xs
xsm
sm
md
lg

เกาะกระแสเก๋งแรงโค้งสุดท้าย บ.รถส่งคอมแพ็กต์ใหม่ชิงยอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาสด้า 3 เอ็มพีเอส  ที่จะถูกถอดแบบรูปโฉมมาใส่ไว้ในรุ่น 3 ที่จะเปิดตัวในไทยสิ้นเดือนกันยายนนี้  หวังเกาะกระแสตลาดเก๋งที่กำลังร้อนแรง และชิงกับคู่แข่งตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ที่จะทยอยเปิดตัวอีกเพียบ
ข่าวในประเทศ - เข้าสู่โค้งสุดท้ายของปีแห่งความวุ่นวาย ค่ายรถแย่งกันโดดเกาะกระแสร้อนแรงของตลาดเก๋ง ส่งทีเด็ดออกมาเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะเก๋งคอมแพ็กต์ที่ทั้งเพิ่มทางเลือก และขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่ล่าสุดค่าย  มิตซูบิชิ เปิดตัว แลนเซอร์ ซีเอ็นจี เป็นอีกทางเลือกในยุคน้ำมันแพง เคาะราคา 7.04-8.47 แสนบาท หลังจาก นิสสัน เพิ่งส่ง ทีดา ลาติโอ ใหม่ 2 รุ่น สยายปีกเจาะบรรดารถเช่า และแท็กซี่ไปหมาดๆ ขณะที่สิ้นเดือนกันยายนนี้ มาสด้า ได้ฤกษ์แต่งหน้าทาปากใหม่ ให้กับคอมแพ็กต์รุ่น 3 ซึ่งงานนี้ถอดแบบรูปโฉมมาจากตัวแรง มาสด้า 3 เอ็มพีเอสชนิดถอดด้ามกันเลยทีเดียว ว่ากันว่าปรับเปลี่ยนมากสุดกว่า 20 รายการ สำหรับสนนราคาปรับเพิ่มเริ่มต้นเพียงกว่า 1 พันบาท ขณะที่พันธมิตร ฟอร์ด ไม่ยอมน้อยหน้าส่ง โฟกัส ไมเนอร์เชนจ์เขย่าตลาดเช่นกัน แต่นอกจากบรรดาพระรองที่กล่าวมา ให้จับตา! ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ที่ได้เผยโฉมเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาไปแล้ว คาดเมืองไทยน่าจะโผล่มาให้ได้ถอยกัน ในช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 สิ้นปีนี้แน่นอน

ตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง กลายเป็นพระเอกฉุดให้ค่ายรถหลุดพ้น หรือสามารถเกาะปากเหวไว้ได้ หลังจากเจอวิกฤติราคาน้ำมันแพงพ่นพิษ แถมยังมาโดนมรสุมการเมืองกระหน่ำ จนลากเศรษฐกิจไทยดิ่งเหวลงไปด้วย แต่ปรากฏว่ายอดขายตลาดเก๋ง 8 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) เติบโตถึง 30% ดึงตลาดรถยนต์ไทยรวมทุกประเภทอยู่ในแดนบวกเกือบ 4% แม้ปิกอัพ 1 ตัน ตลาดใหญ่สุดของไทยจะติดลบถึง 8.7% ฉะนั้นช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ ค่ายรถจึงต้องแห่เกาะกระแสตลาดเก๋งที่ร้อนแรงสุดๆ ปั้นตัวเลขยอดขายให้ได้มากที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายนี้
"จากราคาน้ำมันแพงและภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่าน ทำให้ลูกค้าหันมาให้ความสนใจรถยนต์นั่ง ซึ่งสามารถใช้งานพลังงานทางเลือก รวมทั้งมีเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดน้ำมันมากกว่า ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในกลุ่มนี้เติบโตขึ้น โดยในส่วนของมิตซูบิชินั้นยอดขาย มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ เติบโตขึ้นถึง 16.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแนะนำมิตซูบิชิ แลนเซอร์ ใหม่ ที่สามารถรองรับน้ำมันพลังงานทางเลือก แก๊สโซฮอล์ E20 ได้"
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี ที่ส่งมากวาดยอดขายตัดหน้าไปแล้ว
นั่นคือคำกล่าวของ ทาคาอากิ คิชิอิ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และเปิดเผยต่อว่า "เพื่อนำเสนอทางเลือกที่มากกว่าให้กับลูกค้า ล่าสุดบริษัทฯ จึงได้แนะนำมิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี (CNG) เพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่น โดยถือเป็นรถที่ให้ทั้งความประหยัดและครบถ้วนด้วยสมรรถนะ โดยลูกค้าสามารถเลือกประหยัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ระบบน้ำมันจากแก็สโซฮอล์ E20 หรือจะเลือกใช้พลังงานจากก๊าซซีเอ็นจี ซึ่งเรามั่นใจว่าจะมีส่วนกระตุ้นยอดขายมิตซูบิชิ แลนเซอร์ ให้เติบโตขึ้นอีก"
 
