เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิบตลาดสหรัฐฯ ร่วงลงมากกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ ปืดที่ระดับ 36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันพฤหัสบดี (18) เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดต่ำลง และปริมาณสต๊อกน้ำมันสหรัฐฯ ชดเชยข้อตกลงลดกำลังผลิตครั้งประวัติศาสตร์ของโอเปก
องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เมื่อวันพุธ (17) ตกลงลดกำลังผลิต 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป ในความพยายามตอบโต้ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงเรื่อยๆหลังจากก้าวขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเหนือ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนกรกฎาคม
“อัตรการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเป็นกลไกขับเคลื่อนราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่โอเปกไม่สามารถจะทำอะไรได้” เป็นความเห็นของ แกรี กรอส ประธานฝ่ายบริหารของไพรา เอ็นเนอร์จี บริษัทที่ปรึกษาด้วยพลังงาน “การลดกำลังการผลิตไม่น่าจะช่วยอะไรได้ หากว่าเศรษฐกิจโลกยังคงดิ่งลงอยู่เช่นนี้”
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ซึ่งจะหมดสัญญาในวันศุกร์(19) ลดลง 3.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 36.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งทรุดลงไปถึง 35.98 ดอลลาร์ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2004 ขณะที่น้ำมันดิบชนิดเบรนต์ทะเลเหนือของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ดิ่งลง 2.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือ ไออีเอ กล่าวว่าการครอบงำตลาดของอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงเรื่อยดูเหมือนจะไม่ยุติเร็ววัน ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจยิ่งแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ “ราคาน้ำมันจะไม่สูงขึ้นอีกเพราะว่าตลาดได้คาดหมายตัวเลขลดกำลังผลิตของโอเปกไว้อยู่แล้ว” โนอูโบะ ทานากะ ผู้อำนวยการบริหารของไออีเอกล่าว “เศรษฐกิจโลกแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้น ตลาดจึงตอบรับเช่นนี้”
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ธันวาคม มากกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้ 100,000 บาร์เรล ถึง 5 เท่า
