สำรวจตลาดรถปีหนู ค่ายรถญี่ปุ่นแห่เปิดตัวโมเดลใหม่ครอบคลุมทุกเซกเม้นท์ เขย่าตลาดตั้งแต่หัวปีกับ “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส” โฉมใหม่ ทำเอาคู่แข่งต่างปรับโฉมรับมือกันอุตลุต ตามมาด้วยเก๋งซับคอมแพ็กต์ ที่ค่ายฮอนด้าโมเดลเชนจ์ให้กับ “แจ๊ซ-ซิตี้” ส่งผลให้คู่ฟัด “ยาริส” แต่งตัวสู้ทันควัน ส่วนปิกอัพเตรียมขยับกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นมาสด้า, ฟอร์ด, นิสสัน และโตโยต้า เช่นเดียวกับรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี ที่มีผู้เล่นหน้าใหม่จาก “มิตซูบิชิ” ส่งมาท้าชนกับ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่จะมีการไมเนอร์เชนจ์ป้องกันบัลลังก์เช่นกัน ส่วนแฟนพันธุ์แรง “ซูบารุ” ส่งสปอร์ตซีดานตัวแรง “อิมเพรซ่า เอสทีไอ” มาเอาใจ
โตโยต้า
ถือเป็นอีกปีที่ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” จะเขย่าตลาดรถยนต์ไทย เพราะมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาชนกับคู่แข่งครอบคลุมแทบจะทุกเซกเม้นท์หลักๆ ทั้งโมเดลเชนจ์ และไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นตลาดใหญ่ๆ ที่มีการแข่งขันดุเดือดทั้งนั้น โดยโตโยต้าเริ่มลุยตั้งแต่หัวปีเลย กับการเปิดตัวโฉมใหม่ของ “โคโรลล่า อัลติส” เพื่อมาทวงตำแหน่งคืนจาก “ฮอนด้า ซีวิค”
หากใครที่ไปชมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา คงจะได้เห็นรูปโฉมตัวจริงของ โตโยต้า อัลติส ใหม่ไปแล้ว ซึ่งรูปลักษณ์ของอัลติสโฉมใหม่ไม่ได้แตกต่างจากเวอร์ชั่นจีนและยุโรป ที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วแต่อย่างใด มีเพียงรายละเอียดบางอย่าง และอุปกรณ์ภายในเท่านั้น ที่แตกต่างไปตามสภาพความต้องการของแต่ละตลาด โดยอัลติสใหม่ยังคงจะยืนพื้นจำนวนรุ่นทำตลาด เช่นเดียวกับรุ่นปัจจุบัน คือ มีรุ่น J, E และ G แต่ในโฉมใหม่จะเพิ่มรุ่น S เข้ามา ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นตกแต่งแบบสปอร์ต เช่นเดียวกับ โตโยต้า วีออส โฉมใหม่
ส่วนขุมพลังเป็น 2 เครื่องยนต์แบบ Dual VVT-I ใช้ระบบวาล์วแปรผันควบคุมการทำงานของวาล์ว ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย ตัวแรกมากับรหัส 1ZR-FE 1600 ซีซี 124 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.0 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบ/นาที ส่วนอีกรุ่นรหัส 2ZR-FE 1800 ซีซี 136 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.9 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที และแว่วว่าเครื่องยนต์อัลติสใหม่จะใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ด้วย
นอกจากโคโรลล่า อัลติส ใหม่แล้ว โตโยต้ายังมีการแต่งหน้าทาปากใหม่ให้กับ “ยาริส” เพื่อรับมือกับคู่แข่งสำคัญ “ฮอนด้า แจ๊ซ” ที่มีกำหนดเปิดตัวโมเดลใหม่ต้นปีนี้เช่นกัน โดยยาริสได้ปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอก ตั้งแต่บริเวณกระจังหน้าที่เปลี่ยนเป็นลายแบบใหม่ กันชนหน้าแบบมีคิ้วกันกระแทก กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ส่วนด้านท้ายได้เปลี่ยนไฟท้าย และกันชนดีไซน์ใหม่ เพิ่มความทันสมัยและสดใสมากกว่าเดิม
