เอเจนซี - ราคาน้ำมันผันผวนก่อนปิดตัวลดลง 1.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันจันทร์ (26) หลังนักลงทุนคาดคะเน ว่า รายงานรัฐบาลสหรัฐฯจะเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสำรองที่อาจเพิ่มขึ้นอีก สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยกระทบต่อการบริโภคพลังงาน
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 74 เซนต์ ปิดที่ 45.73 ดอลลาร์ หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายดีดตัวแรงขึ้นไปแตะ 48.59 ดอลลาร์ ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอน ลดลง 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.93 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์พลังงานคาดหมายว่า รายงานประจำสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) ซึ่งจะเผยแพร่ในวันพุธ (28) จะเปิดเผยตัวเลขคลังน้ำมันกลั่นสำรองจะเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่อุปสงค์อ่อนแอแต่ยังคงมีการนำเข้าอย่างแข็งแรง
“คลังน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง ขณะที่การนำเข้าอาจดีดตัวมากกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน หากดูตามน้ำมันที่จะถูกส่งมาจากต่างแดน” จิม ริทเทอร์เบิร์ช ประธานกลุ่มริทเทอร์เบิร์ชแอนด์แอสโซซิเคทส์กล่าว
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันมีมติลดกำลังผลิต 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่ยังคงมีคำถามว่าการลดกำลังผลิตดังกล่าวเพียงพอต่ออุปสงค์ที่ดิ่งลงเรื่อยๆ หรือไม่
อนึ่ง ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงซื้อขายของวันจันทร์ (26) ได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดทุน หลังรายงานของสมาคมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นอีอาร์) ระบุว่า ยอดจำหน่ายบ้านมือสองในอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ 6.5 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนธันวาคม
ขณะเดียวกัน นอกจากตัวเลขยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้น อีกหนึ่งปัจจัยบวกจากข่าวไฟเซอร์ใกล้จะซื้อกิจการคู่แข่งสำคัญอย่างไวแอ็ต ด้วยมูลค่ามหาศาลกว่า 68,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็กลายเป็นแรงกระตุ้นให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 8,116.03 จุด เพิ่มขึ้น 38.47 จุด แนสแดกปิดที่ระดับ 1,489.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.17 จุด และเอสแอนด์พีปิดที่ระดับ 836.57 จุด เพิ่มขึ้น 4.62 จุด
