นายเฉลิมไท ญาณภิรัต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า หลังจากศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2552 ให้ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องแบบ ขนาด และมาตรฐานของเครื่องตรวจสภาพรถและสิ่งอำนวยความสะดวกในการตรวจสภาพรถ มีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2552 นี้ เป็นต้นไป สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่จะให้บริการตรวจสภาพรถยนต์แก่ประชาชน จะต้องติดตั้งเครื่องทดสอบระบบห้ามล้อและเครื่องทดสอบศูนย์ล้อตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด โดย ตรอ. ที่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องทดสอบระบบห้ามล้อและศูนย์ล้อดังกล่าว จะไม่สามารถให้บริการตรวจสภาพรถยนต์แก่ประชาชน ผู้ฝ่าฝืนกรมการขนส่งทางบก จะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้ง ตรอ. ทันที
ปัจจุบันมี ตรอ. อยู่ทั่วประเทศ จำนวน 2,098 ราย เป็น ตรอ. ที่ให้บริการตรวจสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จำนวน 1,726 ราย ติดตั้งเครื่องทดสอบระบบห้ามล้อและศูนย์ล้อแล้ว จำนวน 780 ราย โดยมีที่ยังไม่ได้ติดตั้งอยู่ จำนวน 946 ราย ซึ่ง ตรอ. ที่ยังไม่ได้ติดตั้งเครื่องทดสอบระบบห้ามล้อและศูนย์ล้อดังกล่าว จะให้บริการตรวจสภาพได้เฉพาะรถจักรยานยนต์เท่านั้น ดังนั้น ประชาชนที่จะนำรถยนต์เข้ารับการตรวจสภาพกับ ตรอ. ก่อนต่ออายุภาษี จึงควรตรวจสอบรายชื่อ ตรอ. ที่ติดตั้งเครื่องทดสอบระบบห้ามล้อและศูนย์ล้อทางเว็บไซต์ www.vicd.in.th หรือ Call Center 1584 ก่อนนำรถเข้ารับบริการเพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง
ส่วน ตรอ. ที่ให้บริการตรวจสภาพรถจักรยานยนต์เพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ จำนวน 372 ราย สามารถให้บริการได้ตามปกติ ทั้งนี้ อัตราค่าบริการตรวจสภาพรถยนต์รวมการทดสอบระบบห้ามล้อและศูนย์ล้อ สำหรับรถยนต์ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม (รถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์) อัตราค่าบริการ คันละ 200 บาท และรถยนต์ที่มีน้ำหนักเกินกว่า 2,000 กิโลกรัม (รถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยกรมการขนส่งทางบก) อัตราค่าบริการ คันละ 300 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์ อัตราค่าบริการ คันละ 60 บาท
ระบบห้ามล้อและศูนย์ล้อของรถยนต์ ถือเป็นส่วนสำคัญต่อความปลอดภัยในการใช้รถเป็นอย่างมากหากระบบห้ามล้ออยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน หรือศูนย์ล้อไม่ได้มาตรฐานอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ เจ้าของรถจึงควรใส่ใจตรวจสอบสภาพความพร้อมเพื่อความปลอดภัยอยู่เสมอ ผู้ประกอบการ ตรอ. ที่ประสงค์ติดตั้งเครื่องทดสอบระบบห้ามล้อและศูนย์ล้อ เพื่อให้บริการตรวจสภาพรถยนต์แก่ประชาชนได้อย่างถูกต้อง