ข่าวในประเทศ - ไม่ควรพลาด! สำหรับผู้ไปชมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 กับนวัตกรรมยานยนต์รูปแบบใหม่ “สไปเดอร์ โรดสเตอร์” ยานยนต์ 3 ล้อ ที่ผสมระหว่างมอเตอร์ไบค์ กับรถสปอร์ต ซึ่งสร้างความฮือฮามาแล้วทั่วโลก จากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นแปลกตา ปราดเปรียว และพกพาขุมกำลังความแรง จากเครื่องยนต์ Rotax ขนาด 998 ซีซี 106 แรงม้า และคราวนี้มาเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรกของเอเชีย โดยทางค่าย “เสกเวย์” นำเข้ามาให้สัมผัสใกล้ชิด ก่อนขายจริงในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า เคาะราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จดทะเบียนเป็นรถมอเตอร์ไซค์ สามารถวิ่งบนท้องถนนได้ พร้อมแตกบริษัทและทุ่มงบหลายสิบล้านบาท เตรียมตั้งโชว์รูมและพื้นที่ทดลองขับ โดยเล็งทำเลทองย่านเลียบทางด่วนรามอินทรารองรับโดยเฉพาะ เอ้า! ใครที่ชื่นชอบนวัตกรรมใหม่ๆ เชิญไปสัมผัสได้แล้ว
สร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์อย่างมาก เมื่อพาหนะ 3 ล้อ รูปทรงแปลก จะเป็นมอเตอร์ไบค์ก็ไม่ใช่ หรือจะรถยนต์สปอร์ตก็เชิง ในชื่อ “สไปเดอร์ โรดสเตอร์” (Spyder Roadster) ได้เผยโฉมสู่สายตาชาวโลกไปเมื่อปี 2007 และเปิดตัวสู่ตลาดเมื่อต้นปี 2008 นับเป็นผลงานแรกในการฟื้นไลน์ผลิตของ “แคน-แอม” (Can-Am) ตำนานอันยิ่งใหญ่ ในฐานะโรงงานที่ผลิตเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ในแบบ “เดิร์ทไบค์” ที่โดดเด่นและมีเกียรติประวัติมายาวนาน ภายหลังจากกลุ่มบริษัท Bombardier Recreational Product (BRP) ได้เข้ามาครอบครองเมื่อปี 2006 และยานยนต์รูปแบบใหม่นี้ ได้ถูกนำเข้ามาให้ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดแล้ว ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 ที่กำลังเปิดให้เข้าชมยาวไปจนถึงวันที่ 10 ธ.ค. นี้
“เรานำสไปเดอร์ โรดสเตอร์ เข้ามาเพื่อให้ชาวไทยได้สัมผัสนวัตกรรมยานยนต์รูปแบบใหม่ ก่อนจะเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการประมาณช่วงไตรมาสสองปีหน้า ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะเป็นช่วงงานมอเตอร์โชว์ 2009”
พิสิทธิ์ คุณานันทกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสกเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้ายานพาหนะ 2 ล้อ “เสกเวย์ พีที” ( Segway PT) เปิดเผย “เอเอสทีวี-ผู้จัดการ มอเตอริ่ง” พร้อมกับบอกว่า “นับเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในเอเชีย หลังจากแนะนำในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งถือเป็นยานยนต์รูปแบบใหม่ ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับมอเตอร์ไบค์ แต่มีทั้งหมด 3 ล้อ คือล้อหน้า 2 และอีก 1 เป็นล้อหลัง”
“แม้จะเป็นยานยนต์แบบใหม่ แต่เราเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทย เพราะมีความแหวกแนว แตกต่าง ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ที่ลงตัวสวยงาม ขณะที่สมรรถนะของรถปราดเปรียวในรูปแบบมอเตอร์ไบค์ และความสะดวกสบายปลอดภัยเช่นเดียวกับรถสปอร์ต จึงเชื่อว่ายังมีช่องทางตลาด โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบความแตกต่างและแปลกใหม่”
เมื่อสอบถามถึงการใช้งานในเมืองไทย สามารถทำได้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่?.... พิสิทธิ์บอกว่าขณะนี้สไปเดอร์ โรดสเตอร์ สามารถจดทะเบียนในรูปแบบรถมอเตอร์ไซค์ได้แล้ว ฉะนั้นจึงสามารถวิ่งบนท้องถนนได้ทั่วไป ยกเว้นทางที่ห้ามรถมอเตอร์ไซค์วิ่งอย่างทางด่วนเป็นต้น
"เรามั่นใจ สไปเดอร์ โรดสเตอร์ จะได้รับการตอบรับจากผู้ที่ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ต ทั้งที่ผ่านประสบการณ์จากมอเตอร์ไบค์ หรือรถสปอร์ต โดยราคาจำหน่ายยังไม่สามารถระบุได้ชัด เพราะต้องมาคำนวณภาษีต่างๆ แต่คาดว่าจะไม่เกิน 2 ล้านบาท”
จากความมั่นใจดังกล่าว ทำให้พิสิทธิ์เตรียมตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมารองรับ การทำธุรกิจจำหน่ายสไปเดอร์ โรดสเตอร์โดยตรง พร้อมกับทุ่มงบหลายสิบล้านบาท เพื่อตั้งโชว์รูมเฉพาะของสไปเดอร์ โรดสเตอร์ ซึ่งขณะนี้กำลังเล็งหาทำเลอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นกลางเมือง และมีพื้นที่ให้ลูกค้าได้ทดลองขับด้วย ซึ่งจุดมองไว้และเห็นว่าเหมาะสม น่าจะเป็นแถบบริเวณเรียบทางด่วนรามอินทรา
นอกจากสไปเดอร์ โรดสเตอร์ พิสิทธิ์ยังบอกว่า แน่นอนอนาคตจะต้องมีการเสริมไลน์สินค้าสู่ตลาดไทยมากขึ้น เพราะบริษัทแม่กลุ่มบีอาร์พี เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยานพาหนะต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น Ski-Doo ที่โดดเด่นในตลาดรถหิมะ หรือ Sea-Doo เจ้าตลาดเจ็ทสกีของโลก และ Can-AM ที่เป็นผู้ครองตลาดใหญ่ในกลุ่มเอทีวี (ATV) ประกอบกับเป็นบริษัทร่วมทุน บริษัทผลิตเครื่องยนต์ชั้นนำของโลก Rotax ของออสเตรเลีย ที่ผลิตเครื่องยนต์ให้กับ BMW และ Aprilia มาแล้ว จึงต้องมีสินค้าใหม่ๆ แนะนำสู่ตลาดไทยแน่นอน
จากการเปิดบริษัทร่วมทุนของ Rotax นี่เอง ทำให้สไปเดอร์ โรดสเตอร์ วางเครื่องยนต์ Rotax ขนาด 998 ซีซี แบบ V-Twin 106 แรงม้า ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอิเลคทรอนิค (แบบเดี่ยวกับ Aprilia RSV-Mille) ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 4.3 วินาที ระบบขับเคลื่อนเกียร์ 5 สปีด พร้อมเกียร์ถอยหลัง
เพื่อรองรับความเร็ว สไปเดอร์ โรดสเตอร์ เลือกใช้โครงสร้างเฟรมตามแบบวิศวกรรมที่เรียกว่า Y-Shape จึงลงตัวสำหรับรูปแบบของรถมอเตอร์ไบค์ ผสานกับรถสปอร์ต โครงสร้างหลักที่ใช้เป็นเนื้อเหล็กหล่อ เมื่อบวกกับมิติที่ใหญ่โต จึงมีน้ำหนักตัวรวมถึง 700 ปอนด์ เรื่องระบบความปลอดภัยจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทางทีมออกบอกให้ความสำคัญ โดยนำระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรก ABS มาใส่เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ โดยถูกใช้ผ่านคาลิเปอร์แบบ 4 พอทคู่หน้า ส่วนล้อหลังแบบซิงเกิล จานโรเตอร์ ทั้ง 3 ขนาด 10.2 นิ้ว จึงเพียงพอจะหยุดความกร้าวของเครื่องยนต์บล็อกนี้ได้
มั่นใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อโครงสร้างที่ผนวกเข้ากับระบบรับแรงด้านหน้าจากรถยนต์ ที่เรียกว่า A-Arm ทำให้เพิ่มเสถียรในวงเลี้ยวแคบๆ และเปี่ยมประสิทธิภาพในการยึดเกาะได้อย่างดี ด้วยล้อหน้าอะลูมิเนียมลายสวยขนาด 14 X 5 นิ้ว พร้อมยางเรเดียลซีรีส์ 160-65R14 ส่วนล้อหลังขยายเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อเป็น 15 X 7 นิ้วพร้อมยางซีรีส์ 225-50R15
นับเป็นนวัตกรรมยานยนต์รูปแบบใหม่ ที่เมื่อมีโอกาสแล้วจึงไม่ควรพลาด เชิญไปสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดทุกวัน ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 หรือหากมีเงินสดในมือ 2 ล้านบาท ไปชมและสัมผัสก่อนจับจองได้ในต้นปีหน้า!!
