เจนเนอเรชันที่ 3 ของกล่องติดล้อจากค่ายนิสสันที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง เพราะจะไม่ได้เป็นโมเดลที่เกิดขึ้นเพื่อขายเฉพาะในญี่ปุ่นเหมือนกับ 2 รุ่นที่ผ่านมา แต่นิสสันนำคิวบ์ใหม่ออกมาเปิดตลาดต่างแดนอย่างเป็นทางการ และสหรัฐอเมริกาจะเป็นแห่งแรกที่นิสสันส่งคิวบ์ใหม่ที่เป็น U.S. Spec ออกมาขายในปีหน้า
คิวบ์เป็นรถยนต์ในกลุ่ม B-Segment หรือซับคอมแพ็กต์ของนิสสันที่ได้รับการพัฒนาออกสู่ตลาดในปี 1998 และมาโด่งดังอย่างมากในรุ่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในปี 2002 เพราะมีรูปทรงที่สวยและเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์กล่องติดล้อ และนั่นเป็นแนวทางที่ทำให้นิสสันยึดถือในการพัฒนาให้กับเจนเนอเรชันที่ 3 ที่นิสสันเปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และอีก 1 วันให้หลังก็เปิดตัวคันจริงสำหรับขายในเมืองลุงแซมที่รอบสื่อมวลชนของแอลเอ มอเตอร์โชว์ 2008
เหตุผลที่นิสสันนำคิวบ์ออกมาเปิดตลาดในเมืองลุงแซม นอกจากเรื่องของการเจาะตลาดกลุ่ม Gen Y หรือลูกค้าวัยรุ่นที่กำลังมาแรงในสหรัฐอเมริกา เพื่อแข่งกับแบรนด์ไซออนของโตโยต้าแล้ว อีกประเด็นคือ การจับลูกค้าอีกกลุ่มที่เบนเข็มจากรถยนต์คันใหญ่มามองหารถยนต์ที่มีขนาดเล็กลงเพื่อความประหยัดน้ำมัน
รูปลักษณ์ของคิวบ์ที่เป็นเวอร์ชัน JDM กับที่ขายในสหรัฐอเมริกาต่างกันเพียงเล็กน้อยในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย มีความยาวต่างกัน 100 มิลลิเมตร ซึ่งเวอร์ชันอเมริกันยาวกกว่าด้วยตัวเลข 3,980 มิลลิเมตร ที่เหลือใกล้เคียงกัน ทั้งความกว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,650 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,530 มิลลิเมตร
สิ่งที่ต่างกันออกไประหว่างเวอร์ชัน JDM กับที่ขายในสหรัฐอเมริกา คือ เครื่องยนต์ เพราะสเปกที่ขายในญี่ปุ่นมากับเครื่องยนต์ 1,500 ซีซีในรหัส HR15DE มีกำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.1 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบต่อนาที โดยมีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและ 4 ล้อแบบ e4WD ให้เลือกใช้งาน
แต่สำหรับเวอร์ชันอเมริกันมีขุมพลัง 1,800 ซีซีเป็นทางเลือกซึ่งรีดกำลังออกมาได้ 122 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 17.5 กก.-ม. เลือกส่งกำลังได้ระหว่างอัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT และธรรมดา 6 จังหวะ
ราคาขายในญี่ปุ่นอยู่ระหว่าง 1,449,000 -1,928,850 เยน หรือ 500,000-650,000 บาท และเริ่มขายทันที ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกาต้องรอช่วงเดือนเมษายนถึงจะเริ่มทำตลาด เช่นเดียวกับยุโรปที่จะเป็นตลาดอีกแห่งที่นิสสันส่งคิวบ์เข้าไปขาย