สำหรับมิตซูบิชิ แลนเซอร์ 1.6 ซีเอ็นจี การออกแบบภายนอกไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมที่ใช้น้ำมันเบนซิน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ และอุปกรณ์ตกแต่งครบครัน โดยระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ติดตั้งตามาตรฐานโรงงานด้วยถังก๊าซแบบ Type II น้ำหนักเบา (หุ้มไฟเบอร์) พร้อมระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด และสวิตช์เลือกใช้ก๊าซหรือน้ำมันเบนซิน ที่สำคัญยังให้การรับประกันเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ CNG ซึ่งติดตั้งตามมาตรฐานของบริษัทฯ ด้วยนโยบายประกันคุณภาพสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม.


โดยมิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี เก๋งแบบคอมแพ็กต์ซีดาน วางเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร มี 4 สีให้เลือก คือ สีดำ สีเงิน สีบรอนซ์ทอง และ สีเทาดำ มีราคาจำหน่ายสำหรับรุ่น GLX MT อยู่ที่ 704,000 บาท รุ่น GLX CVT ราคา 744,000 บาท และรุ่น SEi CVT ราคา 847,000 บาท ขณะที่มิตซูบิชิเพิ่มทางเลือกด้านพลังงานให้กับผู้บริโภค แต่คู่แข่ง นิสสัน ได้ออกมากระตุ้นตลาด ด้วยการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังบรรดาประกอบการรถเช่า รถแท็กซี่ และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ประเภทต่างๆ ที่แสวงหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความคุ้มค่าของตัวรถ ความสวยงาม สะดวกสบาย และประหยัด

ทั้งนี้ โคจิ โอคูดะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส การตลาดและขาย บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด เปิดเผยว่า นิสสันได้มีการเปิดตัวเก๋งคอมแพ็กต์ ทีด้า ลาติโอ ใหม่ แนะนำสู่ตลาด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 1.6P ที่มีอุปกรณ์พิเศษครบเครื่อง อาทิ กุญแจรีโมต กระจกไล่ฝ้า กระจกไฟฟ้า และระบบเซ็นทรัลล็อก และรุ่น 1.6PL รถยนต์เก๋งเพื่อการพาณิชย์ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจรถรับจ้างเพื่อการสาธารณะ ราคาจำหน่ายไว้ที่ 534,000-514,000 บาท


นั่นคือการเพิ่มทางเลือกและขยายฐานลูกค้าของสองค่าย มิตซูบิชิ-นิสสัน แต่ค่ายอื่นๆ ได้เลือกใช้กลยุทธ์สร้างแรงจูงใจ หรือกระตุ้นยอดขาย ด้วยการแต่งหน้าทาปากใหม่ให้กับรถรุ่นปัจจุบันที่มีอยู่ ดังเช่น มาสด้า ที่สิ้นเดือนกันยายนนี้จะได้ฤกษ์เปิดตัวเก๋งคอมแพ็กต์ มาสด้า 3 ไมเนอร์เชนจ์เสียที หลังจากต้องเลื่อนการเปิดตัวมา 2 เดือน แม้มาสด้า 3 โมเดลนี้จะทำตลาดมานาน แต่การปรับโฉมครั้งนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่า จะได้ขับโฉบเฉี่ยวระยะสั้นๆ เพราะโมเดลใหม่ที่จะมาแทนเพิ่งอยู่ในช่วงของการทดสอบในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในไทยก็ประมาณอีกเกือบ 2 ปีข้างหน้าได้ มาสด้า3 ไมเนอร์เชนจ์ ได้มีการตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ ให้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์ของสปอร์ตซีดานตามสไตล์ ด้วยการปรับเปลี่ยนทั้งภายนอกและภายในรวมมากกว่า 20 รายการ

โดยการตกแต่งภายนอกแทบจะถอดแบบมาจากตัวแรง อย่างมาสด้า3 เอ็มพีเอส ในออสเตรเลีย และยุโรป หรือชื่อในญี่ปุ่น เอ็กเซล่า มาสด้า สปีด โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่มาสด้าใส่เข้าไปให้แบบเต็มที่ และภายในก็มีปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้น ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นระบบสตาร์ทรถแบบไม่ต้องใช้กุญแจ หรือ Smart Key ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร การปรับเปลี่ยนไม่มากนักแทบจะดูไม่ออกเลย ราคาจึงปรับขึ้นเพียงกว่า 1,000 บาทเท่านั้น