จากนั้นไปช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นเวลาปรับโฉมของปิกอัพ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” เสียที ซึ่งนอกจากปรับรูปลักษณ์ให้ดูดุดันมากขึ้นแล้ว ยังได้ปรับปรุงขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2500 และ 3000 ซีซี โดยเฉพาะตัวหลังให้มีพละกำลังมากถึง 180 แรงม้า พร้อมกับเพิ่มเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอาจจะมีลุ้นบานแค็บเปิดได้ด้วย แน่นอนเมื่อวีโก้ได้มีการปรับโฉม ในส่วนของรถยนต์สายพันธุ์เดียวกันอย่าง “โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์” ย่อมต้องมีการปรับโฉมเช่นเดียวกัน โดยจะติดตามออกมาในช่วงปลายปี 2008 นี้
ฮอนด้า
ต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาของค่าย “ฮอนด้า” เพราะหลังจากเปิดตัวโฉมใหม่ของซีวิค และตามมาด้วยแอคคอร์ดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ฮอนด้ายังมีสินค้าที่จะทยอยบุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปีนี้ที่จะมีโมเดลใหม่ตามออกมาอีกถึง 2 รุ่น ยังไม่นับรุ่นที่มีการแต่งหน้าทาปากใหม่อย่าง “ซีวิค” อีก
แต่คราวนี้ฮอนด้าหันมารุกตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นตลาดใหญ่สุดของเก๋งเมืองไทย โดยในเดือนกุมภาพันธ์ หรือมีนาคมที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดตัวโฉมใหม่ของ “ฮอนด้า แจ๊ซ” สู่ตลาด แจ็ซหรือชื่อ “ฟิต” ในตลาดประเทศญี่ปุ่น ได้มีการเผยโฉมอย่างเป็นทางการไปแล้ว ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเจเนเรชั่นที่สอง ด้วยรูปลักษณ์และโครงสร้างรวมๆ ไม่ค่อยแตกต่างจากรุ่นเดิมนัก มีเพียงแนวเส้นเหลี่ยมสันที่เห็นชัดเจนขึ้น พร้อมกับการขยายตัวถัง ในส่วนของมิติความยาว กว้าง และฐานล้อมากกว่ารุ่นเดิม
ภายในห้องโดยสารก็เช่นเดียวกัน ยังคงมีความคล้ายกับรุ่นเดิม เพียงแต่เปลี่ยนแปลงหน้าปัดใหม่ล้ำสมัยมากขึ้น ชุดมาตรวัดเป็นแบบ 3 วงกลม แต่ชิ้นกลางมาตรวัดความเร็ว จะไม่มีกรอบเหมือนตัวเดิม ขณะที่พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน เหมือนกับฮอนด้า ซีวิค ส่วนเครื่องยนต์ทำตลาดในไทยแบบ 4 สูบ 1500 ซีซี i-VTEC โดยน่าจะมีกำลังใกล้เคียงกับญี่ปุ่นที่ 120 แรงม้า หรือลดลงเล็กน้อย มีแรงบิดสูงสุด 14.9 กก.-ม. จับคู่มากับเกียร์ CVT 7-Speed เป็นตัวธงหลัก
แน่นอนในเมื่อแจ๊ซได้มีการปรับโฉมใหม่ “ฮอนด้า ซิตี้” ซึ่งใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกันในรุ่นปัจจุบัน ย่อมต้องมีการปรับเปลี่ยนไปด้วย แต่จะเปิดตัวช้ากว่าแจ๊ซอีกสักระยะ คาดว่าน่าจะเป็นประมาณกลางปี หรือไม่ก็ปลายปีเป็นอย่างช้า
อย่างไรก็ตาม ฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่ จะไม่ใช่ชิ้นส่วนตัวถังร่วมกับแจ๊ซ เหมือนรุ่นปัจจุบันที่ผ่านมามากนัก เพราะการออกแบบบนพื้นฐานเดียวกันกับแจ๊ซ ทำให้เกิดความไม่ลงตัวของรูปลักษณ์ เมื่อเป็นเก๋ง 4 ประตู ทำให้ไม่สามารถไปแข่งขันกับคู่แข่งที่มีความลงตัวมากกว่าได้ เหตุนี้จึงมีข่าวว่าฮอนด้าจะออกแบบรูปลักษณ์ซิตี้ใหม่หมด ยกเว้นโครงสร้างพื้นตัวถัง และงานวิศวกรรม รวมถึงเครื่องยนต์เท่านั้น ที่ยังจะใช้รวมกับฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่
มิตซูบิชิ
ค่ายทรีไดมอนด์ “มิตซูบิชิ” อยู่ในช่วงของการปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยระยะ 1-2 ปีนี้จะเน้นความแกร่งเป็นสำคัญ ฉะนั้นสินค้าที่ออกมาจึงต้องสอดรับไปในทิศทางเดียวกัน เหตุนี้จึงมีข่าวว่าผู้บริหารที่ญี่ปุ่นต้องการจะนำ “มิตซูบิชิ ปาเจโร่” รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ระดับพรีเมี่ยม มาเปิดตัวในไทยต้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ กันอยู่
ปาเจโร่มีขุมพลังเครื่องยนต์ให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ บล็อกวี6 เบนซิน SOHC 24 วาล์ว 3000 ซีซี 178 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 26.6 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวัด INVEC-II พร้อม Sport Mode และอีกรุ่นเป็นบล็อกใหม่ 3800 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC กำลังสูงสุด 252 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 34.5 กก.-ม. ที่ 2,750 รอบต่อนาที มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ INVEC-II พร้อม Sport Mode ซึ่งคาดว่ารุ่นที่จะนำเข้ามาจำหน่ายเมืองไทย น่าจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตรมากกว่า
ทั้งนี้แนวคิดการนำปาเจโร่มาทำตลาดในไทยแม้จะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม แต่มิตซูบิชิต้องการสร้างภาพลักษณ์เรื่องความแกร่งให้กับลูกค้า เพื่อปูทางสู่ไฮไลต์สำคัญของมิตซูบิชิในปีนี้ นั่นก็คือรถอเนกประสงค์แบบพีพีวีใหม่ ( PPV : Pick up Passenger Car) ที่จะมาทำตลาดต่อจากรุ่นจี-แวกอน ซึ่งได้ยุติไลน์ผลิตไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ของรถพีพีวีใหม่ของมิตซูบิชิออกมา และรถยังอยู่ในช่วงของการทดลองผลิต โดยในกลุ่มซัพพลายเออร์เรียกรหัสรถรุ่นนี้ว่า 3E45 แต่ชัดเจนว่าพีพีวีใหม่มิตซูบิชิ ต้องพัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพรุ่นไทรทัน ตามนิยามของรถพีพีวีจึงจะได้อัตราภาษีพิเศษ เป็นไปตามข้อกำหนดของกรมสรรพสามิต
ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกและเป็นจุดขายหลักของรถประเภทนี้ ด้านหน้าคงไม่หนีจากไทรทันมากนัก และที่ดูใกล้เคียงที่สุดน่า จะเป็นเอสยูวี มิตซูบิชิ เอาต์แลนเดอร์ ใหม่ และผสมผสานกับ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ ต้นแบบดีเอ็นเอสายพันธุ์แกร่งของรถมิตซูบิชิ โดยห้องโดยสารภายในคงต้องยึดแบบมาจากปิกอัพไทรทันเป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่จะต้องปรับเบาะนั่งข้างหลัง ให้มีความอเนกประสงค์เป็น 7 ที่นั่งแทน
ในส่วนของเครื่องยนต์แน่นอน คงต้องยืนพื้นทำตลาดกับบล็อก 3.2 DI-D ไฮเปอร์ คอมมอนเรล เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 140 แรงม้า ส่วนจะมีรุ่น 2.5 DI-D เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 140 แรงม้า เสริมหรือไม่คงต้องติดตามกันช่วงครึ่งหลังในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่ามิตซูบิชิจะทิ้งตลาดเก๋ง เพราะช่วงต้นปีนี้จะมีการไมเนอร์เชนจ์ “แลนเซอร์” ใหม่ เพื่อรักษายอดขายจากการเปิดตัวของ โตโยต้า โคโรลล่า โฉมใหม่ ส่วนความเคลื่อนไหวของการขึ้นไลน์ผลิต “แลนเซอร์” โฉมใหม่ หรือมิตซูบิชิ กาแลนต์ ฟอร์ติส ในญี่ปุ่น กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาอย่างหนัก เพราะจะต้องมียอดขายปีละ 3-4 หมื่นคัน ถึงจะคุ้มค่าในการขึ้นไลน์ประกอบ ซึ่งหากมิตซูบิชิตัดสินใจจะประกอบซีเคดี หรือนำชิ้นส่วนจากต่างประเทศมาประกอบ (SKD) คงต้องรอยาวไปถึงปลายปี 2008 เป็นอย่างเร็ว
