ก่อนที่จะถึงความเคลื่อนไหวแรกของปีสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์โลกกับงานโชว์ที่ดีทรอยต์ ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานนับสิบกว่าปีแล้วที่ตลาดรถแต่ง หรือ After Market จะออกสตาร์ทก่อนใครเพื่อนกับงานโชว์ในชื่อ “โตเกียว ออโต้ ซาลอน” ที่บรรดานักซิ่งในบ้านเรารู้จักกันดี และมีคนไทยไปเดินสัมผัสบรรยากาศความแรงกันถึงที่เยอะมาก
ประเด็นที่น่าสนใจของงานนี้ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีความแรงและอุปกรณ์ตกแต่งที่ละลานตาแถมยังสอดคล้องกับรสนิยมและรถยนต์ที่ขายในเมืองไทยเท่านั้น แต่นับจากช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 เป็นต้นมา โตเกียว ออโต้ ซาลอน มีสภาพไม่ต่างจาก SEMA Show ซึ่งถือเป็นงานบิ๊กเบิ้มของโลก After Market ที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เพราะงานนี้กลายเป็นที่สนใจของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ในการยึดพื้นที่เพื่อเข้าร่วมจัดแสดง แถมยังมากันคับคั่งไม่ต่างจากงานมอเตอร์โชว์สำหรับรถบ้านอีกด้วย
แน่นอนว่าในเมื่อตัวงานจัดขึ้นที่ญี่ปุ่นบรรดา ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าถิ่นที่มีแบรนด์แต่งรถเป็นของตัวเอง เช่น โตโยต้ากับทีอาร์ดี, ฮอนด้ากับโมดูโล, นิสสันกับนิสโม, ซูบารุกับเอสทีไอ, มิตซูบิชิกับแรลลี่อาร์ต,มาสด้ากับมาสด้าสปีด หรือซูซูกิกับซูซูกิสปอร์ต ต่างก็ใช้เวทีนี้เป็นการประชาสัมพันธ์ไลน์ธุรกิจในกลุ่มชุดแต่งของตัวเอง โดยมักจะนำรถแรงหรือตัวแต่งที่อิงพื้นฐานมาจากรถยนต์ในสายการผลิตของตัวเองมาเปิดตัว หรือบางครั้งอาจจะมีรถยนต์ในสายการผลิตรุ่นใหม่มาเปิดตัวในงานนี้
ส่วนเหตุผลกคงหนีไม่พ้นเรื่องของการพยายามกินรวบทั้งตลาดรถยนต์ธรรมดาและตลาดชุดแต่ง ซึ่งเมื่อก่อนบรรดาผู้ผลิตรถยนต์เหล่านี้อาจจะไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก และมักจะโดนกวาดไปโดยบริษัทผลิตชุดแต่ง หรือสำนักแต่งต่างๆ ที่อยู่ในตลาด เรียกว่าทำอะไรสักนิดก็ยังดีกว่าปล่อยเอาไว้เฉยๆ เพราะยังไงคงมีลูกค้าบางกลุ่มที่ยังต้องการความสวยที่ถอดแบบมาจากแคตลาล็อกของผู้ผลิตรถยนต์โดยที่ไม่หมดประกันหลังจากติดสเกิร์ตหรือใส่ล้อวงโตเข้าไป
งานโตเกียว ออโต้ ซาลอน ตามปกติแล้วจะมีขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม มีแค่ 3 วัน คือ ศุกร์-อาทิตย์ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 11-13 มกราคม และในเมื่อใกล้ช่วงเวลาของการจัดงานเช่นนี้ บรรดาผู้ผลิตรถยนต์บางรายก็เริ่มเผยทีเด็ดสำหรับเข้าร่วมงานในปีนี้ โดยที่ในตอนนี้มีมาสด้า และฮอนด้าชิงตัดหน้าก่อนใครเพื่อนด้วยความสวยและความสปอร์ตที่เหนือระดับของรถยนต์ที่มีขายอยู่ในตลาด
