ศูนย์ข่าวภูเก็ต- จังหวัดภูเก็ตได้ข้อสรุปแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการเจ็ตสกี เอาเปรียบนักท่องเที่ยวเรียกค่าเสียมหาโหด ครั้งละเป็นแสนก็เคยมี ล้อมคอกใหม่ทั้งหมดบังคับให้ทำประกันภัย พร้อมเจรจาค่าเสียหายที่สถานีตำรวจทุกครั้ง พร้อมทั้งป้ายประชาสัมพันธ์เกิดเหตุแจ้งหน่วยงานใด ผู้ประกอบการเห็นด้วยขอคุมไม่ให้มีเพิ่มอีกแล้ว
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่ห้องประชุมพระพิสิฎฐ์กรณีย์ เทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมพิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องเจ็ตสกี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ททท.ขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี เทศบาลเมืองป่าตอง สำนักงานประกันภัยจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการเจ็ตสกีทั้งจังหวัดภูเก็ต เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาเจ็ตสกีที่ให้บริการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ที่มาใช้บริการเจ็ทสกีที่หาดป่าตอง เมื่อเสร็จสกีเกิดอุบัติเหตุได้รับความเสียหาย ทางผู้ประกอบการจะเรียกค่าเสียหายในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง ซึ่งมีหลายรายมากที่เกิดปัญหาขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวเช่าเจ็ตสกีไปเล่น เมื่อเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยจะเรียกเก็บค่าเสียหายที่สูงมาก เช่น ที่เกิดขึ้นเรียกค่าเสียหายถึง 50,000 บาท แต่เมื่อนักท่องเที่ยวไม่ยอม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเจรจากลับลดเหลือเพียง 3,000 บาทเท่านั้น รวมไปถึงกรณีที่ผู้ประกอบการเจ็ทสกีใช้ปืนข่มขู่ท่องเที่ยวที่เผยแพร่ผ่าน www.youtube.com ไปทั่วโลก
นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในที่ประชุมว่า การเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการเจ็ทสกีมาหารือในครั้งนี้ ก็เพื่อรวมกันหาแนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการร้องเรียนเจ็ทสกีเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอีก ซึ่งที่ผ่านมาที่มีการร้องเรียนเข้ามาผ่านมาทางหน่วยงานต่างๆ มีเป็นจำนวนมาก เช่น นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้ร้องเรียนมาเมื่อวันที่ 19 ก.ค.กงสุลจีนร้องเรียนเข้ามาเมื่อวันที่ 28 ส.ค.นักท่องเที่ยวคนไทยเมื่อ 4 เม.ย.และกลุ่มคนไทยที่ได้ร้องเรียนเข้ามาเมื่อเร็วๆ นี้อีก นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ยังมีที่นักท่องเที่ยวยอมจ่ายโดยไม่ได้ร้องเรียนอีกมาก
การกระทำดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นการบ่อนทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตและประเทศไทย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากเราไม่มีอู่ซ่อมกลางที่จะประเมินราคาค่าเสียหาย อู่ซ้อมที่มาประเมินราคาก็เป็นอู่ของผู้ประกอบการเจ็ทสกี จึงประเมินราคาที่สูงเกินความเป็นจริงหลายเท่าตัว
ดังนั้น คิดว่า แนวทางในการแก้ปัญหาการเรียกค่าเสียหาย ที่สูงเกินความเป็นจริงนั้นจะต้องให้ผู้ประกอบการเจ็ทสกีทำประกันภัยกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือเจ็ตสกีและนักท่องเที่ยว ซึ่งในประเด็นนี้จะต้องใช้มาตรการในการบังคับให้ผู้ประกอบการทุกรายดำเนินการเพราะตามกฎหมายแล้วเจ็ตสกีเป็นกีฬาไม่สามมารถนำมาทำการค้าได้ ถ้าเจ็ตสกีมีประกันคิดว่าปัญหาการเรียกเก็บค่าเสียหายจะหมดไป
ด้าน พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สงมูลนาค ผู้กำกับการ สภ.กะทู้ กล่าวว่า ผู้ประกอบการเจ็ตสกีในป่าตองนั้นมีการแบ่งโซนให้บริการ 12 โซน และแต่ละโซนก็จะคณะกรรมการควบคุมกันเอง มีการสติกเกอร์แสดงโซนให้บริการและสติกเกอร์ลำดับเรือด้วย เนื่องจากที่ป่าตองจะมีชมรมผู้ประกอบการเจ็ตสกีอยู่