มาสด้า
ถือเป็นยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา แม้สภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำอย่างไร แต่ค่าย “มาสด้า” ยังสามารถรักษายอดขายไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งคอมแพ็กต์ซีดาน มาสด้า3 และโดยเฉพาะปิกอัพ มาสด้า บีที-50 อย่างไรก็ตามปีนี้เข้าสู่ครึ่งทางของปิกอัพบีที-50 พอดี หลังจากได้มีการเปิดตัวทำตลาดไปแล้ว 2 ปี ทำให้มาสด้าต้องไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ และมีกำหนดจะเปิดตัวสู่ตลาดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้
การปรับโฉมของมาสด้า บีที-50 รูปลักษณ์โดยรวมยังคงเน้นความเป็นสปอร์ตปิกอัพ ฉะนั้นไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนลายกระจังหน้า และเปลื่อนกันชนหน้า วัสดุการตกแต่งห้องโดยสาร รวมถึงอุปกรณ์ความสะดวกสบายต่างๆ จึงไม่หนีความโฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ตปิกอัพไปได้ และแว่วว่ามาสด้าอาจจะปลดล็อคความเร็วสูงสุด ที่ล็อคเอาไว้ระดับ 160 กม./ชม. เพื่อให้ช่วงตีนปลายสามารถเฆี่ยนความเร็วได้สูสีกับคู่แข่งหน่อย โดยเฉพาะโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ที่ช่วงปลายปีนี้จะเพิ่มม้าเข้าไปอีกหลายตัว
นิสสัน
ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับปิกอัพ “ฟรอนเทียร์ นาวารา” โฉมใหม่ ทำให้ค่ายนิสสันกลับมามีน้ำมีนวลอีกครั้ง ถึงแม้จะประเดิมการรุกตลาดเพียงแค่รุ่นมีแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ แต่ด้วยขุมพลังสูงสุด 174 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด เมื่อบวกกับตัวถังใหญ่สุดในตลาดปิกอัพ 1 ตันด้วยกัน ทำให้ฟรอนเทียร์ นาวารา ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในไทย แม้ที่ผ่านมาฐานลูกค้าของนิสสันจะเป็นกลุ่มผู้ใช้รถปิกอัพตอนเดียว หรือไม่มีแค็บ เพื่อขนของหรือสินค้าก็ตาม
ที่สุดก็ถึงเวลาของฐานลูกค้าเก่าแก่แล้ว เพราะช่วงต้นปีนี้นิสสันจะเปิดตัวปิกอัพฟรอนเทียร์ นาวารา รุ่นสแตนดาร์ด หรือไม่มีแค็บสู่ตลาดเสียที หลังจากทิ้งระยะห่างจากรุ่นอื่นๆ มาเป็นปี และแน่นอนจุดขายหลักย่อมอยู่ที่กระบะท้าย ซึ่งมีขนาดใหญ่แบบสุดๆ หากเทียบกับคู่แข่งในตลาดปิกอัพ 1 ตันด้วยกัน จึงเป็นการตอบสนองฐานลูกค้าได้ถูกใจที่สุด ขณะที่เครื่องยนต์เป็นบล็อก YD25DDTi 2500 ซีซี คอมมอนเรล เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 144 แรงม้า จึงตอบสนองการบรรทุกได้เป็นอย่างดี
ซูบารุ
เปิดตัวไปแล้วกับ ซูบารุ อิมเพรซ่า ใหม่ เมื่อปลายปีที่แล้ว ในปีนี้ถึงคราวของตัวแรงกันบ้าง “ซูบารุ อิมเพรซ่า เอสทีไอ” โดยรูปลักษณ์โดยรวมได้รับการเสริมความสปอร์ต จากอิมเพรซ่าแฮทช์แบ็ก 5 ประตู มีรายละเอียดของชุดสปอยเลอร์ คล้ายกับตัวแข่งแรลลี่โลกรุ่นใหม่ ที่ทางซูบารุจะใช้ลงสนามในปี 2008
