ข่าวในประเทศ - ตลาดเก๋งร้อนแรงยอดขายพุ่งสวนวิกฤติน้ำมัน เศรษฐกิจ และการเมือง ค่ายรถเตรียมเปิดศึกชิงก้อนเค้กต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง เริ่มจาก “มาสด้า” ที่จะแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ให้กับรุ่น “3” ด้วยรูปลักษณ์สไตล์เดียวกับตัวแรง “มาสด้า3 เอ็มพีเอส” ในต่างประเทศ โดยยืนราคาเดิมที่ลดลงตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิต สำหรับรถใช้น้ำมัน E20 เช่นเดียวกับยักษ์ตลาดเก๋ง “ฮอนด้า” ที่ถือปีนี้เป็นปีทอง มีรถใหม่บุกตลาดตลอดทั้งปี หลังจากส่งรุ่นแจ๊ซโฉมใหม่ลุยแล้ว ช่วงครึ่งปีหลังถึงทีแต่งหน้าทาปาก “ซีวิค” ใหม่ แต่ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่โมเดลเชนจ์ของ “ฮอนด้า ซิตี้” ซึ่งคราวนี้ฉีกรูปลักษณ์ภายนอกไปจากรุ่นแจ๊ซขาด แว่วว่าด้านหน้าจะเหมือนกับรุ่น “ฟรีด” ที่เพิ่งเปิดตัวในแดนปลาดิบ ขณะที่ภาพสปายช็อตมีหลุดในเว็บไซต์ต่างประเทศแล้ว พร้อมอ้างเป็นโฉมใหม่ของรุ่นซิตี้ ที่จะเปิดตัวในประเทศไทยช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2008 นี้ จนงานนี้ “ฟอร์ด” ที่มียอดขายดิ่งเหว เตรียมแก้เกมทำการปรับโฉม “โฟกัส” ใหม่ เหมือนเวอร์ชั่นยุโรป และยังเพิ่มทางเลือกกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเกียร์อัตโนมัติ แต่งานนี้ลูกค้าต้องยอมควักกระเป๋าราคาแพงกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท
ปีหนูไฟแม้จะผจญกับปัญหาร้อนแรงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่ดีดตัวทำนิวไฮต์ต่อเนื่อง สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และปัญหาวิกฤติทางการเมือง แต่ตลาดรถยนต์ไทยช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.)ของปีนี้ ยังคงรักษาตัวเลขอัตราการเติบโตในระดับสองหลักต่อเนื่อง โดยมียอดขายรวม 215,265 คัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาช่วงระยะเวลาเดียวกันที่ทำได้ 187,928 คัน ปรับเพิ่มขึ้นถึง 14.5%
แน่นอนหากเจาะเข้าไปในรายละเอียด ตัวเลขที่ขยายตัวเช่นนี้มีปัจจัยสำคัญมาจากตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ที่มียอดขายพุ่งแรงแบบสุดๆ โดยภาพรวมทำได้ 67,618 คัน เติบโตจากปีที่แล้วถึง 32.4% ขณะที่ปิกอัพตลาดใหญ่สุดของไทยมีอัตราการเติบโตเพียง 6.4% เท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดรถเก๋งขยายตัวมาก บรรดาเกจิในวงการต่างฟันธงไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวสู่ตลาดแล้ว ยังมาจากการแนะนำรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ที่มีราคาปรับลดลงหลายหมื่นบาท จากการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีสรรพสามิต
ดังนั้นตลาดเก๋งในปีนี้จึงเป็นก้อนเค้กที่หอมหวานมากที่สุด และทุกค่ายต่างก็ได้รับผลดีมียอดขายเป็นบวกกันถ้วนหน้า ยกเว้นเพียง “ฟอร์ด-เกีย” เท่านั้นที่ยังมีตัวเลขติดลบอยู่ แต่ใช่ว่าจะทำให้ทุกยี่ห้อพอใจอยู่เพียงแค่นี้ โดยเฉพาะบรรดารถตลาดทั้งหลาย ต่างเตรียมที่จะส่งสรรพกำลังมาชิงเค้กให้ได้มากที่สุด ในสภาวะที่ปัจจัยกระทบรอบด้านไม่แน่นอน และเป็นช่วงจังหวะดีที่ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ไม่สามารถผลักดันเก๋งคอมแพ็กต์ “โคโรลล่า อัลติส” โฉมใหม่ ให้ร้อนแรงติดลมบนได้เช่นนี้
เริ่มตั้งแต่ค่าย “มาสด้า” ที่เคยร้อนแรงสุดๆ แต่ปัจจุบันเนื่องจากตัวสินค้า “มาสด้า 3” ที่ค่อนข้างอยู่ในตลาดมานาน ทำให้ยอดขายไม่ได้พุ่งแรงเหมือนคู่แข่ง ดีที่ยังมีกลุ่มลูกค้าเหนียวแน่น และได้แรงหนุนจากสิทธิประโยชน์ภาษีสำหรับรถใช้น้ำมัน E20 เลยทำให้สามารถรักษาตัวเลขเหนือระดับติดลบไว้ได้แบบฉิวเฉียด 2.2%
เหตุนี้เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กลับอยู่ในตำแหน่งที่ยิ้มได้ และสามารถท้าชิงกับคู่แข่งที่เปิดตัวโฉมใหม่สู่ตลาดอย่าง “โตโยต้า อัลติส” ไปแล้ว มาสด้าจึงเตรียมที่จะแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับ “มาสด้า3” ด้วยการไมเนอร์เชนจ์สร้างความสดใหม่อีกระลอก เรียกความสนใจจากลูกค้าช่วงท้ายๆ อายุ รอโฉมใหม่ที่ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบในต่างประเทศอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในไทยได้ประมาณอีกเกือบ 2 ปีข้างหน้า
มาสด้า3 ไมเนอร์เชนจ์ มีกำหนดเปิดตัวในช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ตกแต่งใหม่ให้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์ของสปอร์ตซีดานตามสไตล์ “ซูม…ซูม” ชัดเจน งานนี้จึงได้นำรูปแบบการตกแต่งภายนอกจากตัวแรงอย่าง “มาสด้า3 เอ็มพีเอส” ในออสเตรเลีย และยุโรป หรือชื่อในญี่ปุ่น “เอ็กเซล่า มาสด้า สปีด” มาใส่เข้าไปในเวอร์ชั่นปกติของไทย โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่มาสด้าใส่เข้าไปชนิดให้แบบเต็มที่ ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ก็ลดลงมาตามราคา
เมื่อพูดถึงราคาแม้มาสด้า3 จะมีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ แต่ทางมาสด้ายืนยันจะไม่มีการปรับเปลี่ยนราคาแน่นอน โดยเฉพาะเป็นราคาปัจจุบันที่ได้สิทธิพิเศษจากภาษีสรรพสามิต สำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ซึ่งตัวใหม่นี้มาสด้าถือเป็นสเปกมาตรฐานเลย
ต่อจากมาสด้าจะเป็นทีของ “ฮอนด้า” ยักษ์ใหญ่ในตลาดเก๋งอีกยี่ห้อ ที่ปีนี้เป็นปีของฮอนด้าอย่างแท้จริง เพราะสามารถทำยอดขายได้ดีแทบทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น “ซีวิค” ที่คู่แข่ง “โตโยต้า อัลติส” เปิดตัวโฉมใหม่มากลับไม่ร้อนแรงอย่างที่คาดหวังกัน ทำให้กลายเป็นโอกาสของซีวิคไป หรือซับคอมแพ็กต์อย่าง “แจ๊ซ” โฉมใหม่ ก็ได้รับความนิยมสูง ขณะที่รุ่น “แอคคอร์ด” , “ซิตี้” และ “ซีอาร์-วี” ยังสามารถรักษายอดขายได้เป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรุ่นซีวิคแนะนำสู่ตลาดมาได้ 2 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่จะต้องแต่งหน้าทาปากใหม่ และยังเป็นการทุบซ้ำโตโยต้า อัลติส ไม่ให้ตั้งหลักได้ด้วย ฉะนั้นงานนี้ตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ได้ฟัดกันดุเดือดแน่ เพราะไหนจะมีมาสด้า3 ใหม่ หรือ “มิตซูบิชิ แลนเซอร์” ที่ประกาศจะส่งรุ่นติดตั้งเครื่องยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือเอ็นจีวีทำตลาดอย่างเป็นทางการแล้ว ฟอร์ดก็จะส่ง “โฟกัส” ใหม่สู่ตลาดในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน นี่ยังไม่รวม “นิสสัน ทีด้า” ที่ได้ออกรุ่นราคาประหยัดจับตลาดกลุ่มองค์กร หรือฟรีต รวมถึงบรรดาแท็กซี่ไปแล้ว
