ข่าวในประเทศ – จีเอ็ม เร่พบเจ้ากระทรวงอุตสาหกรรม ขอความช่วยเหลือหลังบริษัทแม่ที่อเมริกาตัดท่อน้ำเลี้ยง หวังให้ประสานสถานบันการเงินในประเทศปล่อยเงินกู้ เพื่อเดินหน้าสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งใหม่มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท
หลังรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อนุมัติเงินกู้กว่า 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 455,000 ล้านบาท ให้กับ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเงินดังกล่าวจะถูกนำมาเสริมสภาพคล่อง พร้อมฟื้นฟูกิจการต่างๆในประเทศ และตามเงื่อนไขของรัฐบาล จีเอ็มไม่สามารถผ่องถ่ายเงินไปยังบริษัทลูกในต่างประเทศได้
ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของ สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เคยให้สัมภาษณ์ช่วงปลายปีที่แล้วว่า บริษัทแม่สหรัฐอเมริกาประสบปัญหาด้านการเงิน จนทำให้ต้องเลื่อนแผนการสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล แห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง ออกไป โดยในช่วงนี้จะยังไม่สามารถสนับสนุนเรื่องเงินทุนได้ และให้บริษัทช่วยเหลือตัวเองไปก่อน
ล่าสุด สตีฟ คาร์ไลส์ ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทกำลังหาเงินทุนสนับสนุนจากกระทรวงอุตสาหกรรม และธนาคารในประเทศ สำหรับการเดินหน้าโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล และรถปิกอัพขนาด 1 ตัน มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ที่จังหวัดระยอง โดยได้เข้าพบกับ ชาญชัย ชัยรุ่งเรื่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว
“วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก ทำให้หลายโครงการของเราต้องล่าช้าออกไป อย่างเช่นโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่จังหวัดระยอง แต่เราจะไม่เปลี่ยนทิศทางของแผนการ และเตรียมหาทางเลือกอื่นเพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการมองหาเงินทุนสนับสนุนการดำเนินโครงการ และการทำงานร่วมกับรัฐบาลถือเป็นกระบวนการปกติ และการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนการทำงานร่วมกับรัฐบาล”
นอกเหนือจากโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแล้ว เงินทุนสนับสนุนดังกล่าวจะช่วยให้โครงการผลิตรถปิกอัพสายพันธ์ใหม่ ซึ่งได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้เดินหน้าต่อไปได้ การมองหาเงินทุนสนับสนุนครั้งนี้เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในการทำธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะยาวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ท่ามกลางสถานการณ์อันยากลำบากในการแสวงหาเงินทุน
“ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย และจากสถาบันการเงินในประเทศไทย เราสามารถที่จะสนับสนุนคู่ค้าภายในประเทศของเราได้ เพราะการสนับสนุนที่ได้รับจากภาครัฐจะช่วยให้โครงการต่างๆพัฒนาต่อไปได้อย่างเร็วขึ้น โดยเฉพาะโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล โครงการนี้ไม่ได้ให้ประโยชน์แต่กับจีเอ็มเท่านั้น หากยังจะช่วยเพิ่มการจ้างงาน และกระตุ้นการลงทุนในประเทศไทยด้วย รวมถึงการส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี และให้ประโยชน์กับห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดเมื่อโครงการของเราเดินหน้าต่อไป มากกว่านั้น ยังถือเป็นการต่อยอดความคิดริเริ่มในการพัฒนาพลังงานทางเลือกที่ผมเชื่อมั่นว่าจะให้ผลดีต่อประเทศไทย และ คนไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสังคมโดยรวม โรงงานเครื่องยนต์ดีเซลของจีเอ็มที่ระยองนั้นจะเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการที่จะเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า ที่สุดในภูมิภาค”
ขณะเดียวกันจีเอ็มกำลังอยู่ในกระบวนการปรับแผนโครงสร้างใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง มีผลกำไร มีความยั่งยืน และมีขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการเติบโตอย่างมั่นคงเมื่อพ้นจากภาวะวิกฤตนี้แล้ว
หลังรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อนุมัติเงินกู้กว่า 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 455,000 ล้านบาท ให้กับ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเงินดังกล่าวจะถูกนำมาเสริมสภาพคล่อง พร้อมฟื้นฟูกิจการต่างๆในประเทศ และตามเงื่อนไขของรัฐบาล จีเอ็มไม่สามารถผ่องถ่ายเงินไปยังบริษัทลูกในต่างประเทศได้
ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของ สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เคยให้สัมภาษณ์ช่วงปลายปีที่แล้วว่า บริษัทแม่สหรัฐอเมริกาประสบปัญหาด้านการเงิน จนทำให้ต้องเลื่อนแผนการสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล แห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง ออกไป โดยในช่วงนี้จะยังไม่สามารถสนับสนุนเรื่องเงินทุนได้ และให้บริษัทช่วยเหลือตัวเองไปก่อน
ล่าสุด สตีฟ คาร์ไลส์ ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทกำลังหาเงินทุนสนับสนุนจากกระทรวงอุตสาหกรรม และธนาคารในประเทศ สำหรับการเดินหน้าโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล และรถปิกอัพขนาด 1 ตัน มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ที่จังหวัดระยอง โดยได้เข้าพบกับ ชาญชัย ชัยรุ่งเรื่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว
“วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก ทำให้หลายโครงการของเราต้องล่าช้าออกไป อย่างเช่นโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่จังหวัดระยอง แต่เราจะไม่เปลี่ยนทิศทางของแผนการ และเตรียมหาทางเลือกอื่นเพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการมองหาเงินทุนสนับสนุนการดำเนินโครงการ และการทำงานร่วมกับรัฐบาลถือเป็นกระบวนการปกติ และการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนการทำงานร่วมกับรัฐบาล”
นอกเหนือจากโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแล้ว เงินทุนสนับสนุนดังกล่าวจะช่วยให้โครงการผลิตรถปิกอัพสายพันธ์ใหม่ ซึ่งได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้เดินหน้าต่อไปได้ การมองหาเงินทุนสนับสนุนครั้งนี้เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในการทำธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะยาวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ท่ามกลางสถานการณ์อันยากลำบากในการแสวงหาเงินทุน
“ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย และจากสถาบันการเงินในประเทศไทย เราสามารถที่จะสนับสนุนคู่ค้าภายในประเทศของเราได้ เพราะการสนับสนุนที่ได้รับจากภาครัฐจะช่วยให้โครงการต่างๆพัฒนาต่อไปได้อย่างเร็วขึ้น โดยเฉพาะโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล โครงการนี้ไม่ได้ให้ประโยชน์แต่กับจีเอ็มเท่านั้น หากยังจะช่วยเพิ่มการจ้างงาน และกระตุ้นการลงทุนในประเทศไทยด้วย รวมถึงการส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี และให้ประโยชน์กับห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดเมื่อโครงการของเราเดินหน้าต่อไป มากกว่านั้น ยังถือเป็นการต่อยอดความคิดริเริ่มในการพัฒนาพลังงานทางเลือกที่ผมเชื่อมั่นว่าจะให้ผลดีต่อประเทศไทย และ คนไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสังคมโดยรวม โรงงานเครื่องยนต์ดีเซลของจีเอ็มที่ระยองนั้นจะเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการที่จะเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า ที่สุดในภูมิภาค”
ขณะเดียวกันจีเอ็มกำลังอยู่ในกระบวนการปรับแผนโครงสร้างใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง มีผลกำไร มีความยั่งยืน และมีขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการเติบโตอย่างมั่นคงเมื่อพ้นจากภาวะวิกฤตนี้แล้ว
