ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ททท.เร่งทำความเข้าใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกรณีเจ็ตสกีข่มขู่นักท่องเที่ยว เชื่อมาตรการการแก้ปัญหาที่จังหวัดกำลังดำเนินการช่วยได้มาก ระบุผู้ประกอบการเจ็ตสกีควรแจกกฎระเบียบการเล่นเจ็ทสกีเข้าให้ถึงห้องพักเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว ขณะที่ผู้ว่าฯจี้ผู้ประกอบการห้ามนำแรงงานต่างด้าวมาให้บริการเจ็ตสกีโดยเด็ดขาด
น.ส.วรรณประภา สุขสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต กล่าวถึงการทำความเข้าใจต่อนักท่องเที่ยว หลังจากมีภาพเหตุการณ์ข่มขู่นักท่องเที่ยวแพร่ออกไป โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษว่า หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ททท.ก็ได้ตรวจสอบไปยังสำนักงานการท่องเที่ยวที่ลอนดอนทันที เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ส่วนเรื่องของการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา และทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นขณะนี้ก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว โดยนำส่งข้อมูลการแก้ไขปัญหาต่างของจังหวัดส่งไปให้ ททท.ส่วนกล่าว เพื่อรวบรวมและแจ้งทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวผ่านทางสำนักงาน ททท.30 สำนักงานทั่วโลกถึงข้อเท็จของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการแก้ไขปัญหาที่ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการไป
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์การข่มขู่นักท่องเที่ยวในกรณีที่ใช้บริการเจ็ตสกีมีอยู่จริง ซึ่งในส่วนของ ททท.สำนักงานภูเก็ตก็ได้รับเรื่องร้องเรียนเช่นเดียวกับทางจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ซึ่งส่วนใหญ่จะร้องเรียนผ่านทางสถานทูต ซึ่งการแก้ไขปัญหาตามแนวทางที่ได้มีการประชุมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแบ่งโซน การทำประกันภัย และอื่นๆ จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้มาก แต่ควรจะเพิ่มเติมในเรื่องของการอบรมเรื่องมารยาทให้กับเด็กที่ทำหน้าที่ให้เช่าเจ็ตสกีเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมาอีกปัญหาหนึ่งที่ได้รับการร้องเรียนบ่อยคือเรื่องมารยาทการให้บริการของเด็กเจ็ตสกีที่ให้บริการด้วยความไม่สุภาพ พูดจาหยาบคาย
น.ส.วรรณประภา ยังได้กล่าวต่อไปว่า อีกสิ่งหนึ่งที่คิดว่าน่าจะต้องทำเพิ่มเติมในส่วนของผู้ประกอบการ คือ เรื่องของการทำความเข้าใจกับผู้ใช้บริการในเรื่องของกฎระเบียบการเล่นเจ็ตสกี ว่าถ้าเกิดความเสียหายผู้ใช้บริการจะต้องดำเนินการอย่างไร
จากเอกสารกฎระเบียบที่ทางผู้ประกอบการนำมาแสดงนั้นมีความยาวถึง 2 หน้า จะต้องใช้เวลาในการอ่อนและทำความเข้าใจ เพราะฉะนั้นคิดว่าในส่วนของผู้ประกอบการควรที่จะนำระเบียบเหล่านี้ไปฝากไว้ทางโรงแรมต่างๆ หรือฝากไว้ในห้องพักของโรงแรมต่างๆ เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้ศึกษากฎระเบียบก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการ ซึ่งเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็จะได้ทราบว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้มีในเรื่องของการข่มขู่นักท่องเที่ยวเกิดขึ้น
ขณะที่นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการให้บริการของเจ็ตสกีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตว่า โดยทั่วไปเจ็ตสกีจะมีไว้เพื่อการกีฬา แต่เมื่อมีการนำมาประกอบอาชีพซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และถือว่าเป็นการประกอบอาชีพโดยสุจริต ก็ไม่ว่ากัน แต่จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องและมาเข้าสู่ระบบของการทำประกัน ซึ่งผู้ประกอบการสามารถที่จะบวกไปกับค่าบริการนักท่องเที่ยวได้ จากปกติที่เคยให้เช่า 30 นาที คิดอัตรา 1,500 บาท ก็อาจจะเพิ่มเป็น 1,600 บาท
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่จังหวัดจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เช่นกันคือเรื่องของการนำแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะแรงงานพม่ามาทำหน้าที่ให้เช่าเจ็ตสกี ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง
นายวิชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับเจ็ตสกีที่มีปัญหาและได้รับการร้องเรียนเข้ามามากที่สุดคือการให้บริการเจ็ตสกีที่บริเวณหาดป่าตอง ซึ่งจากการร้องเรียนของนักท่องเที่ยวผ่านทางสถานทูตต่างๆ พบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าตองเสียส่วนใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ในส่วนของผู้ประกอบการในพื้นที่และเจ้าหน้าที่จะต้องช่วยกันดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก
น.ส.วรรณประภา สุขสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต กล่าวถึงการทำความเข้าใจต่อนักท่องเที่ยว หลังจากมีภาพเหตุการณ์ข่มขู่นักท่องเที่ยวแพร่ออกไป โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษว่า หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ททท.ก็ได้ตรวจสอบไปยังสำนักงานการท่องเที่ยวที่ลอนดอนทันที เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ส่วนเรื่องของการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา และทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นขณะนี้ก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว โดยนำส่งข้อมูลการแก้ไขปัญหาต่างของจังหวัดส่งไปให้ ททท.ส่วนกล่าว เพื่อรวบรวมและแจ้งทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวผ่านทางสำนักงาน ททท.30 สำนักงานทั่วโลกถึงข้อเท็จของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการแก้ไขปัญหาที่ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการไป
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์การข่มขู่นักท่องเที่ยวในกรณีที่ใช้บริการเจ็ตสกีมีอยู่จริง ซึ่งในส่วนของ ททท.สำนักงานภูเก็ตก็ได้รับเรื่องร้องเรียนเช่นเดียวกับทางจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ซึ่งส่วนใหญ่จะร้องเรียนผ่านทางสถานทูต ซึ่งการแก้ไขปัญหาตามแนวทางที่ได้มีการประชุมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแบ่งโซน การทำประกันภัย และอื่นๆ จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้มาก แต่ควรจะเพิ่มเติมในเรื่องของการอบรมเรื่องมารยาทให้กับเด็กที่ทำหน้าที่ให้เช่าเจ็ตสกีเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมาอีกปัญหาหนึ่งที่ได้รับการร้องเรียนบ่อยคือเรื่องมารยาทการให้บริการของเด็กเจ็ตสกีที่ให้บริการด้วยความไม่สุภาพ พูดจาหยาบคาย
น.ส.วรรณประภา ยังได้กล่าวต่อไปว่า อีกสิ่งหนึ่งที่คิดว่าน่าจะต้องทำเพิ่มเติมในส่วนของผู้ประกอบการ คือ เรื่องของการทำความเข้าใจกับผู้ใช้บริการในเรื่องของกฎระเบียบการเล่นเจ็ตสกี ว่าถ้าเกิดความเสียหายผู้ใช้บริการจะต้องดำเนินการอย่างไร
จากเอกสารกฎระเบียบที่ทางผู้ประกอบการนำมาแสดงนั้นมีความยาวถึง 2 หน้า จะต้องใช้เวลาในการอ่อนและทำความเข้าใจ เพราะฉะนั้นคิดว่าในส่วนของผู้ประกอบการควรที่จะนำระเบียบเหล่านี้ไปฝากไว้ทางโรงแรมต่างๆ หรือฝากไว้ในห้องพักของโรงแรมต่างๆ เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้ศึกษากฎระเบียบก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการ ซึ่งเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็จะได้ทราบว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้มีในเรื่องของการข่มขู่นักท่องเที่ยวเกิดขึ้น
ขณะที่นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการให้บริการของเจ็ตสกีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตว่า โดยทั่วไปเจ็ตสกีจะมีไว้เพื่อการกีฬา แต่เมื่อมีการนำมาประกอบอาชีพซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และถือว่าเป็นการประกอบอาชีพโดยสุจริต ก็ไม่ว่ากัน แต่จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องและมาเข้าสู่ระบบของการทำประกัน ซึ่งผู้ประกอบการสามารถที่จะบวกไปกับค่าบริการนักท่องเที่ยวได้ จากปกติที่เคยให้เช่า 30 นาที คิดอัตรา 1,500 บาท ก็อาจจะเพิ่มเป็น 1,600 บาท
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่จังหวัดจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เช่นกันคือเรื่องของการนำแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะแรงงานพม่ามาทำหน้าที่ให้เช่าเจ็ตสกี ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง
นายวิชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับเจ็ตสกีที่มีปัญหาและได้รับการร้องเรียนเข้ามามากที่สุดคือการให้บริการเจ็ตสกีที่บริเวณหาดป่าตอง ซึ่งจากการร้องเรียนของนักท่องเที่ยวผ่านทางสถานทูตต่างๆ พบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าตองเสียส่วนใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ในส่วนของผู้ประกอบการในพื้นที่และเจ้าหน้าที่จะต้องช่วยกันดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก