เอเอฟพี - เจนเนอรัล มอเตอร์ส เปิดเผยว่าบริษัทอาจเลือกใช้มาตรการก้าวร้าวและผิดธรรมเนียมเดิมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในยุโรป ขณะที่เส้นตายสัปดาห์นี้มาถึงสำหรับผู้ผลิตรถยนต์อันป่วยไข้แห่งนี้ต้องยื่นแผนปฏิรูปโครงสร้างเพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ
แถลงการณ์ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์แห่งนี้ที่ทางสำนักข่าวเอเอฟพีได้มาระบุว่า “จีเอ็มไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อข่าวลือถึงความเป็นไปได้ในการปิดโรงงาน”
แต่จีเอ็ม ซึ่งได้รับเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจากรัฐบาลสหรัฐฯ ไปแล้ว 9,400 ล้านดอลลาร์ บอกเพิ่มเติมว่าโรงงานในยุโรปกำลังหาทางปรับลดโครงสร้างค่าใช้จ่ายประจำปี เพื่อจัดการกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังเล่นงานยุโรปอยู่ในเวลานี้
“วิกฤตเศรษฐกิจและผลกระทบรุนแรงต่อความมั่นใจผู้บริโภคและพฤติกรรมการซื้อ คือสิ่งจำเป็นที่จีเอ็มอี (จีเอ็มยุโรป) จะต้องมีมาตรการปฏิรูปโครงสร้างเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็ต้องปกปักรักษาตำแหน่งงานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” แถลงการณ์ระบุ
บริษัทเปิดเผยว่า ได้บอกกับพนักงานในยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดี (12) ว่าการจัดการอาจหมายถึงมาตรการผิดธรรมเนียมและรุนแรงเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างในยุโรป
หนังสือยานยนต์ออโตโมทีฟนิวส์ยุโรป ระบุว่าโรงงาน 3 แห่งของจีเอ็มที่เสี่ยงถูกปิดมากที่สุดคือ อันทเวิร์ปในเบลเยียม เอลสเมียร์ในสหราชอาณาจักรและอย่างน้อย 1 โรงงานในเยอรมนี
จีเอ็มมีเวลาจนถึงวันอังคาร (17) สำหรับนำเสนอแแผนเบื้องต้นต่อกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับโครงร่างมาตรการลดค่าใช้จ่ายและแผนสำหรับอนาคต ขณะเดียวกันก็มีเวลาจนถึงวันที่ 31 มีนาคม ในการนำเสนอแผนขั้นสุดท้ายเพื่อขยายวงเงินกู้ยืมจากกระทรวงการคลัง
เมื่อสัปดาห์ทีผ่านมา เจนเนอรัล มอเตอร์ส แถลงจะลดพนักงานประจำทั่วโลกลง 10,000 ตำแหน่งในปีนี้ บอกกับยื่นข้อเสนอลาออกโดยสมัครใจ หรือเกษียณอายุก่อนกำหนดสำหรับพนักงานฝ่ายผลิตรายชั่วโมงอีก 62,000 คน ส่วนหนึ่งในแผนปฏิรูปโครงการที่บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ยื่นต่อรัฐบาลเพื่อแลกเปลี่ยนเงินช่วยเหลือ
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (จีเอ็ม) กับสหภาพแรงงานยูไนเต็ด ออโต้ เวิร์คเกอร์ (ยูเอดับเบิลยู) เริ่มเจรจากันอีกรอบ ก่อนที่กำหนดเส้นตายการยื่นแผนปรับโครงสร้างของจีเอ็มจะสิ้นสุดลงในวันนี้ (17 ก.พ.)
ทั้งนี้ การเจรจาของจีเอ็ม และยูเอดับเบิลยู ที่เมืองดีทรอยต์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นอันต้องต้องล้มเหลว เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องการจัดหาเงินทุนสำหรับค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพสำหรับผู้เกษียณได้ ทำให้ทั้งคู่ต้องกลับมาเจรจากันใหม่ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยว่า จะบรรลุข้อตกลงก่อนถึงกำหนดเส้นตาย หรือไม่