แต่ไฮไลต์ของฮอนด้าในปีนี้ นอกจาก “แจ๊ซ” โฉมใหม่ที่ได้เปิดตัวไปแล้ว ยังมีทีเด็ดมาถล่มตลาดซับคอมแพ็กต์ส่งท้ายปี นั่นก็คือ “ฮอนด้า ซิตี้” โฉมใหม่ ที่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนทดสอบระยะสุดท้ายอยู่ น่าจะเปิดตัวได้ประมาณเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยซิตี้ใหม่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 และแตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมา เพราะจะไม่อิงตัวถังกับ ฮอนด้า แจ๊ซ แต่อย่างใด ยกเว้นพวกช่วงล่างและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเครื่องยนต์เท่านั้น ส่วนกระดองเต่าหรือบอดี้ล้วนออกแบบใหม่หมด
ทั้งนี้จากรายงานรูปลักษณ์ด้านหน้าของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ จะคล้ายกับ “ฮอนด้า ฟรีด” (Honda Freed) ที่เพิ่งแนะนำสู่ตลาด (อ่านรายละเอียดและดูรูปภาพจากสกู๊ปรถต่างประเทศประกอบ) ซึ่งใช้พื้นฐานเดียวกับฮอนด้า ฟิต หรือแจ๊ซใหม่ รวมถึงเครื่องยนต์ที่ใช้บล็อกเดียวกัน L15A 1500 ซีซี 118 แรงม้า แต่เมืองไทยน่าจะขยับเป็น 120 แรงม้า
เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้มีการเผยแพร่ภาพสปายช็อตผ่านทาง www.team-bhm.com ซึ่งอ้างว่าเป็นฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่ ที่ได้มีการนำมาวิ่งในอินเดีย และถูกนำมาเผยแพร่ต่อทาง www.autoincar.com พร้อมกับระบุว่าเป็น ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เครื่องยนต์ L15A i-VTEC 120 แรงม้า โดยมีกำหนดเปิดตัวในประเทศไทยประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน 2008 นี้
นอกจากสองค่ายที่กล่าวมา “ฟอร์ด” เป็นอีกค่ายที่จะมีการแนะนำ “โฟกัส” ใหม่สู่ตลาด โดยได้รับการเปิดเผยจากผู้บริหารของ ฟอร์ด ประเทศไทยว่า ในช่วงปลายปีนี้ฟอร์ดเตรียมเปิดตัวเก๋งโฟกัส รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติสู่ตลาดอีกหนึ่งรุ่น คาดว่าราคาน่าจะสูงกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาที่ขายอยู่ประมาณ 50,000 บาท
แน่นอนนอกจากเก๋งโฟกัสเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเกียร์อัตโนมัติแล้ว มีรายงานว่าฟอร์ดยังจะถือโอกาสปรับโฉมใหม่ “โฟกัส” ทุกรุ่นไปพร้อมกันด้วย นอกจากนี้ยังจะมีการเปิดตัวรถใหม่อีก 2 รุ่น ได้แก่ รถอเนกประสงค์เอสยูวี “ฟอร์ด เอสเคป” และปิกอัพ “ฟอร์ด เรนเจอร์” ใหม่เช่นกัน
สำหรับฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ทำตลาดในยุโรป ซึ่งได้มีการปรับโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการออกแบบไฟหน้าใหม่ ซึ่งขอบด้านบนมีการเล่นระดับให้เว้าลง เพื่อความปราดเปรียว และต้องเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ เพื่อรับความเปลี่ยนตรงส่วนนี้ ส่วนกันชนหน้าใหม่เพิ่มความดุดันและดูสปอร์ตเพิ่มขึ้น
ขณะที่ด้านท้ายมีการปรับเพียงเล็กน้อย ที่ตำแหน่งของไฟสัญญาณบนไฟท้าย และเปลี่ยนมาใช้หลอดแบบ LED และกันชนท้ายก็ออกแบบใหม่ให้ดูลงตัวขึ้น ขณะที่เครื่องยนต์ยังจะเป็นบล็อกเดิมในปัจจุบัน เพียงแต่เมืองไทยจะเพิ่มความสำคัญให้กับเครื่องยนต์ดีเซลมากขึ้น เพื่อรับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการเตรียมแนะนำรุ่นเกียร์อัตโนมัติเข้ามาเสริม จากปัจจุบันเครื่องยนต์ดีเซลมีเฉพาะในรุ่นเกียร์ธรรมดา
ทั้งหมดเป็นรถยนต์รุ่นหลักๆ ในตลาดเก๋งของไทย ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสร้างความคึกคักให้กับตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ฝ่ากระแสวิกฤติราคาน้ำมัน เศรษฐกิจซบ และความผันผวนทางการเมืองไปได้พอสมควร!!
ปีหนูไฟแม้จะผจญกับปัญหาร้อนแรงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่ดีดตัวทำนิวไฮต์ต่อเนื่อง สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และปัญหาวิกฤติทางการเมือง แต่ตลาดรถยนต์ไทยช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.)ของปีนี้ ยังคงรักษาตัวเลขอัตราการเติบโตในระดับสองหลักต่อเนื่อง โดยมียอดขายรวม 215,265 คัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาช่วงระยะเวลาเดียวกันที่ทำได้ 187,928 คัน ปรับเพิ่มขึ้นถึง 14.5%
แน่นอนหากเจาะเข้าไปในรายละเอียด ตัวเลขที่ขยายตัวเช่นนี้มีปัจจัยสำคัญมาจากตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ที่มียอดขายพุ่งแรงแบบสุดๆ โดยภาพรวมทำได้ 67,618 คัน เติบโตจากปีที่แล้วถึง 32.4% ขณะที่ปิกอัพตลาดใหญ่สุดของไทยมีอัตราการเติบโตเพียง 6.4% เท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดรถเก๋งขยายตัวมาก บรรดาเกจิในวงการต่างฟันธงไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวสู่ตลาดแล้ว ยังมาจากการแนะนำรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ที่มีราคาปรับลดลงหลายหมื่นบาท จากการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีสรรพสามิต
ดังนั้นตลาดเก๋งในปีนี้จึงเป็นก้อนเค้กที่หอมหวานมากที่สุด และทุกค่ายต่างก็ได้รับผลดีมียอดขายเป็นบวกกันถ้วนหน้า ยกเว้นเพียง “ฟอร์ด-เกีย” เท่านั้นที่ยังมีตัวเลขติดลบอยู่ แต่ใช่ว่าจะทำให้ทุกยี่ห้อพอใจอยู่เพียงแค่นี้ โดยเฉพาะบรรดารถตลาดทั้งหลาย ต่างเตรียมที่จะส่งสรรพกำลังมาชิงเค้กให้ได้มากที่สุด ในสภาวะที่ปัจจัยกระทบรอบด้านไม่แน่นอน และเป็นช่วงจังหวะดีที่ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ไม่สามารถผลักดันเก๋งคอมแพ็กต์ “โคโรลล่า อัลติส” โฉมใหม่ ให้ร้อนแรงติดลมบนได้เช่นนี้
เริ่มตั้งแต่ค่าย “มาสด้า” ที่เคยร้อนแรงสุดๆ แต่ปัจจุบันเนื่องจากตัวสินค้า “มาสด้า 3” ที่ค่อนข้างอยู่ในตลาดมานาน ทำให้ยอดขายไม่ได้พุ่งแรงเหมือนคู่แข่ง ดีที่ยังมีกลุ่มลูกค้าเหนียวแน่น และได้แรงหนุนจากสิทธิประโยชน์ภาษีสำหรับรถใช้น้ำมัน E20 เลยทำให้สามารถรักษาตัวเลขเหนือระดับติดลบไว้ได้แบบฉิวเฉียด 2.2%
เหตุนี้เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กลับอยู่ในตำแหน่งที่ยิ้มได้ และสามารถท้าชิงกับคู่แข่งที่เปิดตัวโฉมใหม่สู่ตลาดอย่าง “โตโยต้า อัลติส” ไปแล้ว มาสด้าจึงเตรียมที่จะแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับ “มาสด้า3” ด้วยการไมเนอร์เชนจ์สร้างความสดใหม่อีกระลอก เรียกความสนใจจากลูกค้าช่วงท้ายๆ อายุ รอโฉมใหม่ที่ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบในต่างประเทศอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในไทยได้ประมาณอีกเกือบ 2 ปีข้างหน้า
