ข่าวในประเทศ - สำรวจทีเด็ดรถยนต์ใหม่ครึ่งปีหลัง ที่บรรดาค่ายรถจะนำมาเปิดผ้าคลุมให้ผู้บริโภคเลือก หวังฝ่าวิกฤตราคาน้ำมันแพง ทั้งรถโมเดลใหม่ที่ถึงจะมีน้อยแต่ก็น่าสนใจ โดยเฉพาะเก๋งเล็กที่กำลังมาแรง เมื่อค่าย “ฮอนด้า” เตรียมเปิดตัว “ซิตี้” โฉมใหม่ประมาณสิงหาคมนี้ ขณะที่ค่าย “มิตซูบิชิ” ไตรมาสสุดท้ายได้ฤกษ์เข็นรถอเนกประสงค์พีพีวี ที่พัฒนามาจากปิกอัพรุ่นไทรทัน ซึ่งมีรายงานจะใช้ชื่อรุ่น “ปาเจโร่ สปอร์ต” แทนชื่อเดิม “จี-แวกอน” และจับตา “นิสสัน เทียน่า” อาจจะเผยโฉมเรียกน้ำย่อยปลายปีนี้ ก่อนเปิดตัวทางการต้นปีหน้า ส่วนรถที่ทำการไมเนอร์เชนจ์กระตุ้นยอด ยังเป็นไม้ตายของหลายค่าย ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตร “มาสด้า-ฟอร์ด” ที่แต่งหน้าทาปากเก๋งพร้อมๆ กัน และไม่เพียงเท่านี้ฟอร์ดยังลุยครบ ทั้งเอสยูวี “เอสเคป” และปิกอัพ “เรนเจอร์” ใหม่ เพื่อรับมือกับยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ที่ถึงเวลาปรับโฉมปิกอัพ “ไฮลักซ์ วีโก้” เสียที ด้านรถหรูมีทยอยเปิดตัวรุ่นใหม่ต่อเนื่อง แต่ที่น่าจับตา! เห็นจะเป็นรถเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ “เอ็นจีวี” ที่ช่วงครึ่งหลังปีนี้จะมีเปิดตัวเป็นทางเลือกใหม่หลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นเก๋งมิตซูบิชิ ฮุนได โตโยต้า และปิกอัพของทาทา เรียกว่ารักใครชอบยี่ห้อไหนรถอะไรมีให้เลือกเพียบ!!
แม้ตลาดรถยนต์ไทยช่วงครึ่งปีแรก จะประสบปัญหาวิกฤติราคาน้ำมันแพง ความผันผวนทางการเมือง และปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก แต่ก็ยังฝ่าด่านปิดตัวเลขอยู่ในแดนบวกไว้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากการตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ที่ได้มีการแนะนำรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ซึ่งได้รับสนับสนุนให้สิทธิพิเศษทางภาษีสรรพสามิต และจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ยังทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความนิยมเก๋งขนาดเล็กมากขึ้น ขณะที่ตลาดปิกอัพถึงจะรักษาตัวหนีเส้นแดงมาได้ แต่สถานการณ์กลับไม่น่าไว้วางใจ เพราะมียอดขายลดลงเรื่อยๆ จากผลกระทบราคาน้ำมันดีเซล ที่ดีดตัวแพงกว่าน้ำมันเบนซินไปแล้ว (หากไม่นับรวมเบนซิน 95 ที่ปัจจุบันแทบจะไม่ใช่พลังงานหลักแล้ว)
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่กระทบต่อตลาดรถยนต์ ซึ่งยังไม่คลี่คลายทุกๆ ด้าน ทำให้ต้องจับตามองตลาดรถในช่วงครึ่งปีหลัง จะยังสามารถรักษาตัวเลขเติบโตไว้ได้หรือไม่? โดยเฉพาะกลยุทธ์และรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่บริษัทรถจะแนะนำออกมา ซึ่ง “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้สำรวจแต่ละค่ายรถมีทีเด็ดรถใหม่อะไรบ้าง? ที่ดึงดูดใจให้ผู้บริโภคยอมควักกระเป๋าในช่วงครึ่งปีหลังนี้...