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้หารือกับชมรม มีการจัดทำประวัติผู้ประกอบการ เด็กให้บริการเรือเจ็ทสกี และตัวเจ็ทสกี เพราะทางตำรวจเองก็ได้รับการร้องเรียนบ่อยเช่นกันและมีบางรายที่ต้องไปตกลงค่าเสียหายกันที่สถานีตำรวจ ซึ่งจากการเก็บสถิติเมื่อปี 2550 มีการเรียกค่าเสียหายจากนักท่องเที่ยวประมาณ 1,000,000 บาท และในปี 2551 ที่ผ่านมาประมาณ 2,500,000 บาท มีนักท่องเที่ยวอยู่หนึ่งรายเช่าเจ็ตสกีไปสองลำเกิดอุบัติเหตุเสีย ผู้ประกอบการเรียกค่าเสียหายลำละ 150,000 บาท
ตำรวจจะทำงานร่วมกับเทศบาลเมืองป่าตอง ในการเดินตรวจตราตามชายหาดต่างๆ เพื่อดูแลไม่ให้ผู้ประกอบการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอีก และขอฝากผู้ประกอบการไว้ ณ ที่นี้เลยว่า อย่าเอาคนพม่ามาเป็นคนให้บริการเรือเจ็ทสกีโดยเด็ดขาด
นายอนุสรณ์ สาเหล่ ประธานชมรมผู้ประกอบการเจ็ทสกีจังหวัดภูเก็ต ปัญหาเจ็ทสกีเกิดขึ้นมานานแล้ว ต้องยอมรับว่า ผู้ประกอบการมีทั้งคนดีและคนไม่ดีที่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว ซึ่งในการให้บริการนักท่องเที่ยวนั้นจะมีสัญญารายละเอียดให้นักท่องเที่ยวรับทราบ ก่อนที่จะเช่าเจ็ทสกีไปเล่น และในสัญญามีการระบุไว้ชัดเจนว่า ไม่มีประกันหากเกิดอุบัติเหตุผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งมีข้อแนะนำต่างๆ รวมทั้งไม่มีการยึดพาสพอร์ตของนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนของค่าเสียหายนั้นได้ทางผู้ประกอบการได้ตกลงกันไว้ที่ตารางนิ้วละ 300 บาท หากพลิกคว่ำน้ำเข้าเรือ 3,000 บาท ซึ่งคิดว่าปัญหาการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวจะหมดไปหากมีการทำประกันภัยขึ้นมา
สำหรับการให้บริการเจ็ตสกีที่หาดป่าตอง หากเป็นเจ็ทสกีลำใหญ่ราคาค่าเช่าจะอยู่ที่ครึ่งชั่วโมงละ 1,500 บาท ลำเล็ก 1,200 บาท
ขณะที่ นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเมืองป่่าตอง กล่าวว่า เจ็ทสกีที่ให้บริการอยู่ที่หาดป่าตองขณะนี้มีที่จดทะเบียนถูกต้อง 176 ลำ และที่เข้ามาโดยไม่ได้จดทะเบียน 27 ลำ รวมขณะนี้อยู่ที่ 193 ลำ อย่างไรก็ตาม จากที่ได้หารือกับผู้ประกอบการจะไม่ให้มีการจดทะเบียนเจ็ทสกีเพิ่มอีกแล้วให้คงไว้ที่ 176 ลำ ส่วนที่เกินมานั้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินการ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากผู้ประกอบการขัดผลประโยชน์กัน และขอร้องผู้ประกอบการอย่าเอาแรงงานพม่ามาให้บริการเรือเจ็ตสกีอีก
สำหรับเรือเจ็ตสกีในภูเก็ต ที่จดทะเบียนกับสำนักงานขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวีนั้น มีอยู่ 219 ลำในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ข้อสรุปถึงมาตรการในการควบคุมดูแลไม่ให้ผู้ประกอบการเจ็ทสกีเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอีก ประกอบด้วย ให้เรือเจ็ทสกีทุกลำทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวไม่ต้องมารับผิดชอบ โดยให้ผู้ประกอบการบวกค่าประกันภัยเพิ่มไปในค่าบริการ
เรื่องนี้จะมีการนัดหารือร่วมกันระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้ประกอบการอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 18 ก.ย.2552 มีการทำป้ายประชาสัมพันธ์ภาษาต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวทราบว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุและมีค่าเสียหายนักท่องเที่ยวจะต้องแจ้งไปยังหน่วยงานใดให้รับทราบก่อนที่จะตกลงกับผู้ประกอบการ มีการกำหนดราคาค่าบริการที่ชัดเจน กำหนดโซนนิงการเล่นเจ็ทสกีและทำทุ่นในจุดที่อันตรายมีโหดหิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเจ็ทสกีชนโขดหิน เรือที่เกิดอุบัติเหตุจะต้องนำมาตกลงราคาค่าเสียหายกันที่สถานีตำรวจ และเรือที่จะนำไปจดทะเบียนกับขนส่งทางน้ำฯจะต้องได้รับการรับรองจากท้องถิ่นเท่านั้น