ขณะที่เครื่องยนต์เน้นความแรงสะใจ ที่เหนือกว่าของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน 10 โดยขุมพลัง 4 สูบนอน 2,000 ซีซี เทอร์โบของเอสทีไอ สามารถรีดกำลังออกมาได้ 308 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 43.0 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที่ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และมีระบบ Driver's Control Center Differential (DCCD) เพื่อปรับการกระจายกำลังของเพลากลางสู่ล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ให้มีความเหมาะสมและผู้ขับสามารถควบคุมได้จากปุ่มในห้องโดยสาร
เอ้า!... สาวกค่ายพี่ยุ่นทั้งหลายเตรียมเงินกันไว้ให้พร้อม
โตโยต้า
ถือเป็นอีกปีที่ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” จะเขย่าตลาดรถยนต์ไทย เพราะมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาชนกับคู่แข่งครอบคลุมแทบจะทุกเซกเม้นท์หลักๆ ทั้งโมเดลเชนจ์ และไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นตลาดใหญ่ๆ ที่มีการแข่งขันดุเดือดทั้งนั้น โดยโตโยต้าเริ่มลุยตั้งแต่หัวปีเลย กับการเปิดตัวโฉมใหม่ของ “โคโรลล่า อัลติส” เพื่อมาทวงตำแหน่งคืนจาก “ฮอนด้า ซีวิค”
หากใครที่ไปชมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา คงจะได้เห็นรูปโฉมตัวจริงของ โตโยต้า อัลติส ใหม่ไปแล้ว ซึ่งรูปลักษณ์ของอัลติสโฉมใหม่ไม่ได้แตกต่างจากเวอร์ชั่นจีนและยุโรป ที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วแต่อย่างใด มีเพียงรายละเอียดบางอย่าง และอุปกรณ์ภายในเท่านั้น ที่แตกต่างไปตามสภาพความต้องการของแต่ละตลาด โดยอัลติสใหม่ยังคงจะยืนพื้นจำนวนรุ่นทำตลาด เช่นเดียวกับรุ่นปัจจุบัน คือ มีรุ่น J, E และ G แต่ในโฉมใหม่จะเพิ่มรุ่น S เข้ามา ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นตกแต่งแบบสปอร์ต เช่นเดียวกับ โตโยต้า วีออส โฉมใหม่
ส่วนขุมพลังเป็น 2 เครื่องยนต์แบบ Dual VVT-I ใช้ระบบวาล์วแปรผันควบคุมการทำงานของวาล์ว ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย ตัวแรกมากับรหัส 1ZR-FE 1600 ซีซี 124 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.0 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบ/นาที ส่วนอีกรุ่นรหัส 2ZR-FE 1800 ซีซี 136 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.9 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที และแว่วว่าเครื่องยนต์อัลติสใหม่จะใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ด้วย
นอกจากโคโรลล่า อัลติส ใหม่แล้ว โตโยต้ายังมีการแต่งหน้าทาปากใหม่ให้กับ “ยาริส” เพื่อรับมือกับคู่แข่งสำคัญ “ฮอนด้า แจ๊ซ” ที่มีกำหนดเปิดตัวโมเดลใหม่ต้นปีนี้เช่นกัน โดยยาริสได้ปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอก ตั้งแต่บริเวณกระจังหน้าที่เปลี่ยนเป็นลายแบบใหม่ กันชนหน้าแบบมีคิ้วกันกระแทก กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ส่วนด้านท้ายได้เปลี่ยนไฟท้าย และกันชนดีไซน์ใหม่ เพิ่มความทันสมัยและสดใสมากกว่าเดิม
จากนั้นไปช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นเวลาปรับโฉมของปิกอัพ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” เสียที ซึ่งนอกจากปรับรูปลักษณ์ให้ดูดุดันมากขึ้นแล้ว ยังได้ปรับปรุงขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2500 และ 3000 ซีซี โดยเฉพาะตัวหลังให้มีพละกำลังมากถึง 180 แรงม้า พร้อมกับเพิ่มเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอาจจะมีลุ้นบานแค็บเปิดได้ด้วย แน่นอนเมื่อวีโก้ได้มีการปรับโฉม ในส่วนของรถยนต์สายพันธุ์เดียวกันอย่าง “โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์” ย่อมต้องมีการปรับโฉมเช่นเดียวกัน โดยจะติดตามออกมาในช่วงปลายปี 2008 นี้