มาสด้า3 ไมเนอร์เชนจ์ มีกำหนดเปิดตัวในช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ตกแต่งใหม่ให้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์ของสปอร์ตซีดานตามสไตล์ “ซูม…ซูม” ชัดเจน งานนี้จึงได้นำรูปแบบการตกแต่งภายนอกจากตัวแรงอย่าง “มาสด้า3 เอ็มพีเอส” ในออสเตรเลีย และยุโรป หรือชื่อในญี่ปุ่น “เอ็กเซล่า มาสด้า สปีด” มาใส่เข้าไปในเวอร์ชั่นปกติของไทย โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่มาสด้าใส่เข้าไปชนิดให้แบบเต็มที่ ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ก็ลดลงมาตามราคา
เมื่อพูดถึงราคาแม้มาสด้า3 จะมีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ แต่ทางมาสด้ายืนยันจะไม่มีการปรับเปลี่ยนราคาแน่นอน โดยเฉพาะเป็นราคาปัจจุบันที่ได้สิทธิพิเศษจากภาษีสรรพสามิต สำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ซึ่งตัวใหม่นี้มาสด้าถือเป็นสเปกมาตรฐานเลย
ต่อจากมาสด้าจะเป็นทีของ “ฮอนด้า” ยักษ์ใหญ่ในตลาดเก๋งอีกยี่ห้อ ที่ปีนี้เป็นปีของฮอนด้าอย่างแท้จริง เพราะสามารถทำยอดขายได้ดีแทบทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น “ซีวิค” ที่คู่แข่ง “โตโยต้า อัลติส” เปิดตัวโฉมใหม่มากลับไม่ร้อนแรงอย่างที่คาดหวังกัน ทำให้กลายเป็นโอกาสของซีวิคไป หรือซับคอมแพ็กต์อย่าง “แจ๊ซ” โฉมใหม่ ก็ได้รับความนิยมสูง ขณะที่รุ่น “แอคคอร์ด” , “ซิตี้” และ “ซีอาร์-วี” ยังสามารถรักษายอดขายได้เป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรุ่นซีวิคแนะนำสู่ตลาดมาได้ 2 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่จะต้องแต่งหน้าทาปากใหม่ และยังเป็นการทุบซ้ำโตโยต้า อัลติส ไม่ให้ตั้งหลักได้ด้วย ฉะนั้นงานนี้ตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ได้ฟัดกันดุเดือดแน่ เพราะไหนจะมีมาสด้า3 ใหม่ หรือ “มิตซูบิชิ แลนเซอร์” ที่ประกาศจะส่งรุ่นติดตั้งเครื่องยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือเอ็นจีวีทำตลาดอย่างเป็นทางการแล้ว ฟอร์ดก็จะส่ง “โฟกัส” ใหม่สู่ตลาดในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน นี่ยังไม่รวม “นิสสัน ทีด้า” ที่ได้ออกรุ่นราคาประหยัดจับตลาดกลุ่มองค์กร หรือฟรีต รวมถึงบรรดาแท็กซี่ไปแล้ว
แต่ไฮไลต์ของฮอนด้าในปีนี้ นอกจาก “แจ๊ซ” โฉมใหม่ที่ได้เปิดตัวไปแล้ว ยังมีทีเด็ดมาถล่มตลาดซับคอมแพ็กต์ส่งท้ายปี นั่นก็คือ “ฮอนด้า ซิตี้” โฉมใหม่ ที่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนทดสอบระยะสุดท้ายอยู่ น่าจะเปิดตัวได้ประมาณเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยซิตี้ใหม่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 และแตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมา เพราะจะไม่อิงตัวถังกับ ฮอนด้า แจ๊ซ แต่อย่างใด ยกเว้นพวกช่วงล่างและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเครื่องยนต์เท่านั้น ส่วนกระดองเต่าหรือบอดี้ล้วนออกแบบใหม่หมด