โมเดลใหม่ถึงมีน้อยแต่น่าสนใจ
รถยนต์นั่ง หรือเก๋ง นับว่าเป็นพระเอกของตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ โดยเฉพาะบรรดาเก๋งขนาดเล็ก ซึ่งค่ายไหนที่เปิดตัวโมเดลใหม่ช่วงนี้ ถือว่ามาถูกจังหวะมากที่สุด และแน่นอนคงต้องยกให้กับ “ฮอนด้า” ที่ปีนี้มีกำหนดเผยโฉมรถโมเดลสองรุ่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเก๋งขนาดเล็กหมด โดยได้เปิดไปแล้ว 1 รุ่น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กับ “ฮอนด้า แจ๊ซ”
ฉะนั้นที่เหลืออีกรุ่นเผยโฉมแน่นอนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นั่นก็คือ... “ฮอนด้า ซิตี้” โมเดลใหม่ ซึ่งใกล้คลอดสู่ตลาดไทยในเร็วๆ นี้แน่นอน แม้จะยังไม่ชัดเจนในวันเวลา เพราะตามกระแสข่าวน่าจะอยู่ที่ประมาณเดือนสิงหาคม หรืออย่างช้าก็คงไม่เกินเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
โดยซิตี้ใหม่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 และแตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมา เพราะจะไม่อิงตัวถังกับ ฮอนด้า แจ๊ซ แต่อย่างใด ยกเว้นพวกช่วงล่างและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเครื่องยนต์เท่านั้น ส่วนกระดองเต่าหรือบอดี้ล้วนออกแบบใหม่หมด ซึ่งมีรายงานข่าวว่ารูปลักษณ์ของซิตี้ใหม่ จะคล้ายกับ “ฮอนด้า ฟรีด” (Honda Freed) ที่เพิ่งแนะนำสู่ตลาดในญี่ปุ่น ซึ่งใช้พื้นฐานเดียวกับฮอนด้า ฟิต หรือแจ๊ซใหม่
เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้มีการเผยแพร่ภาพสปายช็อตผ่านทาง www.team-bhm.com ซึ่งอ้างว่าเป็นฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่ ที่ได้มีการนำมาวิ่งในอินเดีย และถูกนำมาเผยแพร่ต่อทาง www.autoincar.com พร้อมกับระบุว่าเป็น ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เครื่องยนต์ L15A i-VTEC 120 แรงม้า โดยมีกำหนดเปิดตัวในประเทศไทยประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน 2008 นี้
รถโมเดลใหม่ที่จะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังปีนี้ ที่ชัดเจนก็คงจะเป็นรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี ( PPV : Pick up Passenger Car) ของ “มิตซูบิชิ” ที่จะมาทำตลาดต่อจากรุ่นจี-แวกอน ซึ่งได้ยุติไลน์ผลิตไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังจากได้ปูทางนำร่องสร้างภาพลักษณ์ ด้วยการเปิดตัวเอสยูวีรุ่นใหญ่ มิตซูบิชิ ปาเจโร ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาแล้ว
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ของรถพีพีวีใหม่ของมิตซูบิชิออกมา แต่ชัดเจนว่าพีพีวีใหม่มิตซูบิชิ ต้องพัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพรุ่นไทรทัน ตามนิยามของรถพีพีวีจึงจะได้อัตราภาษีพิเศษ เป็นไปตามข้อกำหนดของกรมสรรพสามิต โดยรูปลักษณ์ภายนอกด้านหน้าคงไม่หนีจากไทรทันมากนัก ห้องโดยสารภายในคงต้องยึดแบบมาจากปิกอัพไทรทันเป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่จะต้องปรับเบาะนั่งข้างหลัง ให้มีความอเนกประสงค์เป็น 7 ที่นั่งแทน ส่วนช่วงครึ่งหลังได้มีการออกแบบใหม่
