ในที่สุดก็วางขายแล้วสำหรับรถยนต์ไฮบริดสายพันธุ์ใหม่อย่าง HS ซึ่งทางเล็กซัสเปิดตัวให้ยลโฉมครั้งแรกที่งานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2009 ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมกับวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็น Entry Luxury Car ที่เน้นลูกค้าซึ่งชื่นชอบการขับเคลื่อนในแบบไฮบริด และทำตลาดโดยแทรกกลางระหว่างสายพันธุ์ IS และ ES
งานนี้ไม่มีเซอร์ไพรส์เพราะคันที่เปิดตัวครั้งแรกกับรุ่นจำหน่ายจริงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงรูปลักษณ์หรือทางวิศวกรรมให้แปลกใจกันเล่น ซึ่งนั่นเท่ากับว่า HS ที่จะขายในชื่อเต็มๆ แบบรุ่นเดียวว่า HS250h จะแชร์พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับโตโยต้า พริอุสโดยเฉพาะตัวถังด้านหน้า (ยกเว้นเครื่องยนต์) มาจนถึงเสากระจกบังลมหน้า ร่วมกับระบบไฮบริดที่ยกมาจากคัมรี่ ไฮบริด ซึ่งในบ้านเราเพิ่งจะเปิดตัวให้เห็นหน้าตากันไปเมื่อไม่นานมานี้
แต่ครั้นจะให้เหมือนกันทั้งหมด เดี๋ยวจะไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางการค้าได้ เล็กซัสจำเป็นต้องออกแบบ ‘สิ่งที่สามารถใช้สายตาสัมผัสได้’ ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ซึ่งมาในแบบซีดาน 4 ประตูที่มีความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd อยู่ที่ 0.27 แถมตัวรถยังเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกระดับโดยเลือกใช้วัสดุที่เป็น Ecological Plastics ในการผลิตชิ้นส่วนภายในห้องโดยสาร รวมแล้วประมาณ 30%
ระบบไฮบริดที่ใช้ยกชุดมาจากคัมรี่ ไฮบริดซึ่งเป็นการจับคู่กับระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,400 ซีซี ซึ่งใช้ระบบการเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle กับมอเตอร์ไฟฟ้าภายใต้ขุมพลังรหัส 2AZ-FXE ซึ่งถ้าขับเคลื่อนเฉพาะเครื่องยนต์อย่างเดียวจะมีกำลังอยู่ที่ 147 แรงม้า แต่เมื่อ 2 แรงประสานในการขับเคลื่อน ตัวเลขจะขยับขึ้นมาเป็น 187 แรงม้า โดยระบบนี้สามารถเลือกปรับการทำงานได้ 3 แบบ คือ
EV-Mode เป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบชั่วคราว เรียกว่าแบตเตอรี่ขนาด 245 โวลต์ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านหลังของเบาะหลังหมดเกลี้ยงเมื่อไรก็จะตัดกลับมาใช้เครื่องยนต์ทำงานแทนแล้วค่อยชาร์จเข้ามาเก็บใหม่ ตามด้วย Eco Mode เน้นความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยการปรับการทำงานของระบบไฮบริด และ PWR Mode ไม่สนตัวเลขประหยัดน้ำมัน เน้นสมรรถนะเป็นหลัก
เมื่อจับคู่กับเกียร์ CVT ในการส่งกำลัง ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าพอใจ โดยเฉพาะตัวเลขความสิ้นเปลืองสำหรับการใช้งานในเมือง ซึ่งตามปกติแล้วจะต่ำกว่าการแล่นบนไฮเวย์ แต่ในกรณีของ HS250h แล้ว มีอัตราความสิ้นเปลืองในเมืองอยู่ที่ 14.2 กิโลเมตร/ลิตรใกล้เคียงกับที่ทำได้เวลาขับนอกเมือง ส่วนสมรรถนะดีพอตัว กับอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใช้เวลา 8.4 วินาที และได้รับการรับรองในเรื่องระดับของการปล่อยมลพิษอยู่ในกลุ่ม SULEV หรือ Super Ultra Low Emission Vehicle
