เอเจนซี - ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเกือบ 4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันอังคาร (24) จากแรงคาดหมายว่าโอเปกจะลดกำลังผลิตอีกรอบ สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯอันผันผวน ที่สุดท้ายแล้วกลับมาปิดตลาดในแดนลบ เหตุนักลงทุนกังวลว่าเงินที่รัฐบาลนำมาค้ำจุนระบบการเงินอาจไม่เพียงพอ
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ปิดที่ 41.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับขึ้น 1.50 ดอลลาร์ (3.74 เปอร์เซ็นต์) ขณะที่เบรนต์ของลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้วยอุปสงค์ทางพลังงานที่ทรุดตัวลงเรื่อยๆ สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโกลถดถอย ได้ฉุดรั้งราคาน้ำมันดิ่งลงมาจากสถิติสูงสุดตลอดกาลเหนือ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อน ส่งผลให้ทางกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ต้องมีมติลดกำลังผลิตลงอย่างรุนแรงหลายระลอก
ทั้งนี้ ชาติสมาชิกโอเปกบางประเทศได้เรียกร้องให้ทางกลุ่มลดกำลังผลิตอีกครั้ง ณ ที่ประชุมครั้งหน้า กลางเดือนนี้
“ตลาดน้ำมันดิบมีแรงผลักดันกันระหว่างมือข้างหนึ่ง คือ ความกังวลทางเศรษฐกิจโลกกับมืออีกข้างหนึ่ง คือ สิ่งที่โอเปกจะทำ ณ การประชุมที่มีขึ้นในวันที่ 15 มีนาคมนี้” แอนดี เลโบว์ โบรกเกอร์จากเอ็มเอฟโกลบอล กล่าว
ราคาน้ำมันดิบทรุดลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันจันทร์ (2) ด้วยข่าวอันน่าสลดทางเศรษฐกิจได้เขย่าตลาดทุน กระนั้นก็ดีในช่วงบ่ายของวันอังคาร (3) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดกลับขึ้นมาจากสถิติต่ำสุดในรอบ 12 ปี เนื่องจากนักลงทุนเข้าไปช้อนซื้อหุ้นที่มีราคาถูก
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในสภาวะผันผวนตลอดทั้งวัน กลับมาปิดตลาดวันอังคาร(3) ในแดบลบ โดยเฉพาะเอสแอนด์พีที่ร่วงต่ำกว่า 700 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ธันวาคม 1996 เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อจำนวนเงินที่รัฐบาลนำมาค้ำจุนระบบการเงินอาจไม่เพียงพอ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ร่วงลง 37.27 จุด (0.55 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,726.02 จุด เอสแอนด์พี ร่วงลง 4.49 จุด (0.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 696.33 จุด ขณะที่ แนสแดก ร่วงลง 1.84 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,321.01 จุด