ในส่วนของชื่อรุ่นมิตซูบิชิไม่ได้เรียกพีพีวีใหม่ว่า “จี-แวกอน” เหมือนเดิม ซึ่งจากรายงานข่าวจะตั้งชื่อรุ่นใหม่ว่า... “ปาเจโร่ สปอร์ต” โดยกำหนดเปิดตัวผู้บริหารมิตซูบิชิเผยว่าอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
อีกรุ่นที่น่าจับตาเห็นจะเป็นโฉมใหม่ “นิสสัน เทียน่า” ที่มีการเปิดตัวทำตลาดในญี่ปุ่นไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ในไทยข่าวกำหนดเปิดตัวจะเป็นต้นปี 2552 แต่ดูความเคลื่อนไหวของค่ายนิสสัน ซึ่งได้มีการวางแผนกิจกรรมการตลาด ปูทางแจ้งเกิดเทียน่าใหม่ไว้ตั้งแต่ปลายปีนี้แล้ว จึงเป็นไปได้ที่อาจจะมีการเผยโฉมเทียน่าใหม่ ในช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 ธันวาคมนี้ ก่อนจะไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า
ไมเนอร์เชนจ์ยังเป็นไม้ตายดันยอด
นั่นคือรถโมเดลใหม่ที่จะมาทำตลาดในช่วงครึ่งหลังปีนี้ แต่ในส่วนของรุ่นที่ยังไม่ถึงกำหนดเวลา แน่นอนวิธีที่จะช่วยสร้างความสดใหม่ เรียกแรงดึงดูดใจจากลูกค้า การไมเนอร์เชนจ์ยังเป็นไม้ตายที่ดีที่สุด ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังมีหลายรุ่นทีเดียว
แน่นอนย่อมเป็นสองพันธมิตร “มาสด้า-ฟอร์ด” ซึ่งต่างพากันเตรียมแต่งหน้าทาปากให้กับ มาสด้า3 และฟอร์ด โฟกัส ในเวลาไล่เลี่ยกันช่วงปลายปีนี้ โดยมาสด้า3 ไมเนอร์เชนจ์ มีกำหนดเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ตกแต่งใหม่ให้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์ของสปอร์ตซีดานตามสไตล์ “ซูม…ซูม” ชัดเจน
งานนี้จึงได้นำรูปแบบการตกแต่งภายนอกจากตัวแรงอย่าง “มาสด้า3 เอ็มพีเอส” ในออสเตรเลีย และยุโรป หรือชื่อในญี่ปุ่น “เอ็กเซล่า มาสด้า สปีด” มาใส่เข้าไปในเวอร์ชั่นปกติของไทย โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่มาสด้าใส่เข้าไปชนิดให้แบบเต็มที่ ในส่วนของสนนราคามาสด้ายืนยัน จะไม่มีการปรับเปลี่ยนราคาแน่นอน
ส่วนฟอร์ด โฟกัส ในช่วงปลายปีนี้ฟอร์ดเตรียมเปิดตัวเก๋งโฟกัส รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติสู่ตลาดอีกหนึ่งรุ่น คาดว่าราคาน่าจะสูงกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาที่ขายอยู่ประมาณ 50,000 บาท และพร้อมกันนี้จะทำการไมเนอร์เชนจ์โฟกัสทุกรุ่น เพื่อให้มีรูปลักษณ์เหมือนเวอร์ชั่นยุโรป ซึ่งได้มีการปรับโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการออกแบบไฟหน้าใหม่ ซึ่งขอบด้านบนมีการเล่นระดับให้เว้าลง เพื่อความปราดเปรียว ขณะที่กันชนหน้าใหม่เพิ่มความดุดันและดูสปอร์ตขึ้น ด้านท้ายมีการปรับเพียงเล็กน้อย และเปลี่ยนมาใช้หลอดแบบ LED