สำหรับฮอนด้า การันตีเลยว่าคงถูกใจบรรดาฮอนด้ามาเฟียในไทย เพราะว่าต้นแบบทั้ง 3 คันมาพร้อมกับชุดแต่งของโมดูโล และเป็นรถยนต์ที่อยู่ในกระแสความสนใจ โดย 2 รุ่นมีขายอยู่ในไทยแล้ว ส่วนอีกรุ่นกำลังจะตามมา ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนมีนาคมนี้ที่งานบางกอก มอเตอร์โชว์ คงจะไม่ความเคลื่อนไหวให้สัมผัสกัน
รุ่นแรกแม้ว่าชื่อจะไม่คุ้นหูสักเท่าไร แต่นี่คือแอคคอร์ด เวอร์ชันไทยและสหรัฐอเมริกา เพียงแต่ว่าฮอนด้านำแอคคอร์ด เวอร์ชันนี้เข้ามาขายในญี่ปุ่นด้วยชื่อ “อินสไปร์” ซึ่งแนวทางการทำตลาดในลักษณะนี้มีมาตั้งแต่อินสไปร์รุ่นที่แล้ว และฮอนด้าก็ทำซ้ำอีกครั้งสำหรับรุ่นนี้ เพียงแต่ว่าอินสไปร์ ใหม่จะมีขายในญี่ปุ่นเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์วี6 ไม่มีแบบ 4 สูบให้เลือกเหมือนกับแอคคอร์ดในบ้านเราและเมืองลุงแซม
ต้นแบบรุ่นนี้จัดแสดงในชื่อ Honda Inspire Modulo Concept ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของโมดูโล ซึ่งเป็นแผนกพัฒนาชุดแต่งสำหรับรถยนต์ของฮอนด้า เน้นความสวยสปอร์ตรอบคันด้วยชุดสเกิร์ต พร้อมกับไฟหน้าสไตล์ใหม่ และเปลี่ยนมาใช้ล้อแม็กวงโตขนาด 19 นิ้วจับคู่กับยาง 245/40R19
ส่วนภายในเสริมความหรูผสมความโฉบเฉี่ยวด้วยเบาะหนังแบบทูโทน ดำ-ส้ม และชุดเครื่องเสียงแบบไฮเอนด์แยกส่วนให้กับผู้โดยสารทั้ง 4 คนที่นั่งอยู่ในรถ เรียกว่าใครอยากฟังอะไรก็เลือกฟังตามความชอบของตัวเองได้เลย และด้านหน้ามีจอ LCD ขนาดย่อมๆ 2 จอ พับเก็บซ่อนเอาไว้สำหรับคนที่อยากดูหนัง
อีกคันเป็นผลผลิตแบบหลุดโลกเมื่อโมดูโลจัดการแปลงโฉม “ซีวิค ไทป์ อาร์” รุ่นปัจจุบันด้วยชุดแต่งสไตล์ใหม่รอบคันชนิดที่ไม่เหลือเค้าโครงเดิม และถอดล้อขนาด 18 นิ้วออกแทนที่ด้วย 19 นิ้วพร้อมยางขนาด 225/35R19 ส่วนในห้องโดยสารเน้นความสปอร์ตอย่างเต็มพิกัดเปลี่ยนทั้งเบาะ พวงมาลัยที่ได้รับการออกแบบให้ดูคล้ายกับพวงมาลัยรถแข่ง F1 และแผงหน้าปัดแบบดิจิตอลเพื่อเอาใจแฟนๆ
ปิดท้ายความสปอร์ตกับรถยนต์ยอดนิยมของฮอนด้าในขณะนี้อย่างฟิต หรือแจ๊ซใหม่ ในชื่อรุ่น” Honda Fit Luxe'ster” เน้นความสวยแบบพอประมาณด้วยชุดสเกิร์ตรอบคัน และล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว แต่ภายในเน้นความหรูด้วยการหุ้มหนังโทนสี Dark Tan ที่พวงมาลัย, แผงหน้าปัด, หัวเกียร์ และเบาะนั่ง เพื่อยกระดับความสวยสอดคล้องกับชื่อรุ่น Luxe'ster
ส่วนทางฝั่งมาสด้าก็ไม่น้อยหน้าเช่นกันกับผลงานที่มาจากความร่วมมือในการทำงานระหว่างมาสด้ากับแผนกผลิตชุดแต่งอย่างมาสด้าสปีด และแน่นอนว่ารถยนต์ที่ผ่านการเสริมหล่อนั้นเป็นรุ่นใหม่ที่อยู่ในกระแสของคนญี่ปุ่นทั้งอาเทนซาใหม่ (6), เดมิโอใหม่ (2) หรือแม้แต่รุ่นที่เปิดตัวมานานแล้วอย่างแอกเซลา (3) และอาร์เอ็กซ์-8