สร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์อย่างมาก เมื่อพาหนะ 3 ล้อ รูปทรงแปลก จะเป็นมอเตอร์ไบค์ก็ไม่ใช่ หรือจะรถยนต์สปอร์ตก็เชิง ในชื่อ “สไปเดอร์ โรดสเตอร์” (Spyder Roadster) ได้เผยโฉมสู่สายตาชาวโลกไปเมื่อปี 2007 และเปิดตัวสู่ตลาดเมื่อต้นปี 2008 นับเป็นผลงานแรกในการฟื้นไลน์ผลิตของ “แคน-แอม” (Can-Am) ตำนานอันยิ่งใหญ่ ในฐานะโรงงานที่ผลิตเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ในแบบ “เดิร์ทไบค์” ที่โดดเด่นและมีเกียรติประวัติมายาวนาน ภายหลังจากกลุ่มบริษัท Bombardier Recreational Product (BRP) ได้เข้ามาครอบครองเมื่อปี 2006 และยานยนต์รูปแบบใหม่นี้ ได้ถูกนำเข้ามาให้ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดแล้ว ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 ที่กำลังเปิดให้เข้าชมยาวไปจนถึงวันที่ 10 ธ.ค. นี้
“เรานำสไปเดอร์ โรดสเตอร์ เข้ามาเพื่อให้ชาวไทยได้สัมผัสนวัตกรรมยานยนต์รูปแบบใหม่ ก่อนจะเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการประมาณช่วงไตรมาสสองปีหน้า ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะเป็นช่วงงานมอเตอร์โชว์ 2009”
พิสิทธิ์ คุณานันทกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสกเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้ายานพาหนะ 2 ล้อ “เสกเวย์ พีที” ( Segway PT) เปิดเผย “เอเอสทีวี-ผู้จัดการ มอเตอริ่ง” พร้อมกับบอกว่า “นับเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในเอเชีย หลังจากแนะนำในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งถือเป็นยานยนต์รูปแบบใหม่ ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับมอเตอร์ไบค์ แต่มีทั้งหมด 3 ล้อ คือล้อหน้า 2 และอีก 1 เป็นล้อหลัง”
“แม้จะเป็นยานยนต์แบบใหม่ แต่เราเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทย เพราะมีความแหวกแนว แตกต่าง ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ที่ลงตัวสวยงาม ขณะที่สมรรถนะของรถปราดเปรียวในรูปแบบมอเตอร์ไบค์ และความสะดวกสบายปลอดภัยเช่นเดียวกับรถสปอร์ต จึงเชื่อว่ายังมีช่องทางตลาด โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบความแตกต่างและแปลกใหม่”
เมื่อสอบถามถึงการใช้งานในเมืองไทย สามารถทำได้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่?.... พิสิทธิ์บอกว่าขณะนี้สไปเดอร์ โรดสเตอร์ สามารถจดทะเบียนในรูปแบบรถมอเตอร์ไซค์ได้แล้ว ฉะนั้นจึงสามารถวิ่งบนท้องถนนได้ทั่วไป ยกเว้นทางที่ห้ามรถมอเตอร์ไซค์วิ่งอย่างทางด่วนเป็นต้น
"เรามั่นใจ สไปเดอร์ โรดสเตอร์ จะได้รับการตอบรับจากผู้ที่ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ต ทั้งที่ผ่านประสบการณ์จากมอเตอร์ไบค์ หรือรถสปอร์ต โดยราคาจำหน่ายยังไม่สามารถระบุได้ชัด เพราะต้องมาคำนวณภาษีต่างๆ แต่คาดว่าจะไม่เกิน 2 ล้านบาท”