ฮอนด้า
ต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาของค่าย “ฮอนด้า” เพราะหลังจากเปิดตัวโฉมใหม่ของซีวิค และตามมาด้วยแอคคอร์ดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ฮอนด้ายังมีสินค้าที่จะทยอยบุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปีนี้ที่จะมีโมเดลใหม่ตามออกมาอีกถึง 2 รุ่น ยังไม่นับรุ่นที่มีการแต่งหน้าทาปากใหม่อย่าง “ซีวิค” อีก
แต่คราวนี้ฮอนด้าหันมารุกตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นตลาดใหญ่สุดของเก๋งเมืองไทย โดยในเดือนกุมภาพันธ์ หรือมีนาคมที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดตัวโฉมใหม่ของ “ฮอนด้า แจ๊ซ” สู่ตลาด แจ็ซหรือชื่อ “ฟิต” ในตลาดประเทศญี่ปุ่น ได้มีการเผยโฉมอย่างเป็นทางการไปแล้ว ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเจเนเรชั่นที่สอง ด้วยรูปลักษณ์และโครงสร้างรวมๆ ไม่ค่อยแตกต่างจากรุ่นเดิมนัก มีเพียงแนวเส้นเหลี่ยมสันที่เห็นชัดเจนขึ้น พร้อมกับการขยายตัวถัง ในส่วนของมิติความยาว กว้าง และฐานล้อมากกว่ารุ่นเดิม
ภายในห้องโดยสารก็เช่นเดียวกัน ยังคงมีความคล้ายกับรุ่นเดิม เพียงแต่เปลี่ยนแปลงหน้าปัดใหม่ล้ำสมัยมากขึ้น ชุดมาตรวัดเป็นแบบ 3 วงกลม แต่ชิ้นกลางมาตรวัดความเร็ว จะไม่มีกรอบเหมือนตัวเดิม ขณะที่พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน เหมือนกับฮอนด้า ซีวิค ส่วนเครื่องยนต์ทำตลาดในไทยแบบ 4 สูบ 1500 ซีซี i-VTEC โดยน่าจะมีกำลังใกล้เคียงกับญี่ปุ่นที่ 120 แรงม้า หรือลดลงเล็กน้อย มีแรงบิดสูงสุด 14.9 กก.-ม. จับคู่มากับเกียร์ CVT 7-Speed เป็นตัวธงหลัก
แน่นอนในเมื่อแจ๊ซได้มีการปรับโฉมใหม่ “ฮอนด้า ซิตี้” ซึ่งใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกันในรุ่นปัจจุบัน ย่อมต้องมีการปรับเปลี่ยนไปด้วย แต่จะเปิดตัวช้ากว่าแจ๊ซอีกสักระยะ คาดว่าน่าจะเป็นประมาณกลางปี หรือไม่ก็ปลายปีเป็นอย่างช้า
อย่างไรก็ตาม ฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่ จะไม่ใช่ชิ้นส่วนตัวถังร่วมกับแจ๊ซ เหมือนรุ่นปัจจุบันที่ผ่านมามากนัก เพราะการออกแบบบนพื้นฐานเดียวกันกับแจ๊ซ ทำให้เกิดความไม่ลงตัวของรูปลักษณ์ เมื่อเป็นเก๋ง 4 ประตู ทำให้ไม่สามารถไปแข่งขันกับคู่แข่งที่มีความลงตัวมากกว่าได้ เหตุนี้จึงมีข่าวว่าฮอนด้าจะออกแบบรูปลักษณ์ซิตี้ใหม่หมด ยกเว้นโครงสร้างพื้นตัวถัง และงานวิศวกรรม รวมถึงเครื่องยนต์เท่านั้น ที่ยังจะใช้รวมกับฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่
มิตซูบิชิ
ค่ายทรีไดมอนด์ “มิตซูบิชิ” อยู่ในช่วงของการปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยระยะ 1-2 ปีนี้จะเน้นความแกร่งเป็นสำคัญ ฉะนั้นสินค้าที่ออกมาจึงต้องสอดรับไปในทิศทางเดียวกัน เหตุนี้จึงมีข่าวว่าผู้บริหารที่ญี่ปุ่นต้องการจะนำ “มิตซูบิชิ ปาเจโร่” รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ระดับพรีเมี่ยม มาเปิดตัวในไทยต้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ กันอยู่