ในช่วงแรกของการทำตลาด เล็กซัสเน้นเจาะตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก และคาดว่าราคาจะอยู่ในระดับ 35,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.2 ล้านบาท ส่วนตลาดกลุ่มอื่นๆ ในตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยแผนการออกมาในตอนนี้
งานนี้ไม่มีเซอร์ไพรส์เพราะคันที่เปิดตัวครั้งแรกกับรุ่นจำหน่ายจริงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงรูปลักษณ์หรือทางวิศวกรรมให้แปลกใจกันเล่น ซึ่งนั่นเท่ากับว่า HS ที่จะขายในชื่อเต็มๆ แบบรุ่นเดียวว่า HS250h จะแชร์พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับโตโยต้า พริอุสโดยเฉพาะตัวถังด้านหน้า (ยกเว้นเครื่องยนต์) มาจนถึงเสากระจกบังลมหน้า ร่วมกับระบบไฮบริดที่ยกมาจากคัมรี่ ไฮบริด ซึ่งในบ้านเราเพิ่งจะเปิดตัวให้เห็นหน้าตากันไปเมื่อไม่นานมานี้
แต่ครั้นจะให้เหมือนกันทั้งหมด เดี๋ยวจะไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางการค้าได้ เล็กซัสจำเป็นต้องออกแบบ ‘สิ่งที่สามารถใช้สายตาสัมผัสได้’ ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ซึ่งมาในแบบซีดาน 4 ประตูที่มีความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd อยู่ที่ 0.27 แถมตัวรถยังเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกระดับโดยเลือกใช้วัสดุที่เป็น Ecological Plastics ในการผลิตชิ้นส่วนภายในห้องโดยสาร รวมแล้วประมาณ 30%
ระบบไฮบริดที่ใช้ยกชุดมาจากคัมรี่ ไฮบริดซึ่งเป็นการจับคู่กับระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,400 ซีซี ซึ่งใช้ระบบการเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle กับมอเตอร์ไฟฟ้าภายใต้ขุมพลังรหัส 2AZ-FXE ซึ่งถ้าขับเคลื่อนเฉพาะเครื่องยนต์อย่างเดียวจะมีกำลังอยู่ที่ 147 แรงม้า แต่เมื่อ 2 แรงประสานในการขับเคลื่อน ตัวเลขจะขยับขึ้นมาเป็น 187 แรงม้า โดยระบบนี้สามารถเลือกปรับการทำงานได้ 3 แบบ คือ
EV-Mode เป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบชั่วคราว เรียกว่าแบตเตอรี่ขนาด 245 โวลต์ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านหลังของเบาะหลังหมดเกลี้ยงเมื่อไรก็จะตัดกลับมาใช้เครื่องยนต์ทำงานแทนแล้วค่อยชาร์จเข้ามาเก็บใหม่ ตามด้วย Eco Mode เน้นความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยการปรับการทำงานของระบบไฮบริด และ PWR Mode ไม่สนตัวเลขประหยัดน้ำมัน เน้นสมรรถนะเป็นหลัก
เมื่อจับคู่กับเกียร์ CVT ในการส่งกำลัง ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าพอใจ โดยเฉพาะตัวเลขความสิ้นเปลืองสำหรับการใช้งานในเมือง ซึ่งตามปกติแล้วจะต่ำกว่าการแล่นบนไฮเวย์ แต่ในกรณีของ HS250h แล้ว มีอัตราความสิ้นเปลืองในเมืองอยู่ที่ 14.2 กิโลเมตร/ลิตรใกล้เคียงกับที่ทำได้เวลาขับนอกเมือง ส่วนสมรรถนะดีพอตัว กับอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใช้เวลา 8.4 วินาที และได้รับการรับรองในเรื่องระดับของการปล่อยมลพิษอยู่ในกลุ่ม SULEV หรือ Super Ultra Low Emission Vehicle
ในช่วงแรกของการทำตลาด เล็กซัสเน้นเจาะตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก และคาดว่าราคาจะอยู่ในระดับ 35,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.2 ล้านบาท ส่วนตลาดกลุ่มอื่นๆ ในตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยแผนการออกมาในตอนนี้