เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิ่งลงถึง 12 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันพุธ (7) นับเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ร่วงลงมากสุดในรอบ 7 ปี หลังรัฐบาลสหรัฐฯเผยข้อมูลสต๊อกน้ำมันดิบสำรองของชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมายไว้อย่างมาก
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง 6.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ที่ 900,000 บาร์เรล กว่า 7 เท่า ส่วนสต๊อกเบนซินและน้ำมันกลั่นก็สูงขึ้น ขณะที่อุปสงค์ยังคงดำดิ่ง
สัญญาล่วงหน้าของน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ปิดที่ 42.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 5.95 ดอลลาร์ หรือ 12.25 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ร่วงแรงสุดในวันเดียว นับตั้งแต่ราคาทรุดลง 15.25 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2001 ขณะที่สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 4.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
“ฉันคิดว่ามันคือการยืนยันสภาวะแวดล้อมของอุปสงค์ที่อ่อนแอ ทุกครั้งที่ตลาดเห็นคำยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมต่อสต๊อกที่เพิ่มขึ้น มันก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาเคลื่อนไหวต่ำลง” อแมนดา คูร์เซนเดอร์เฟอร์ นักวิเคราะห์จากซัมมัทเอเนอร์จี กล่าว
อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ถูกกัดเซาะโดยภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโลก ทั้งนี้อุปสงค์น้ำมันโดยรวมของสหรัฐฯ ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลง 2.9 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปีก่อน
ข้อมูลสต๊อกน้ำมันสำรองของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นมีน้ำหนักต่อตลาดเหนือกว่าความขัดแย้งทางการส่งแก๊สระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงสงครามในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ที่เป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์