ข่าวต่างประเทศ - ตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกายังเจอวิกฤตอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการเปิดเผยยอดขายของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่ามีตัวเลขต่ำที่สุดในรอบกว่า 40 ปี โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 691,073 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 40.9% ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 1,168,729 คัน
จากการเปิดเผยของจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส ซึ่งมีการเก็บรวบรวมสถิติยอดขายรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ระบุว่า ตัวเลขยอดขายของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาถือว่าต่ำที่สุดนับจากเดือนกุมภาพันธ์ปี 1967 แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่วิกฤตกว่า เพราะความต่างในเรื่องของจำนวนประชากร โดยในปัจจุบัน ประชากรของสหรัฐอเมริกาที่ขับรถมีมากกว่าปี 1967 ถึง 2 เท่าตัว แต่กลับมีตัวเลขยอดขายที่ใกล้เคียงกับเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว
อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่ไม่เป็นผลของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ในเมืองลุงแซม ที่มีการระบุว่า มีการเทงบประมาณจำนวนมากเพื่อพยายามสร้างแคมเปญต่างๆ ในการสร้างแรงจูงใจต่อการซื้อรถยนต์ของชาวอเมริกัน
สำหรับยอดขายรถยนต์เดือนนี้ จีเอ็มซึ่งกำลังประสบวิกฤตอย่างหนักโดยเฉพาะเรื่องราคาหุ้นที่ลดต่ำสุดในรอบ 75 ปี ก็ยังเป็นผู้ผลิตหมายเลข 1 ด้วยยอดขาย 127,296 คัน แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 53% และเป็นอัตราส่วนของการลดลงที่มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น
อันดับ 2 เป็นของโตโยต้า ด้วยยอดขาย 109,583 คันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 39.8% ตามด้วยฟอร์ด มอเตอร์ มีตัวเลข 99,400 คัน (-48.4%), ไครสเลอร์ 84,050 คัน (-44%), ฮอนด้า 71,575 คัน (-38%) และนิสสัน 54,249 คัน (-37%)
แม้เดือนนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ที่ขายในสหรัฐอเมริกาล้วนมีตัวเลขยอดขายติดลบจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ท่ามกลางข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดี เพราะมีผู้ผลิตรถยนต์เพียง 2 รายที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นั่นคือซูบารุ และเกีย ซึ่งมีตัวเลข 13,089 คัน (+1.4%) และ 22,073 คัน (+0.4%)
สำหรับสาเหตุของตลาดรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนกุมภาพันธ์หดตัวครั้งใหญ่ ทางด้านนักวิเคราะห์ และผู้บริหารบริษัทรถยนต์ต่างโยนความผิดไปให้กับดัชนีความมั่นใจของผู้บริโภคต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งมีระดับความเชื่อมั่นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยชาวอเมริกันส่วนใหญ่ลดค่าใช้จ่ายใคครัวเรือนและเก็บออมเงินกันมากกว่าที่ผ่านๆมา
จากการเปิดเผยของจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส ซึ่งมีการเก็บรวบรวมสถิติยอดขายรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ระบุว่า ตัวเลขยอดขายของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาถือว่าต่ำที่สุดนับจากเดือนกุมภาพันธ์ปี 1967 แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่วิกฤตกว่า เพราะความต่างในเรื่องของจำนวนประชากร โดยในปัจจุบัน ประชากรของสหรัฐอเมริกาที่ขับรถมีมากกว่าปี 1967 ถึง 2 เท่าตัว แต่กลับมีตัวเลขยอดขายที่ใกล้เคียงกับเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว
อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่ไม่เป็นผลของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ในเมืองลุงแซม ที่มีการระบุว่า มีการเทงบประมาณจำนวนมากเพื่อพยายามสร้างแคมเปญต่างๆ ในการสร้างแรงจูงใจต่อการซื้อรถยนต์ของชาวอเมริกัน
สำหรับยอดขายรถยนต์เดือนนี้ จีเอ็มซึ่งกำลังประสบวิกฤตอย่างหนักโดยเฉพาะเรื่องราคาหุ้นที่ลดต่ำสุดในรอบ 75 ปี ก็ยังเป็นผู้ผลิตหมายเลข 1 ด้วยยอดขาย 127,296 คัน แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 53% และเป็นอัตราส่วนของการลดลงที่มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น
อันดับ 2 เป็นของโตโยต้า ด้วยยอดขาย 109,583 คันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 39.8% ตามด้วยฟอร์ด มอเตอร์ มีตัวเลข 99,400 คัน (-48.4%), ไครสเลอร์ 84,050 คัน (-44%), ฮอนด้า 71,575 คัน (-38%) และนิสสัน 54,249 คัน (-37%)
แม้เดือนนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ที่ขายในสหรัฐอเมริกาล้วนมีตัวเลขยอดขายติดลบจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ท่ามกลางข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดี เพราะมีผู้ผลิตรถยนต์เพียง 2 รายที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นั่นคือซูบารุ และเกีย ซึ่งมีตัวเลข 13,089 คัน (+1.4%) และ 22,073 คัน (+0.4%)
สำหรับสาเหตุของตลาดรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนกุมภาพันธ์หดตัวครั้งใหญ่ ทางด้านนักวิเคราะห์ และผู้บริหารบริษัทรถยนต์ต่างโยนความผิดไปให้กับดัชนีความมั่นใจของผู้บริโภคต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งมีระดับความเชื่อมั่นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยชาวอเมริกันส่วนใหญ่ลดค่าใช้จ่ายใคครัวเรือนและเก็บออมเงินกันมากกว่าที่ผ่านๆมา
