เอเจนซี - ราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 3.5 เปอร์เซ็นต์ หลุดต่ำกว่า 44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันพฤหัสบดี (5) จากความคาดหมายว่า อุปสงค์พลังงานโลกจะดิ่งลงอีก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรุดกลับไปอยู่ในระดับต่ำที่สุดรอบ 12 ปี อีกครั้ง หลังจีเอ็มเตือนว่าบริษัทเสี่ยงต่อการล้มละลายและความกังวลต่อชะตากรรมของระบบธนาคาร
“เศรษฐกิจและความกังวลทางอุปสงค์สะท้อนสู่การร่วงลงอย่างรุนแรงของวอลล์สตรีท และมันเป็นส่วนหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบดิ่งลง” ไคล์ คูเปอร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยไอเอเอฟแอดไวเซอร์ส กล่าว
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ เบรนต์ของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ร่วงลง 2.48 ปิดที่ 43.64 ดอลลาร์
การร่วงลงของราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากข้อมูล ที่พบว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในกลุ่มยูโรโซน ร่วงลงแรงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2008 และคำสั่งซื้อของโรงงานสหรัฐฯ ลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ น้ำมันแล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (5) กลับมาดิ่งหนักถลำลึกจากระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี หลัง เจนเนอรัล มอเตอร์ส ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ เตือนถึงความเป็นไปได้ที่บริษัทอาจต้องล้มละลายและความกังวลต่อชะตากรรมของระบบธนาคารที่ผลักนักลงทุนหนีห่างจากสินทรัพย์เสี่ยง
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ร่วงลง 281.40 จุด (4.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,594.44 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 30.32 จุด (4.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 682.55 จุด ขณะที่ แนสแดก ลดลง 54.15 จุด (4.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,299.59 จุด ต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีนาคม 2003
