เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่า 47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้วเมื่อวันอังคาร (2) ถือเป็นการปิดตลาดต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2005 สืบเนื่องจากทิศทางภาวะเศรษฐกิจอันมืดมน และมีข่าวว่าโอเปกลดกำลังผลิตเพียงแค่ 2 ใน 3 จากที่เคยประกาศไว้ในเดือนพฤศจิกายน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตในตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนมกราคม ปิดที่ 46.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ร่วงลง 2.32 ดอลลาร์ หรือ 4.71 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ราคาน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตในตลาดนิวยอร์กดิ่งลงต่ำกว่า 47 ดอลลาร์ นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2005 ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอน ลดลง 2.53 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบทรุดลงต่อเนื่องหลังจากทำสถิติสูงสุด 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนกรกฎาคม ด้วยวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ผุดตัวขึ้นกระทบต่ออุปสงค์ในสหรัฐฯและชาติผู้บริโภครายใหญ่อื่นๆ
“ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างลึกซึ้งยังคงฉุดรั้งตลาดคล้ายกับเมฆหมอกสีดำ ขณะที่นักลงทุนพยายามสืบรู้ให้แน่ชัดนอกจากคำถามที่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจนี้ลึกซึ้งแค่ไหน แต่ยังรวมไปถึงนานเท่าใดที่มันจะฟื้นตัวกลับมา” คริส จาร์วิส นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Caprock Risk Management กล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) เผยว่าในเดือนกันยายน อุปสงค์น้ำมันของอเมริกาลดลงต่ำที่สุดมากกว่าเดือนไหนๆ ในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา
ขณะที่ชาติสมาชิกของโอเปก ซึ่งเคยมีข้อตกลงลดกำลังผลิตลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน เพื่อผลักราคาน้ำมันให้สูงขึ้น ทว่ากลับทำได้ตามเป้าหมายเพียงแค่ 66 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นในเดือนที่ผ่านมา ผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุ
การตัดสินใจของโอเปกเลื่อนประชุมพิจารณาลดกำลังผลิตเพิ่มเติมไปยังช่วงปลายเดือนนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันจันทร์ (1) ดิ่งลงไปกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ในตลาดสหรัฐฯ