ปาเจโร่มีขุมพลังเครื่องยนต์ให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ บล็อกวี6 เบนซิน SOHC 24 วาล์ว 3000 ซีซี 178 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 26.6 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวัด INVEC-II พร้อม Sport Mode และอีกรุ่นเป็นบล็อกใหม่ 3800 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC กำลังสูงสุด 252 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 34.5 กก.-ม. ที่ 2,750 รอบต่อนาที มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ INVEC-II พร้อม Sport Mode ซึ่งคาดว่ารุ่นที่จะนำเข้ามาจำหน่ายเมืองไทย น่าจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตรมากกว่า
ทั้งนี้แนวคิดการนำปาเจโร่มาทำตลาดในไทยแม้จะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม แต่มิตซูบิชิต้องการสร้างภาพลักษณ์เรื่องความแกร่งให้กับลูกค้า เพื่อปูทางสู่ไฮไลต์สำคัญของมิตซูบิชิในปีนี้ นั่นก็คือรถอเนกประสงค์แบบพีพีวีใหม่ ( PPV : Pick up Passenger Car) ที่จะมาทำตลาดต่อจากรุ่นจี-แวกอน ซึ่งได้ยุติไลน์ผลิตไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ของรถพีพีวีใหม่ของมิตซูบิชิออกมา และรถยังอยู่ในช่วงของการทดลองผลิต โดยในกลุ่มซัพพลายเออร์เรียกรหัสรถรุ่นนี้ว่า 3E45 แต่ชัดเจนว่าพีพีวีใหม่มิตซูบิชิ ต้องพัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพรุ่นไทรทัน ตามนิยามของรถพีพีวีจึงจะได้อัตราภาษีพิเศษ เป็นไปตามข้อกำหนดของกรมสรรพสามิต
ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกและเป็นจุดขายหลักของรถประเภทนี้ ด้านหน้าคงไม่หนีจากไทรทันมากนัก และที่ดูใกล้เคียงที่สุดน่า จะเป็นเอสยูวี มิตซูบิชิ เอาต์แลนเดอร์ ใหม่ และผสมผสานกับ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ ต้นแบบดีเอ็นเอสายพันธุ์แกร่งของรถมิตซูบิชิ โดยห้องโดยสารภายในคงต้องยึดแบบมาจากปิกอัพไทรทันเป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่จะต้องปรับเบาะนั่งข้างหลัง ให้มีความอเนกประสงค์เป็น 7 ที่นั่งแทน
ในส่วนของเครื่องยนต์แน่นอน คงต้องยืนพื้นทำตลาดกับบล็อก 3.2 DI-D ไฮเปอร์ คอมมอนเรล เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 140 แรงม้า ส่วนจะมีรุ่น 2.5 DI-D เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 140 แรงม้า เสริมหรือไม่คงต้องติดตามกันช่วงครึ่งหลังในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่ามิตซูบิชิจะทิ้งตลาดเก๋ง เพราะช่วงต้นปีนี้จะมีการไมเนอร์เชนจ์ “แลนเซอร์” ใหม่ เพื่อรักษายอดขายจากการเปิดตัวของ โตโยต้า โคโรลล่า โฉมใหม่ ส่วนความเคลื่อนไหวของการขึ้นไลน์ผลิต “แลนเซอร์” โฉมใหม่ หรือมิตซูบิชิ กาแลนต์ ฟอร์ติส ในญี่ปุ่น กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาอย่างหนัก เพราะจะต้องมียอดขายปีละ 3-4 หมื่นคัน ถึงจะคุ้มค่าในการขึ้นไลน์ประกอบ ซึ่งหากมิตซูบิชิตัดสินใจจะประกอบซีเคดี หรือนำชิ้นส่วนจากต่างประเทศมาประกอบ (SKD) คงต้องรอยาวไปถึงปลายปี 2008 เป็นอย่างเร็ว
มาสด้า