จากความมั่นใจดังกล่าว ทำให้พิสิทธิ์เตรียมตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมารองรับ การทำธุรกิจจำหน่ายสไปเดอร์ โรดสเตอร์โดยตรง พร้อมกับทุ่มงบหลายสิบล้านบาท เพื่อตั้งโชว์รูมเฉพาะของสไปเดอร์ โรดสเตอร์ ซึ่งขณะนี้กำลังเล็งหาทำเลอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นกลางเมือง และมีพื้นที่ให้ลูกค้าได้ทดลองขับด้วย ซึ่งจุดมองไว้และเห็นว่าเหมาะสม น่าจะเป็นแถบบริเวณเรียบทางด่วนรามอินทรา
นอกจากสไปเดอร์ โรดสเตอร์ พิสิทธิ์ยังบอกว่า แน่นอนอนาคตจะต้องมีการเสริมไลน์สินค้าสู่ตลาดไทยมากขึ้น เพราะบริษัทแม่กลุ่มบีอาร์พี เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยานพาหนะต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น Ski-Doo ที่โดดเด่นในตลาดรถหิมะ หรือ Sea-Doo เจ้าตลาดเจ็ทสกีของโลก และ Can-AM ที่เป็นผู้ครองตลาดใหญ่ในกลุ่มเอทีวี (ATV) ประกอบกับเป็นบริษัทร่วมทุน บริษัทผลิตเครื่องยนต์ชั้นนำของโลก Rotax ของออสเตรเลีย ที่ผลิตเครื่องยนต์ให้กับ BMW และ Aprilia มาแล้ว จึงต้องมีสินค้าใหม่ๆ แนะนำสู่ตลาดไทยแน่นอน
จากการเปิดบริษัทร่วมทุนของ Rotax นี่เอง ทำให้สไปเดอร์ โรดสเตอร์ วางเครื่องยนต์ Rotax ขนาด 998 ซีซี แบบ V-Twin 106 แรงม้า ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอิเลคทรอนิค (แบบเดี่ยวกับ Aprilia RSV-Mille) ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 4.3 วินาที ระบบขับเคลื่อนเกียร์ 5 สปีด พร้อมเกียร์ถอยหลัง
เพื่อรองรับความเร็ว สไปเดอร์ โรดสเตอร์ เลือกใช้โครงสร้างเฟรมตามแบบวิศวกรรมที่เรียกว่า Y-Shape จึงลงตัวสำหรับรูปแบบของรถมอเตอร์ไบค์ ผสานกับรถสปอร์ต โครงสร้างหลักที่ใช้เป็นเนื้อเหล็กหล่อ เมื่อบวกกับมิติที่ใหญ่โต จึงมีน้ำหนักตัวรวมถึง 700 ปอนด์ เรื่องระบบความปลอดภัยจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทางทีมออกบอกให้ความสำคัญ โดยนำระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรก ABS มาใส่เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ โดยถูกใช้ผ่านคาลิเปอร์แบบ 4 พอทคู่หน้า ส่วนล้อหลังแบบซิงเกิล จานโรเตอร์ ทั้ง 3 ขนาด 10.2 นิ้ว จึงเพียงพอจะหยุดความกร้าวของเครื่องยนต์บล็อกนี้ได้
มั่นใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อโครงสร้างที่ผนวกเข้ากับระบบรับแรงด้านหน้าจากรถยนต์ ที่เรียกว่า A-Arm ทำให้เพิ่มเสถียรในวงเลี้ยวแคบๆ และเปี่ยมประสิทธิภาพในการยึดเกาะได้อย่างดี ด้วยล้อหน้าอะลูมิเนียมลายสวยขนาด 14 X 5 นิ้ว พร้อมยางเรเดียลซีรีส์ 160-65R14 ส่วนล้อหลังขยายเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อเป็น 15 X 7 นิ้วพร้อมยางซีรีส์ 225-50R15
นับเป็นนวัตกรรมยานยนต์รูปแบบใหม่ ที่เมื่อมีโอกาสแล้วจึงไม่ควรพลาด เชิญไปสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดทุกวัน ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 หรือหากมีเงินสดในมือ 2 ล้านบาท ไปชมและสัมผัสก่อนจับจองได้ในต้นปีหน้า!!