หลังจากเปิดตัวคันจริงให้เห็นในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตอนนี้เฟียตจัดการเคาะราคาและส่งรุ่นเปิดประทุนของ 500 ในชื่อ 500C ออกขายในตลาดยุโรปแล้ว มาครบทั้งพวงมาลัยซ้ายและขวา โดยแชร์พื้นฐานของตัวรถร่วมกับรุ่นแฮทช์แบ็ก เช่นเดียวกับทางเลือกของขุมพลังที่มีทั้งเบนซินและเทอร์โบดีเซลแบบเดียวกัน
ถือเป็นทางเลือกที่ 3 ของรุ่น 500 ใหม่ต่อจากตัวถังแฮทช์แบ็ก 3 ประตูและเวอร์ชันอาบาร์ธที่ถูกเปิดตัวออกมาช่วงปี 2007 และเป็นแนวทางเดิมที่เฟียตเคยใช้มาแล้วกับ 500 รุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวปี 1957 จนประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก
การออกแบบและพัฒนาตัวรถยังเป็นหน้าที่ของ Centro Stile Fiat เหมือนกับรุ่นแฮทช์แบ็ก รวมถึงมิติตัวถังของรถ มีความยาว 3,550 มิลลิเมตร กว้าง 1,650 มิลลิเมตร สูง 1,490 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,300 มิลลิเมตร แต่ทว่าแตกต่างจากรุ่นปกติตรงที่แผ่นหลังคาที่ควรจะเป็นแผ่นโลหะแข็งกลับถูกแทนที่ด้วยแผ่นหลังคาผ้าใบแบบรูดเก็บมาวางไว้ทางด้านหลังอย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสไตล์เดียวกับ 500C ที่เคยขายเมื่อ 50 ปีที่แล้ว
แผ่นหลังคาผ้าใบมีให้เลือก 3 สี พร้อมช่องบังลมด้านหลังได้รับการผลิตจากกระจกพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และตัวหลังคาพับเก็บอัตโนมัติผ่านทางปุ่มที่ติดตั้งอยู่ที่ภายในห้องโดยสาร สามารถพับเก็บหรือกางออกในขณะที่รถแล่นไม่เกิน 67 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ ขณะที่โครงสร้างตัวถังโดยเฉพาะแนวหลังคาได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อป้องกันอันตรายในขณะรถยนต์เกิดพลิกคว่ำ และแม้จะเป็นรถยนต์เปิดประทุน แต่จากการออกแบบที่ดี ทำให้ขณะที่รถกำลังแล่นมีกระแสลมเล็ดรอดเข้าสู่ห้องโดยสารน้อยมาก
3 ทางเลือกของเครื่องยนต์กับเบนซิน 2 รุ่นแบบ 4 สูบ 8 วาล์ว 1,200 ซีซี 51 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.4 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ/นาที และ 4 สูบ 16 วาล์ว 1,400 ซีซี 100 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.4 กก.-ม. ที่ 4,250 รอบ/นาที ส่วนเทอร์โบดีเซลแบบคอมมอนเรลในรุ่น Multijet เป็นแบบ 4 สูบ 1,300 ซีซี 75 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม. ที่ 1,500 รอบ/นาที
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงอยู่ระหว่าง 11-13.4 วินาที และความเร็วปลาย 160-182 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะหรือแบบคลัตช์ไฟฟ้า Dualogic 5 จังหวะ และมีระบบ Automatic Start/Stop เพื่อช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศ เพราะเครื่องยนต์จะดับเองโดยอัตโนมัติเมื่อจอดติดอยู่กับที่และกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อเข้าเกียร์เหมือนกับรถยนต์ไฮบริด
การเปิดตัว 500 รุ่นแฮทช์แบ็กออกมาในปี 2007 ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ เพราะรถยนต์รุ่นนี้ได้รับเลือกให้คว้ารางวัลทั่วโลกมากกว่า 30 รายการรวมถึงตำแหน่งรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งยุโรปในปี 2008 รวมถึงมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากกว่า 11 ล้านเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ 500 รวมถึงมียอดจองรถยนต์มากกว่า 360,000 คันจาก 59 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดหลักอยู่ที่อิตาลีด้วยยอดขาย 46% ส่วนอีก 54% เป็นตลาดที่เหลือทั่วโลก และเฟียตเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้จะกลับมาอีกครั้งสำหรับ 500C
สำหรับราคาของ 500C ในอังกฤษตั้งเอาไว้ที่ 12,500-12,700 ปอนด์ หรือ 687,000-698,000 บาท ส่วนเมืองไทยไม่น่าพลาดกับ ของเล่นเศรษฐี ที่มีสไตล์อย่างนี้ กับการนำเข้าของผู้นำเข้าอิสระ
