ข่าวในประเทศ - ฝ่าวิกฤตตลาดปีวัวบ้า แผนรุกตลาดรถยนต์ไทย “นิสสัน” สอดรับกับความต้องการตลาดพอดี เมื่อเตรียมทยอยเปิดตัวเก๋ง 3 โมเดลสู่ตลาดต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่โฉมใหม่ของ “นิสสัน เทียน่า” ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้จะเปิดตัวกับดีลเลอร์และให้ทดสอบ ก่อนแนะนำสู่ตลาดเป็นทางการในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 เผยมีให้เลือก 2 รุ่นหลัก บล็อกใหม่ 2500 ซีซี ที่รุ่นท็อปมาพร้อมกับระบบเนวิเกเตอร์ ท้าชนกับ “โตโยต้า คัมรี่” และเครื่องยนต์ 2000 ซีซี ที่ปรับปรุงสมรรถนะให้ดีขึ้น ขณะที่สนนราคาปรับขึ้นไม่กี่หมื่นบาท จากนั้นตามติดด้วยการไมเนอร์เชนจ์ “ทีด้า” ให้ดูสปอร์ตและอุปกรณ์ทันสมัยมากขึ้น และปิดท้ายประมาณเดือนตุลาคมปลายปีนี้ มาลุ้นกันกับเก๋งโมเดลใหม่ภายใต้โครงการ “อีโคคาร์” รุ่นแรกในไทย ซึ่งมีรายงานข่าวนิสสันจะจับ “มาร์ช” มาพัฒนาให้เป็นโฉมใหม่ และเข้ากับเงื่อนไขอีโคคาร์ ส่วนบางรายงานกลับระบุว่าจะไม่ใช่รุ่นมาร์ชแน่นอน แต่จะเป็นการพัฒนาโมเดลใหม่ในแบบรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ส่วนกำหนดการแนะนำสู่ตลาดตรงกัน อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ผลวิกฤตเศรษฐกิจโลกและปัญหาสภาพคล่อง คงต้องมาลุ้นกันอีกว่านิสสันจะเลื่อนออกไป สตาร์ทตามแผนเดิมต้นปี 2553 หรือไม่? ซึ่งคำตอบสุดท้ายน่าจะอยู่ที่เอ็มดีคนใหม่ “โทรุ ฮาเซกาวา”
แม้ปิกอัพ “นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา” จะได้รับผลกระทบตามทิศทางของตลาด ทำให้ยอดขายตกลงมากในปี 2551 ที่ผ่านมา แต่ยังโชคดีที่นิสสันเองมีรถยนต์นั่ง หรือเก๋งรุ่น “ทีด้า” ภายหลังจากปรับตำแหน่งและกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ บวกกับความร้อนแรงของตลาดเก๋ง ทำให้ยอดขายเก๋งของนิสสันในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตค่อนข้างโดดเด่น ขณะที่ในปีวัวบ้า 2552 หรือปีฉลูนี้ ดูเหมือนปิกอัพนาวาราจะยังไม่ถึงเวลาปรับโฉม ทีเด็ดทั้งหมดของนิสสันจึงเป็นหน้าที่ของบรรดาเก๋งหลากรุ่น ซึ่งนับว่าจังหวะการเปิดตัวเก๋งรุ่นใหม่ๆ ของนิสสัน สอดรับกับทิศทางความต้องการของตลาดพอดี
โดยนับตั้งแต่หัวปีวัวบ้านิสสันจะโหมรุกตลาดเก๋งของไทยเลย ซึ่งแน่นอนเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเก๋งขนาดกลาง “นิสสัน เทียน่า” โฉมใหม่ ซึ่งได้มีการเปิดตัวในญี่ปุ่นไปเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้จึงเป็นเวลาของนิสสันในไทย ที่จะชิงยอดขายจากคู่แข่งสำคัญ “โตโยต้า คัมรี่” และ “ฮอนด้า แอคคอร์ด” หลังจากปล่อยให้พลาดโอกาส ไม่สามารถสร้างการยอมรับจากลูกค้าในไทยได้เท่าที่ควร ทั้งที่ในการเปิดตัวครั้งแรกของเทียน่าโมเดลปัจจุบัน คู่แข่งอยู่ในสภาวะไม่ร้อนแรง เพราะอยู่ในช่วงใกล้ปลดระวางกันหมดแล้ว