ทั้งนี้จากรายงานรูปลักษณ์ด้านหน้าของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ จะคล้ายกับ “ฮอนด้า ฟรีด” (Honda Freed) ที่เพิ่งแนะนำสู่ตลาด (อ่านรายละเอียดและดูรูปภาพจากสกู๊ปรถต่างประเทศประกอบ) ซึ่งใช้พื้นฐานเดียวกับฮอนด้า ฟิต หรือแจ๊ซใหม่ รวมถึงเครื่องยนต์ที่ใช้บล็อกเดียวกัน L15A 1500 ซีซี 118 แรงม้า แต่เมืองไทยน่าจะขยับเป็น 120 แรงม้า
เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้มีการเผยแพร่ภาพสปายช็อตผ่านทาง www.team-bhm.com ซึ่งอ้างว่าเป็นฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่ ที่ได้มีการนำมาวิ่งในอินเดีย และถูกนำมาเผยแพร่ต่อทาง www.autoincar.com พร้อมกับระบุว่าเป็น ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เครื่องยนต์ L15A i-VTEC 120 แรงม้า โดยมีกำหนดเปิดตัวในประเทศไทยประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน 2008 นี้
นอกจากสองค่ายที่กล่าวมา “ฟอร์ด” เป็นอีกค่ายที่จะมีการแนะนำ “โฟกัส” ใหม่สู่ตลาด โดยได้รับการเปิดเผยจากผู้บริหารของ ฟอร์ด ประเทศไทยว่า ในช่วงปลายปีนี้ฟอร์ดเตรียมเปิดตัวเก๋งโฟกัส รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติสู่ตลาดอีกหนึ่งรุ่น คาดว่าราคาน่าจะสูงกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาที่ขายอยู่ประมาณ 50,000 บาท
แน่นอนนอกจากเก๋งโฟกัสเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเกียร์อัตโนมัติแล้ว มีรายงานว่าฟอร์ดยังจะถือโอกาสปรับโฉมใหม่ “โฟกัส” ทุกรุ่นไปพร้อมกันด้วย นอกจากนี้ยังจะมีการเปิดตัวรถใหม่อีก 2 รุ่น ได้แก่ รถอเนกประสงค์เอสยูวี “ฟอร์ด เอสเคป” และปิกอัพ “ฟอร์ด เรนเจอร์” ใหม่เช่นกัน
สำหรับฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ทำตลาดในยุโรป ซึ่งได้มีการปรับโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการออกแบบไฟหน้าใหม่ ซึ่งขอบด้านบนมีการเล่นระดับให้เว้าลง เพื่อความปราดเปรียว และต้องเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ เพื่อรับความเปลี่ยนตรงส่วนนี้ ส่วนกันชนหน้าใหม่เพิ่มความดุดันและดูสปอร์ตเพิ่มขึ้น
ขณะที่ด้านท้ายมีการปรับเพียงเล็กน้อย ที่ตำแหน่งของไฟสัญญาณบนไฟท้าย และเปลี่ยนมาใช้หลอดแบบ LED และกันชนท้ายก็ออกแบบใหม่ให้ดูลงตัวขึ้น ขณะที่เครื่องยนต์ยังจะเป็นบล็อกเดิมในปัจจุบัน เพียงแต่เมืองไทยจะเพิ่มความสำคัญให้กับเครื่องยนต์ดีเซลมากขึ้น เพื่อรับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการเตรียมแนะนำรุ่นเกียร์อัตโนมัติเข้ามาเสริม จากปัจจุบันเครื่องยนต์ดีเซลมีเฉพาะในรุ่นเกียร์ธรรมดา
ทั้งหมดเป็นรถยนต์รุ่นหลักๆ ในตลาดเก๋งของไทย ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสร้างความคึกคักให้กับตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ฝ่ากระแสวิกฤติราคาน้ำมัน เศรษฐกิจซบ และความผันผวนทางการเมืองไปได้พอสมควร!!