการบังคับควบคุม และเครื่องยนต์ N47 2.0 ลิตร พลังมหาศาล 350 นิวตันเมตร ผสานการส่งกำลัง 6 สปีด บวกช่วงล่างปึกๆ จนบางคนว่ากระด้างเกินไป แต่โดยส่วนตัวก็เฉยๆนะครับกับแชสซีส์หรือช่วงล่าง เพราะผมว่ามันไม่ได้ดิบขนาดนั้น แต่โอเคถ้าคุณไปเทียบกับพวก ซี-คลาส หรือ IS205 แล้ว เจ้าซีรีย์ 3 อาจจะแข็งกว่านิดๆ

ข้อดีของบีเอ็มดับเบิลยูอีกประการคือ เวลาทำรถแล้ว ตั้งใจให้บุคลิกมันไปในทิศทางเดียวกันทั้งรถ คือนอกจากช่วงล่างแล้ว แฮนด์ลิง เบรก รูปลักษณ์ มันไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะมีแตกต่างบ้างก็เรื่องของเครื่องยนต์ ที่ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

ที่ต้องแยกเรื่องเครื่องยนต์ออกมา เพราะหลังการลองขับเครื่องดีเซลแล้ว ได้มีโอกาสสัมผัสตัวเบนซินที่เป็นขนาด 2.0 ลิตร 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ต้องบอกว่าคนละเรื่องครับ ยิ่งทางยาวๆในทริปนี้ (มีสิงห์รถบรรทุกเป็นเพื่อนร่วมทาง) แล้วต้องกวดตามพวกดีเซล...สรุปได้คำเดียวว่าเหนื่อย

สำหรับเครื่องยนต์ทั้งสองบล็อกไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิค แต่ลักษณะทางกายภาพอย่าง โอเวอร์แฮงค์ด้านหน้าเพิ่ม 2 มิลลิเมตร หลังเพิ่ม 9 มิลลิเมตร ความกกว้างฐานล้อหน้า(ซ้าย-ขวา)เพิ่มขึ้น 6 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างฐานล้อหลังเพิ่มอีก 22 มิลลิเมตร ขณะเดียวกันยังเปลี่ยนยางรันเฟลตของบริจสโตน เป็นเจเนอเรชัน 3 ที่พยายามทำให้เนื้อยางนุ่มมากขึ้น

การเพิ่มของมิติรถตามที่กล่าวมา บวกกับมาตรฐานเดิมคือ การถ่ายเทน้ำหนักหน้าหลัง 50:50 ทำให้การขับ ซีรีย์ 3 ใหม่ เปี่ยมไปด้วยความสนุกยิ่งขึ้น การเข้า-ออกโค้ง ให้ความมั่นใจ พวงมาลัยหนักแน่นคมกริบ

ด้านอัตราการซดน้ำมัน บีเอ็มดับเบิลยูเคลมตัวเลขเฉลี่ยอย่างเป็นทางการในรุ่น 320d ไว้ 16.7 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่ตัวเบนซินทั้ง 320i และ 318i อยู่ระดับใกล้เคียงกัน คือ 12-13 กิโลเมตรต่อลิตร อย่างไรก็ตามในทริปนี้ผมสังเกตแค่ตัวดีเซลที่ได้ลองขับ เห็นตัวเลขประมาณ 12-13 กิโลเมตรต่อลิตร

สุดท้ายกับความปลอดภัยมาตรฐาน อย่างระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC เสริมด้วยระบบ DTC ที่จะช่วยเพิ่ม Traction กันดิ้นกันหลุด ในกรณีพื้นผิวมีความลื่น หรือบนถนนที่มีเศษกรวดทราย รวมถึงระบบ CBC กระจายแรงเบรกขณะอยู่ในโค้ง เพื่อปรับแรงเบรกให้มีประสิทธิภาพสูงสุด (ล้อที่อยู่ด้านนอกของโค้งต้องการแรงเบรกมากกว่า อีกทั้งยังเป็นการป้องการการหมุนของรถเนื่องจากการเบรกขณะอยู่ในโค้ง)

รวบรัดตัดความ...เดินไปข้างๆระวังบาด เพราะหน้าตาเขาคมจริงๆ ส่วนสมรรถนะนั้นยังคงความสปอร์ตไว้เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะตัวดีเซลนั้นหาตัวจับยาก ขณะที่ยางรุ่นใหม่ที่นุ่มเนียนขึ้น พร้อมการขยายความกว้างแทรคหน้า-หลัง กลายเป็นส่วนผสมใหม่ที่ลงตัวให้ทั้งคนขับและผู้โดยสาร เรียกว่า จะเอามันหรือนั่งสบาย“ซีรีย์ 3 ใหม่”ก็ตอบสนองได้ครบถ้วน



กำลังโหลดความคิดเห็น