ทั้งนี้จากรายงานข่าวนิสสันจะเปิดตัว “เทียน่า โฉมใหม่” กับดีลเลอร์ และให้ทดสอบในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังจากนั้นจึงจะเปิดตัวกับสื่อมวลชน ก่อนงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเป็นการแนะนำสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ
สำหรับนิสสัน เทียน่า โฉมใหม่ เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งยังคงเน้นความเป็นซีดานระดับหรู ที่มาพร้อมกับเส้นสายแห่งความสปอร์ต โดยประยุกต์มาจากต้นแบบรุ่นอินทิม่า ที่เปิดตัวในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 และเทียน่าใหม่ที่จะทำตลาดในไทย รูปลักษณ์ภายนอกจะไม่แตกต่างจากเวอร์ชั่นในต่างประเทศมากนัก มีปรับเปลี่ยนบางจุดเพียงเล็กน้อย จุดที่แตกต่างชัดเจนจะเป็นอุปกรณ์ภายใน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในไทยให้มากที่สุด อย่างเช่นรุ่นท็อปของเทียน่าใหม่จะมีการติดตั้งระบบนำทาง หรือเนวิเกเตอร์เข้ามา เฉกเช่นเดียวกับคู่แข่งอย่างโตโยต้าคัมรี่ เป็นต้น
ในส่วนของเครื่องยนต์ที่จะทำตลาดมีให้เลือก 2 รุ่นหลัก คือ เครื่องยนต์บล็อกใหม่ รหัส VQ25DE แบบวี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 2,500 ซีซี 185 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 23.7 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบต่อนาที ซึ่งจะมาแทนบล็อก VQ23DE ขนาด 2300 ซีซี ที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน และอีกรุ่นเป็นบล็อกเดิม QR20DE 4 สูบ 2000 ซีซี แต่ได้มีการปรับปรุงสมรรถนะให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่สนนราคาคาดว่าจะปรับเพิ่มจากรุ่นเดิมเพียงไม่กี่หมื่นบาท เนื่องจากเทียน่ารุ่นปัจจุบันได้มีการใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเข้าไปมากทีเดียว และโฉมใหม่ได้มีการถอดอุปกรณ์บางตัวที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้บวกลบต้นทุนแล้วไม่สูงจนเกินไป แม้เทียน่าใหม่จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยเข้าไปก็ตาม
หลังจากลุยเก๋งขนาดกลางแล้ว ดาบต่อมาที่นิสสันจะส่งเขย่าตลาดเก๋งในไทย เป็นการไมเนอร์เชนจ์แบบแต่งหน้าทาปากให้กับเก๋งคอมแพ็กต์ “นิสสัน ทีด้า” ซึ่งในเมืองไทยได้ถูกวางตำแหน่งใหม่ ให้อยู่กึ่งกลางระหว่างเก๋งคอมแพกต์ กับซับคอมแพกต์ โดยเฉพาะการปรับราคาลงมา ทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นจากช่วงเปิดตัวแรกๆ เพียงเดือนละกว่า 300 คัน เพิ่มเป็นกว่า 500-600 คัน
การปรับโฉมของทีด้าใหม่ครั้งนี้ ไม่น่าจะแตกต่างจากเวอร์ชั่นทำตลาดในญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อต้นปีที่แล้ว แม้จะมองจากสายตาไม่เปลี่ยนแปลงนัก นอกจากลายกระจังหน้าและกันชนใหม่ แต่นิสสัน มอเตอร์ส ระบุว่ามีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดที่แตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน โดยเฉพะตัวถังด้านหน้าออกแบบฝากระโปรงหน้า และกันชนหน้าใหม่เพื่อเพิ่มความสปอร์ต ส่วนกระจังหน้าเปลี่ยนมาเป็นลายตาราง เหมือนกับที่ใช้ในเอสยูวีระดับหรูรุ่นมูราโนแทนที่ลายซี่แนวนอน
