ทิ้งระยะจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนเมษายนได้ไม่นาน ทางด้านนิสสันจัดการเผยราคาของนิสโม 370Z ตัวแต่งมาดสปอร์ตจากโรงงานที่ได้รับการเพิ่มความสวยทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน รวมถึงรีดม้าเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย โดยตั้งราคาขายในสหรัฐอเมริกาเอาไว้ที่ 39,130 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.36 ล้านบาท
เป็นเวอร์ชันที่ 3 ของสายพันธุ์ 370Z ที่ถูกส่งลงตลาดต่อจากรุ่นคูเป้ และเปิดประทุน โดย Nismo 370Z เป็นโปรเจ็กต์แต่งนิดเพิ่มความแรงอีกหน่อย และเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดเมืองลุงแซมเป็นหลัก โดยเวอร์ชันนี้มีขายเฉพาะรุ่นคูเป้ก่อน ส่วนเรื่องที่ว่าจะขยายตลาดไปสู่รุ่นเปิดประทุนด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้
โปรเจ็กต์นี้เป็นความร่วมมือทำงานระหว่างแผนก SVG หรือ Specialty Vehicles Group ของนิสสันกับ Autech พันธมิตรในตลาดชุดแต่ง หรือ Aftermarket ของนิสสันในญี่ปุ่นที่จับมือกันมานานหลายสิบปี ในการเจาะกลุ่มลูกค้าของนิสสันที่ต้องการ 370Z ที่มีความสวยเหนือระดับจากรุ่นมาตรฐานและแรงแบบพอประมาณจากโรงงาน
ชุดแต่งที่ถูกนำมาติดตั้งให้กับตัวรถ ไม่ได้เน้นไปที่ความสวยงามของรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับการออกแบบให้เอื้อประโยชน์ในเชิงหลักอากาศพลศาสตร์ โดยเฉพาะการสร้างแรงกดบนตัวถัง หรือ Downforce เพื่อช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดีขณะแล่นด้วยความเร็วสูง ขณะที่ชายล่างที่ต่อออกมาจากกันชนหน้าและสเกิร์ตด้านข้างมีรูปทรงที่ลู่ลม และช่วยให้การไหลของอากาศผ่านตัวถังทั้งทางด้านข้างและด้านล่างมีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์วี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3,700 ซีซีพร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVEL Variable Valve Event and Lift Control ถูกโมดิฟายพอประมาณ ด้วยการเปลี่ยนชุดท่อไอเสียใหม่ และหม้อพักใบท้าย เช่นเดียวกับการปรับแต่งในส่วนของกล่องสมองกล ECM ได้กำลังเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 18 แรงม้า เป็น 350 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 28.6 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังมีขายแบบเดียวกับธรรมดา 6 จังหวะแบบอัตราทดชิด พร้อมกับระบบ SynchroRey ซึ่งจะควบคุมและเปลี่ยนความเร็วรอบเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเพื่อให้สัมพันธ์กับการเข้าเกียร์ในตำแหน่งต่อไป พร้อมกับมีการเร่งรอบเครื่องยนต์ หรือ Blipping โดยอัตโนมัติในจังหวะที่เปลี่ยนเกียร์ลง คล้ายกับเทคนิก Heel&Toe ทำให้ผู้ขับทุ่มเทความสนใจในการขับไปที่การเบรกและการเลี้ยวได้มากขึ้น และไม่ต้องกังวลว่าตัวรถจะเกิดอาการสะท้านในจังหวะที่เปลี่ยนเกียร์ลงและถอนคลัตช์ออกจนเสียงจังหวะก่อนเข้าโค้งเหมือนกันรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดาทั่วไป และสามารถกดปิดการทำงานหากไม่ต้องการใช้
ระบบช่วงล่างแบบปีกนกด้านหน้าและยึด 4 จุดด้านหลังมีการเปลี่ยนสปริงและโช้กอัพใหม่ โดยสปริงหน้าแข็งขึ้น 15% และด้านหลัง 10% เช่นเดียวกับเหล็กกันโคลงด้านหน้าและหลังมีค่าความแข็งเพิ่มขึ้น 15 และ 50% ตามลำดับ ขณะที่ล้อแม็กเป็นลายใหม่จาก RAYS แบบ Forged ขนาด 19 นิ้ว ด้านหน้ามีหน้ากว้าง 9.5 และด้านหลัง 10.5 นิ้วจับคู่กับยางขนาด 245/40ZR19 และ 285/35ZR19 ส่วนดิสก์หน้าและหลังขยับขนาดเป็น 14 และ 13.8 นิ้วพร้อมคาลิเปอร์แบบ 4 และ 2 ลูกสูบตามลำดับ
เริ่มขายแล้วในสหรัฐอเมริกา ส่วนใครที่อยากได้เวอร์ชันที่แรงและเร้าใจกว่านี้ ข่าวแว่วว่า นิสสันกำลังมีโปรเจ็กต์ใหม่ในการพัฒนา 370Z ตัวแรงออกมาเช่นกันโดยใช้ชื่อว่านูร์บูร์กริง เอดิชัน และมีการผลิตออกมาเพียง 80 คันเท่านั้น แต่จะเปิดตัวหรือขายด้วยราคาเท่าไร ต้องติดตามข่าวกันต่อไป