นอกจากนั้น มาสด้าเปิดเผยอีกว่าทางบริษัทยังร่วมมือกับผู้ผลิตชุดแต่งชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง Kenstyle และ Damn ในการร่วมพัฒนาชุดแต่งเสริมความสวยให้กับรูปลักษณ์สำหรับรถยนต์ของมาสด้าอีกด้วย ซึ่งค่ายแรกจะรับงานถนัดในการผลิตชุดแต่งให้กับรถยนต์อเนกประสงค์ในกลุ่มมินิแวนอย่างเอ็มพีวี และค่ายหลังจะเสริมสวยให้กับอาเทนซา ซึ่งผลผลิตจากความร่วมมือนี้จะมีการผลิตออกขายในอนาคตด้วย
สำหรับมาสด้า เดมิโอ หรือ 2 นอกจากจะมากับความสวยซึ่งเป็นผลงานของมาสด้าสปีดแล้ว มาสด้ายังคลอดอีก 3 รุ่นใหม่เป็นแบบ 3 สีเพื่อรับกับการเปลี่ยนจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง 3 รุ่นอยู่ใน Haru Iro Collection หรือ Spring Color Collection มีให้เลือก 3 สี คือ ฟ้า, ชมพูและเขียว พร้อมกับการตกแต่งภายในห้องโดยสารให้สอดคล้องกับสีตัวถัง และแน่นอนว่าจะมีขายในตลาดอย่างแน่นอน
ไม่ได้มีแค่นี้ แฟนๆ ของมาสด้ายังจะได้สัมผัสกับเวอร์ชันต่างๆ ที่ได้รับการเสริมสวยจากโรงงาน เช่นเวอร์ชัน “Cool Style” ที่พัฒนามาเพื่อรถยนต์อเนกประสงค์อย่างรุ่นซีเอ็กซ์-7 และพรีมาซี่ ไมเนอร์เชนจ์, มาสด้า อาร์เอ็กซ์-8 กับรุ่นไทป์ อาร์เอสที่ได้รับการเสริมความสปอร์ตจากโรงงานด้วยชุดช่วงล่างจาก Bilstien, ล้อแม็กแบบ Forged ขนาด 19 นิ้ว และเบาะนั่งของ Recaro
สำหรับเวอร์ชัน NA-R ของมาสด้า โรดสเตอร์ หรือเอ็มเอ็กซ์-5 ในปีนี้มาจัดแสดงพร้อมกับออพชั่นรายการใหม่ๆ สำหรับเวอร์ชันปี 2008 เช่น โรลบาร์, ห่วงสำหรับเอาไว้ลาก และเข็มขัดนิรภัยที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ ซึ่งเจ้าของสามารถซื้อไปติดเพื่อลงแข่งในสนาม
มาสด้าผลิตเวอร์ชัน NA-R ออกขายมาตั้งแต่ปี 2001 โดยรถสปอร์ตเวอร์ชันนี้ได้รับการปรับปรุงภายใต้แนวคิด Jinba Ittai (rider and horse as one) ซึ่งก็คือการผสมผสานสัมผัสแห่งการขับระหว่างรถและคนขับให้เป็นหนึ่งเดียวสำหรับการใช้งานบนถนน หรือจะนำเข้าร่วมการแข่งขันก็ได้
ส่วนรุ่นใหม่ล่าสุดนี้เปิดตัวต้นปี 2007 โดยเป็นการปรับปรุงสเปกของเอ็มเอ็กซ์-5 รุ่นใหม่ เครื่องยนต์ 2,000 ซีซี พร้อมเกียร์ 5 จังหวะโดยอิงพื้นฐานจากตัวแข่งรายการ Roadster Party ที่มีขึ้นครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายน 2006 โดยส่วนที่มีการติดตั้งเพิ่มเติมขึ้นมาจากโรดสเตอร์รุ่นพื้นฐานก็เช่น ลิมิเต็ดสลิป LSD, แป้นเบรก/คันเร่ง/คลัตช์ผลิตจากอะลูมิเนียม, ชุดช่วงล่างแบบปรับระดับความสูงได้จาก Bilstien, พวงมาลัยหนัง, ล้อ 16 นิ้ว และเหล็กค้ำโช้กหน้า