ด้านท้ายของรุ่นแฮตช์แบ็ก นอกจากกันชนลายใหม่แล้ว ยังเปลี่ยนฝากระโปรงท้ายใหม่ซึ่งออกแบบให้มีสันนูนขึ้นมาตรงช่วงมือเปิดฝากระโปรง สำหรับไฟท้ายยังเป็นทรงหยดน้ำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนลวดลายและตำแหน่งของไฟสัญญาณใหม่ ในห้องโดยสารแม้ว่าชิ้นส่วนหลักอย่างแผงหน้าปัดจะยังเหมือนเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนวัสดุตกแต่งใหม่ทั้งลายไม้ที่ดูสวยขึ้น หรืออยากเลือกแบบสปอร์ตก็มีลายเมทัลลิกให้เลือก
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนพื้นมาตรวัดทั้ง 3 ดวงให้เป็นพื้นขาวทั้งหมด และมีเพิ่มจอดิจิตอลเพื่อแสดงอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และสีของมาตรวัดแบบเรืองแสงเปลี่ยนมาเป็นสีส้ม ด้านความเปลี่ยนแปลงในเชิงวิศวกรรม มีการปรับจูนระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าใหม่ เพื่อตอบสนองการทำงานที่แม่นยำขึ้น ทั้งในช่วงความเร็วต่ำและสูง
มากันที่การเปิดตัวเก๋งตัวสุดท้ายของนิสสันในปีวัว และคงต้องลุ้นกันสักหน่อย เพราะหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ในช่วงประมาณเดือนตุลาคมปลายปีนี้ นิสสันจะเปิดตัวรถยนต์ในโครงการ “อีโคคาร์” เป็นค่ายแรกในไทย หลังจากได้รับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอเมื่อปลายปี 2550 ด้วยมูลค่าลงทุน 5,500 ล้านบาท
ตามกระแสข่าวอีโคคาร์ของนิสสันเดิมจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2553 แต่เพื่อความได้เปรียบทางการตลาด นิสสันจึงได้เร่งแผนเร็วขึ้น มาเป็นเปิดตัวประมาณไตรมาสสุดท้ายของปีนี้แทน โดยโมเดลที่จะจับมาแปลงร่างเป็นอีโคคาร์ จะเป็นการพัฒนารุ่น “มาร์ช” ที่ขายอยู่ในต่างประเทศให้เข้ากับเงื่อนไขของอีโคคาร์ และเป็นโฉมใหม่ของมาร์ชที่จะมาแทนรุ่นปัจจุบัน พร้อมกับใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักในการส่งออกทั่วโลก ซึ่งเครื่องยนต์หลักที่จะทำตลาดในไทยเป็นบล็อก 3 สูบ 1200 และ 1400 ซีซี
แต่ยังมีอีกกระแสระบุว่า โครงการอีโคคาร์ของนิสสันที่จะทำในไทยไม่ใช่รุ่น “มาร์ช” แน่นอน เพราะเป็นเวอร์ชั่นที่ทำอยู่ในยุโรปอยู่แล้ว โดยในไทยจะเป็นโมเดลที่จะถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ให้มีลักษณะเป็นรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กคล้ายๆ กับโตโยต้า อะแวนซ่า หรือนิสสัน เอ็นวี แวกอน ในสมัยก่อน วางเครื่องยนต์อยู่ระหว่าง 1100-1300 ซีซี เคาะราคาไม่เกิน 4.8 แสนบาท