ถือเป็นยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา แม้สภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำอย่างไร แต่ค่าย “มาสด้า” ยังสามารถรักษายอดขายไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งคอมแพ็กต์ซีดาน มาสด้า3 และโดยเฉพาะปิกอัพ มาสด้า บีที-50 อย่างไรก็ตามปีนี้เข้าสู่ครึ่งทางของปิกอัพบีที-50 พอดี หลังจากได้มีการเปิดตัวทำตลาดไปแล้ว 2 ปี ทำให้มาสด้าต้องไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ และมีกำหนดจะเปิดตัวสู่ตลาดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้
การปรับโฉมของมาสด้า บีที-50 รูปลักษณ์โดยรวมยังคงเน้นความเป็นสปอร์ตปิกอัพ ฉะนั้นไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนลายกระจังหน้า และเปลื่อนกันชนหน้า วัสดุการตกแต่งห้องโดยสาร รวมถึงอุปกรณ์ความสะดวกสบายต่างๆ จึงไม่หนีความโฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ตปิกอัพไปได้ และแว่วว่ามาสด้าอาจจะปลดล็อคความเร็วสูงสุด ที่ล็อคเอาไว้ระดับ 160 กม./ชม. เพื่อให้ช่วงตีนปลายสามารถเฆี่ยนความเร็วได้สูสีกับคู่แข่งหน่อย โดยเฉพาะโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ที่ช่วงปลายปีนี้จะเพิ่มม้าเข้าไปอีกหลายตัว
นิสสัน
ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับปิกอัพ “ฟรอนเทียร์ นาวารา” โฉมใหม่ ทำให้ค่ายนิสสันกลับมามีน้ำมีนวลอีกครั้ง ถึงแม้จะประเดิมการรุกตลาดเพียงแค่รุ่นมีแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ แต่ด้วยขุมพลังสูงสุด 174 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด เมื่อบวกกับตัวถังใหญ่สุดในตลาดปิกอัพ 1 ตันด้วยกัน ทำให้ฟรอนเทียร์ นาวารา ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในไทย แม้ที่ผ่านมาฐานลูกค้าของนิสสันจะเป็นกลุ่มผู้ใช้รถปิกอัพตอนเดียว หรือไม่มีแค็บ เพื่อขนของหรือสินค้าก็ตาม
ที่สุดก็ถึงเวลาของฐานลูกค้าเก่าแก่แล้ว เพราะช่วงต้นปีนี้นิสสันจะเปิดตัวปิกอัพฟรอนเทียร์ นาวารา รุ่นสแตนดาร์ด หรือไม่มีแค็บสู่ตลาดเสียที หลังจากทิ้งระยะห่างจากรุ่นอื่นๆ มาเป็นปี และแน่นอนจุดขายหลักย่อมอยู่ที่กระบะท้าย ซึ่งมีขนาดใหญ่แบบสุดๆ หากเทียบกับคู่แข่งในตลาดปิกอัพ 1 ตันด้วยกัน จึงเป็นการตอบสนองฐานลูกค้าได้ถูกใจที่สุด ขณะที่เครื่องยนต์เป็นบล็อก YD25DDTi 2500 ซีซี คอมมอนเรล เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 144 แรงม้า จึงตอบสนองการบรรทุกได้เป็นอย่างดี
ซูบารุ
เปิดตัวไปแล้วกับ ซูบารุ อิมเพรซ่า ใหม่ เมื่อปลายปีที่แล้ว ในปีนี้ถึงคราวของตัวแรงกันบ้าง “ซูบารุ อิมเพรซ่า เอสทีไอ” โดยรูปลักษณ์โดยรวมได้รับการเสริมความสปอร์ต จากอิมเพรซ่าแฮทช์แบ็ก 5 ประตู มีรายละเอียดของชุดสปอยเลอร์ คล้ายกับตัวแข่งแรลลี่โลกรุ่นใหม่ ที่ทางซูบารุจะใช้ลงสนามในปี 2008
ขณะที่เครื่องยนต์เน้นความแรงสะใจ ที่เหนือกว่าของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน 10 โดยขุมพลัง 4 สูบนอน 2,000 ซีซี เทอร์โบของเอสทีไอ สามารถรีดกำลังออกมาได้ 308 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 43.0 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที่ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และมีระบบ Driver's Control Center Differential (DCCD) เพื่อปรับการกระจายกำลังของเพลากลางสู่ล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ให้มีความเหมาะสมและผู้ขับสามารถควบคุมได้จากปุ่มในห้องโดยสาร
เอ้า!... สาวกค่ายพี่ยุ่นทั้งหลายเตรียมเงินกันไว้ให้พร้อม