ในเมื่อพันธมิตรเดินหน้าลุยเช่นนี้ มีหรือที่ค่าย ฟอร์ดจะนิ่งอยู่ได้ โดยเฉพาะสถานการณ์ยอดขายปิกอัพและเก๋งของฟอร์ดค่อนข้างสาหัสทีเดียว เหตุนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ฟอร์ดเตรียมขนทีเด็ดออกมากู้ชีพ ด้วยการแนะนำรถยนต์ใหม่ทยอยเปิดตัวถึง 3 รุ่น ได้แก่ ฟอร์ด เอสเคป รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี พร้อมกับปิกอัพ ฟอร์ด เรนเจอร์ และจะมีการแนะนำโฟกัส ใหม่สู่ตลาดด้วย เกี่ยวกับเก๋งคอมแพ็กต์ ฟอร์ด โฟกัส ได้รับการเปิดเผยจากผู้บริหารของ ฟอร์ด ประเทศไทยว่า ในช่วงปลายปีนี้ฟอร์ดเตรียมเปิดตัวเก๋งโฟกัส รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติสู่ตลาดอีกหนึ่งรุ่น คาดว่าราคาน่าจะสูงกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาที่ขายอยู่ประมาณ 50,000 บาท แน่นอน

นอกจากเก๋งโฟกัสเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเกียร์อัตโนมัติแล้ว มีรายงานว่าฟอร์ดยังจะถือโอกาสปรับโฉมใหม่ โฟกัส ทุกรุ่นด้วย โดยจะเป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ทำตลาดในยุโรป ซึ่งได้มีการปรับโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการออกแบบไฟหน้าใหม่ ซึ่งขอบด้านบนมีการเล่นระดับให้เว้าลง เพื่อความปราดเปรียว และต้องเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ เพื่อรับความเปลี่ยนตรงส่วนนี้ ส่วนกันชนหน้าใหม่เพิ่มความดุดันและดูสปอร์ตเพิ่มขึ้น

ขณะที่ด้านท้ายมีการปรับเพียงเล็กน้อย ที่ตำแหน่งของไฟสัญญาณบนไฟท้าย และเปลี่ยนมาใช้หลอดแบบ LED และกันชนท้ายก็ออกแบบใหม่ให้ดูลงตัวขึ้น ขณะที่เครื่องยนต์ยังจะเป็นบล็อกเดิมในปัจจุบัน เพียงแต่เมืองไทยจะเพิ่มความสำคัญให้กับเครื่องยนต์ดีเซลมากขึ้น เพื่อรับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการเตรียมแนะนำรุ่นเกียร์อัตโนมัติเข้ามาเสริม จากปัจจุบันเครื่องยนต์ดีเซลมีเฉพาะในรุ่นเกียร์ธรรมดา ทั้งหมดเป็นการขยับของบรรดาพระรอง

แต่ที่ต้องจับตาเห็นจะเป็นการไมเนอร์เชนจ์ของ ฮอนด้า ซีวิค ซึ่งได้มีการเปิดเผยโฉมหน้าออกมาครบทุกตลาดแล้ว โดยเฉพาะล่าสุดเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาที่เปิดตัวไปในญี่ปุ่นเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งว่ากันว่าเป็นโฉมเดียวกับที่จะทำตลาดในไทย และหากไม่อะไรมาฉุดรั้งน่าจะเปิดตัวในไทย ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 นี้

สำหรับการการปรับโฉม ฮอนด้า ซีวิคเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวา หลักๆ มาพร้อมกับการเพิ่มความสวยแบบสปอร์ตด้วยกันชนหน้าลายใหม่ คล้ายกับที่ใช้อยู่ใน ซีวิค ไทป์-อาร์ และเสริมด้วยตะแรงกันหินกระเด็นที่ตรงบริเวณช่องรับอากาศ ขณะที่ไฟหน้าเปลี่ยนบุคลิกของโคมข้างในด้วยการรวมพื้นผิวภายในให้เข้มขึ้นจากเดิมที่เป็นสีเงินสะท้อนแสง และกระจังหน้าลายใหม่คล้ายกับที่ใช้อยู่ในสตรีมใหม่ ส่วนด้านท้ายยังใช้ไฟท้ายทรงเดิม แต่ไฟท้าย 2 ดวงที่เดิมเป็นทรงกลมเปลี่ยนเป็นแบบเหลี่ยม และติดตั้งสปอยเลอร์แบบ DuckTail มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในบางรุ่น ภายในห้องโดยสารไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อุปกรณ์หลักๆ ยังเหมือนกับรุ่นก่อนปรับโฉม แต่มีการเพิ่มระบบสตาร์ทแบบไม่ต้องใช้กุญแจ หรือ Keyless เข้ามา ส่วนระบบความปลอดภัยก็ครบครันเหมือนเดิม โดยเฉพาะรุ่น 2.0 ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น VSA ควบคุมการทรงตัว ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย และระบบ Pre-Crash Safety หรือ CMBS

นับว่าตลาดเก๋งคอมแพ็กต์จากนี้ไปมีความคึกคักอย่างยิ่ง เพราะแต่ละค่ายรถต่างแห่เกาะกระแส เพื่อตุนตัวเลขให้ได้มากที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น