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดูจะสอดคล้อง คือ ช่วงเวลาการเปิดตัว อยู่ที่ประมาณเดือนตุลาคมเหมือนกัน แต่ถึงเวลานี้คงต้องมาลุ้นกันอีกครั้งว่า โครงการอีโคคาร์ของนิสสันจะเลื่อนออกไปหรือไม่? เพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาสภาพคล่องของบริษัทรถทั่วโลก รวมถึงตัวนิสสันเองด้วย ทำให้อาจจะต้องกลับไปตั้งหลักตามแผนเดิม ที่จะสตาร์ทประมาณต้นปี 2553 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โครงการอีโคคาร์จะเริ่มให้สิทธิประโยชน์อย่างเป็นทางการ
ทั้งหมดคงต้องลุ้นแบบสุดๆ และคำตอบสุดท้ายน่าจะอยู่ที่ “โทรุ ฮาเซกาวา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด คนใหม่ที่จะมาแทน “เทียรี เวียดิว” นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป แต่ที่แน่ๆ ในปีวัวบ้านี้… นิสสันเดินหน้ารุกตลาดฮ็อตอย่าง “เก๋ง” แน่นอน
แม้ปิกอัพ “นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา” จะได้รับผลกระทบตามทิศทางของตลาด ทำให้ยอดขายตกลงมากในปี 2551 ที่ผ่านมา แต่ยังโชคดีที่นิสสันเองมีรถยนต์นั่ง หรือเก๋งรุ่น “ทีด้า” ภายหลังจากปรับตำแหน่งและกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ บวกกับความร้อนแรงของตลาดเก๋ง ทำให้ยอดขายเก๋งของนิสสันในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตค่อนข้างโดดเด่น ขณะที่ในปีวัวบ้า 2552 หรือปีฉลูนี้ ดูเหมือนปิกอัพนาวาราจะยังไม่ถึงเวลาปรับโฉม ทีเด็ดทั้งหมดของนิสสันจึงเป็นหน้าที่ของบรรดาเก๋งหลากรุ่น ซึ่งนับว่าจังหวะการเปิดตัวเก๋งรุ่นใหม่ๆ ของนิสสัน สอดรับกับทิศทางความต้องการของตลาดพอดี
โดยนับตั้งแต่หัวปีวัวบ้านิสสันจะโหมรุกตลาดเก๋งของไทยเลย ซึ่งแน่นอนเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเก๋งขนาดกลาง “นิสสัน เทียน่า” โฉมใหม่ ซึ่งได้มีการเปิดตัวในญี่ปุ่นไปเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้จึงเป็นเวลาของนิสสันในไทย ที่จะชิงยอดขายจากคู่แข่งสำคัญ “โตโยต้า คัมรี่” และ “ฮอนด้า แอคคอร์ด” หลังจากปล่อยให้พลาดโอกาส ไม่สามารถสร้างการยอมรับจากลูกค้าในไทยได้เท่าที่ควร ทั้งที่ในการเปิดตัวครั้งแรกของเทียน่าโมเดลปัจจุบัน คู่แข่งอยู่ในสภาวะไม่ร้อนแรง เพราะอยู่ในช่วงใกล้ปลดระวางกันหมดแล้ว
ทั้งนี้จากรายงานข่าวนิสสันจะเปิดตัว “เทียน่า โฉมใหม่” กับดีลเลอร์ และให้ทดสอบในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังจากนั้นจึงจะเปิดตัวกับสื่อมวลชน ก่อนงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเป็นการแนะนำสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ
สำหรับนิสสัน เทียน่า โฉมใหม่ เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งยังคงเน้นความเป็นซีดานระดับหรู ที่มาพร้อมกับเส้นสายแห่งความสปอร์ต โดยประยุกต์มาจากต้นแบบรุ่นอินทิม่า ที่เปิดตัวในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 และเทียน่าใหม่ที่จะทำตลาดในไทย รูปลักษณ์ภายนอกจะไม่แตกต่างจากเวอร์ชั่นในต่างประเทศมากนัก มีปรับเปลี่ยนบางจุดเพียงเล็กน้อย จุดที่แตกต่างชัดเจนจะเป็นอุปกรณ์ภายใน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในไทยให้มากที่สุด อย่างเช่นรุ่นท็อปของเทียน่าใหม่จะมีการติดตั้งระบบนำทาง หรือเนวิเกเตอร์เข้ามา เฉกเช่นเดียวกับคู่แข่งอย่างโตโยต้าคัมรี่ เป็นต้น
ในส่วนของเครื่องยนต์ที่จะทำตลาดมีให้เลือก 2 รุ่นหลัก คือ เครื่องยนต์บล็อกใหม่ รหัส VQ25DE แบบวี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 2,500 ซีซี 185 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 23.7 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบต่อนาที ซึ่งจะมาแทนบล็อก VQ23DE ขนาด 2300 ซีซี ที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน และอีกรุ่นเป็นบล็อกเดิม QR20DE 4 สูบ 2000 ซีซี แต่ได้มีการปรับปรุงสมรรถนะให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่สนนราคาคาดว่าจะปรับเพิ่มจากรุ่นเดิมเพียงไม่กี่หมื่นบาท เนื่องจากเทียน่ารุ่นปัจจุบันได้มีการใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเข้าไปมากทีเดียว และโฉมใหม่ได้มีการถอดอุปกรณ์บางตัวที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้บวกลบต้นทุนแล้วไม่สูงจนเกินไป แม้เทียน่าใหม่จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยเข้าไปก็ตาม
หลังจากลุยเก๋งขนาดกลางแล้ว ดาบต่อมาที่นิสสันจะส่งเขย่าตลาดเก๋งในไทย เป็นการไมเนอร์เชนจ์แบบแต่งหน้าทาปากให้กับเก๋งคอมแพ็กต์ “นิสสัน ทีด้า” ซึ่งในเมืองไทยได้ถูกวางตำแหน่งใหม่ ให้อยู่กึ่งกลางระหว่างเก๋งคอมแพกต์ กับซับคอมแพกต์ โดยเฉพาะการปรับราคาลงมา ทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นจากช่วงเปิดตัวแรกๆ เพียงเดือนละกว่า 300 คัน เพิ่มเป็นกว่า 500-600 คัน
การปรับโฉมของทีด้าใหม่ครั้งนี้ ไม่น่าจะแตกต่างจากเวอร์ชั่นทำตลาดในญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อต้นปีที่แล้ว แม้จะมองจากสายตาไม่เปลี่ยนแปลงนัก นอกจากลายกระจังหน้าและกันชนใหม่ แต่นิสสัน มอเตอร์ส ระบุว่ามีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดที่แตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน โดยเฉพะตัวถังด้านหน้าออกแบบฝากระโปรงหน้า และกันชนหน้าใหม่เพื่อเพิ่มความสปอร์ต ส่วนกระจังหน้าเปลี่ยนมาเป็นลายตาราง เหมือนกับที่ใช้ในเอสยูวีระดับหรูรุ่นมูราโนแทนที่ลายซี่แนวนอน
ด้านท้ายของรุ่นแฮตช์แบ็ก นอกจากกันชนลายใหม่แล้ว ยังเปลี่ยนฝากระโปรงท้ายใหม่ซึ่งออกแบบให้มีสันนูนขึ้นมาตรงช่วงมือเปิดฝากระโปรง สำหรับไฟท้ายยังเป็นทรงหยดน้ำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนลวดลายและตำแหน่งของไฟสัญญาณใหม่ ในห้องโดยสารแม้ว่าชิ้นส่วนหลักอย่างแผงหน้าปัดจะยังเหมือนเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนวัสดุตกแต่งใหม่ทั้งลายไม้ที่ดูสวยขึ้น หรืออยากเลือกแบบสปอร์ตก็มีลายเมทัลลิกให้เลือก
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนพื้นมาตรวัดทั้ง 3 ดวงให้เป็นพื้นขาวทั้งหมด และมีเพิ่มจอดิจิตอลเพื่อแสดงอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และสีของมาตรวัดแบบเรืองแสงเปลี่ยนมาเป็นสีส้ม ด้านความเปลี่ยนแปลงในเชิงวิศวกรรม มีการปรับจูนระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าใหม่ เพื่อตอบสนองการทำงานที่แม่นยำขึ้น ทั้งในช่วงความเร็วต่ำและสูง
มากันที่การเปิดตัวเก๋งตัวสุดท้ายของนิสสันในปีวัว และคงต้องลุ้นกันสักหน่อย เพราะหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ในช่วงประมาณเดือนตุลาคมปลายปีนี้ นิสสันจะเปิดตัวรถยนต์ในโครงการ “อีโคคาร์” เป็นค่ายแรกในไทย หลังจากได้รับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอเมื่อปลายปี 2550 ด้วยมูลค่าลงทุน 5,500 ล้านบาท
ตามกระแสข่าวอีโคคาร์ของนิสสันเดิมจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2553 แต่เพื่อความได้เปรียบทางการตลาด นิสสันจึงได้เร่งแผนเร็วขึ้น มาเป็นเปิดตัวประมาณไตรมาสสุดท้ายของปีนี้แทน โดยโมเดลที่จะจับมาแปลงร่างเป็นอีโคคาร์ จะเป็นการพัฒนารุ่น “มาร์ช” ที่ขายอยู่ในต่างประเทศให้เข้ากับเงื่อนไขของอีโคคาร์ และเป็นโฉมใหม่ของมาร์ชที่จะมาแทนรุ่นปัจจุบัน พร้อมกับใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักในการส่งออกทั่วโลก ซึ่งเครื่องยนต์หลักที่จะทำตลาดในไทยเป็นบล็อก 3 สูบ 1200 และ 1400 ซีซี
แต่ยังมีอีกกระแสระบุว่า โครงการอีโคคาร์ของนิสสันที่จะทำในไทยไม่ใช่รุ่น “มาร์ช” แน่นอน เพราะเป็นเวอร์ชั่นที่ทำอยู่ในยุโรปอยู่แล้ว โดยในไทยจะเป็นโมเดลที่จะถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ให้มีลักษณะเป็นรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กคล้ายๆ กับโตโยต้า อะแวนซ่า หรือนิสสัน เอ็นวี แวกอน ในสมัยก่อน วางเครื่องยนต์อยู่ระหว่าง 1100-1300 ซีซี เคาะราคาไม่เกิน 4.8 แสนบาท
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดูจะสอดคล้อง คือ ช่วงเวลาการเปิดตัว อยู่ที่ประมาณเดือนตุลาคมเหมือนกัน แต่ถึงเวลานี้คงต้องมาลุ้นกันอีกครั้งว่า โครงการอีโคคาร์ของนิสสันจะเลื่อนออกไปหรือไม่? เพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาสภาพคล่องของบริษัทรถทั่วโลก รวมถึงตัวนิสสันเองด้วย ทำให้อาจจะต้องกลับไปตั้งหลักตามแผนเดิม ที่จะสตาร์ทประมาณต้นปี 2553 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โครงการอีโคคาร์จะเริ่มให้สิทธิประโยชน์อย่างเป็นทางการ
ทั้งหมดคงต้องลุ้นแบบสุดๆ และคำตอบสุดท้ายน่าจะอยู่ที่ “โทรุ ฮาเซกาวา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด คนใหม่ที่จะมาแทน “เทียรี เวียดิว” นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป แต่ที่แน่ๆ ในปีวัวบ้านี้… นิสสันเดินหน้ารุกตลาดฮ็อตอย่าง “เก๋ง” แน่นอน