และที่น่าจับตามองอีกยี่ห้อ เห็นจะเป็นการแต่งหน้าทาปากของ “ฮอนด้า ซีวิค” ซึ่งตามข่าวจะมีการสร้างสีสันให้กับลูกค้าเช่นกัน เพียงแต่อาจจะไม่เปลี่ยนแปลงชัดเจนมากนักเท่านั้น แต่นับว่าเป็นการดึงดูดลูกค้าให้หันมาพิจารณามากขึ้น หลังจากที่คู่แข่ง “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส” เพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดล้วนเป็นคอมแพ็กต์คาร์ แต่ในช่วงปลายปีนี้ยังมีเก๋งขนาดกลาง “ฮุนได โซนาต้า” ที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากแดนกิมจิ ลงทุนขึ้นไลน์ประกอบในไทย จะทำการไมเนอร์เชนจ์เรียกยอดขายอีกครั้ง หลังจากเปิดตัวบุกตลาดไปเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ล่าสุดได้มีการปรับโฉมไปใหม่ในต่างประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเมืองไทยย่อมตามมาอย่างเร็วก็ปลายปีนี้ พร้อมกับชูจุดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าทางด้านราคากับอุปกรณ์มาตรฐานเช่นเดิม
สำหรับแฟนรถเอสยูวี ยังมีตัวเลือกใหม่ให้เลือกเช่นกันจากค่าย “ฟอร์ด” ที่เตรียมจะปรับโฉมใหม่ “เอสเคป” ซึ่งตามข่าวจะเป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนามาจากรุ่นต้นแบบ ที่เผยโฉมในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งว่ากันว่าโฉมนี่แหละจะเป็นตัวแทนของ ฟอร์ด เอสเคป ใหม่ ที่จะเปิดตัวขายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และอีกหลายแห่งทั่วโลก
ทั้งนี้เอสเคปที่เผยโฉมในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ได้มีการออกแบบให้ปราดเปรียว ดังจะเห็นเส้นสายด้านหน้ามีความโค้งมนมากขึ้น กระจังหน้าเป็นแบบ 3 แถวใหญ่ ปลายข้างทั้งสองด้านมีช่องดักอากาศสีเงิน สอดรับกับไฟหน้าที่เรียวยาวพุ่งไปด้านหลัง เพื่อให้มุมมองที่กว้างขึ้น แต่ก็ยังดุดันด้วยกันชนขนาดใหญ่ พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ และยังมีอีกจุดที่ไฟตัดหมอก ส่วนเส้นสายตัวถังไปจนถึงด้านหลังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะไฟท้ายทรงใหม่และเป็นแบบ LED
ปิกอัพถึงคราวยักษ์‘โตโยต้า’ขยับ
ที่กล่าวมาล้วนเป็นรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง แน่นอนตลาดรถยนต์ไทยยังไงก็ต้องเป็นปิกอัพ แม้ปัจจุบันกำลังจะประสบกับปัญหาราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง จนแพงกว่าน้ำมันเบนซินทั่วไป ทำให้ยอดขายชะลอตัวอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือรถมือสอง
ผลกระทบดังกล่าวทำให้มีการมองว่า นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดปิกอัพของไทย จากที่เคยเป็นตลาดส่วนใหญ่กว่า 60% ของตลาดรถยนต์ไทย และต่อไปอาจจะมียอดขายลดลงมาก แต่จากสภาพแวดล้อมและการใช้งานของผู้บริโภคชาวไทย ต่างก็ยังเชื่อว่าปิกอัพยังคงเป็นรถที่เหมาะสมมากที่สุด และจะเป็นตลาดหลักต่อไป เพียงแต่อาจจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งมากขึ้น
ดังนั้นถึงจะมีความผันผวนบ้าง ปิกอัพจึงยังคงเป็นตลาดหลักต่อไป และน่าจะคึกคักมากขึ้นเมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง “โตโยต้า” ถึงเวลาขยับตัว หลังจากที่ฟันยอดขายเป็นกอบเป็นกำ ในช่วงที่เปิดตัวปิกอัพ “ไฮลักซ์ วีโก้” เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา และในเดือนสิงหาคมนี้ก็ถึงเวลาที่จะมีการไมเนอร์เชนจ์เสียที
โดยการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะทำทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะภายนอกจะเห็นชัดเจน ในส่วนของด้านหน้า ที่มีการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ พร้อมกันนี้โตโยต้ายังจะมีรุ่นแค็บเปิดได้แนะนำสู่ตลาดด้วย โดยจะมีให้เลือกทั้งแบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ ในส่วนของเครื่องยนต์ก่อนหน้านี้มีหลายกระแสข่าว ทั้งจะปรับจูนเครื่องยนต์ให้มีกำลังเพิ่มขึ้น และบางกระแสยืนยันยังไม่ปรับเปลี่ยนอะไร แต่หากดูสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง คาดว่าโตโยต้าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
สำหรับราคาจำหน่ายของวีโก้ ไมเนอร์เชนจ์ จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ส่วนรุ่นใหม่แค็บเปิดได้คาดว่าจะมีราคาสูงกว่า รุ่นเอ็กซ์ตร้าแค็บในปัจจุบันพอสมควร
ปิกอัพที่จะมีการแต่งหน้าทาปากใหม่อีกรุ่น เห็นจะเป็น “เรนเจอร์” ใหม่ รถตัวธงของฟอร์ด ซึ่งจะถูกส่งออกมารับมือกับ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” ในช่วงปลายปีนี้โดยตรง เพราะช่วงต้นปีที่ผ่านปล่อยให้พันธมิตร “มาสด้า” ทำการปรับโฉมไปเพียงฝ่ายเดียวก่อน ขณะที่ฟอร์ดเพียงแต่มีการเพิ่มทางเลือกลูกค้ามากขึ้น ด้วยการเปิดตัวรุ่น “เรนเจอร์ ไวด์แทร็ก” ซึ่งเป็นการนำเวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษ มาทำตลาดในแบบรุ่นปกติทั่วไป พร้อมกับนำเสนอภาพลักษณ์ตอกย้ำความแกร่งของปิกอัพ ฟอร์ด เรนเจอร์ กับผู้บริโภคเท่านั้น ไม่ใช่การปรับโฉมแต่อย่างใด เวอร์ชั่นที่จะแนะนำสู่ตลาดปลายปีนี้ จึงเป็นการปรับโฉมที่แท้จริงของฟอร์ด
รถหรูยังคงมีสีสันให้เศรษฐีเลือก
นั่นคือทางเลือกใหม่ของรถตลาดทั่วไป และในส่วนของรถยนต์หรูหราก็มีความเคลื่อนไหวคึกคักเช่นกัน ถึงจะไม่ใช่ตลาดใหญ่ก็ตาม แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและอยู่ที่ความพอใจเป็นหลัก ปัจจัยกระทบหากไม่ร้ายแรงจริงก็ไม่ส่งผลมากนัก ทำให้ค่ายรถหรูมีการแนะนำรถใหม่สู่ตลาดต่อเนื่อง
ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ที่ประกาศชัดเห็นจะเป็นค่าย “แลนด์โรเวอร์” ที่เปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายในไทยใหม่ ไปอยู่ภายใต้การทำตลาดของกลุ่ม Guava International Limited แต่ยังเรียกชื่อทางธุรกิจว่า “แลนด์โรเวอร์ ไทยแลนด์” ซึ่งได้แถลงข่าวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสสามปีนี้ จะนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่ “ฟรีแลนเดอร์ 2” ใหม่สู่ตลาดไทย ซึ่งเป็นคอมแพ็กต์เอสยูวีระดับหรูที่ได้รับความนิยมมาก ด้วยรูปโฉมโดดเด่นแบบสปอร์ตดีไซน์ การตกแต่งภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและหรูหรา เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
ฟรีแลนเดอร์ 2 ใหม่ ตอบสนองการขับขี่สะดวกสบาย ทั้งแบบออนโรดและออฟโรด ขับเคลื่อนจากขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ทีดี4 ที่ให้อัตราความประหยัดน้ำมันที่ดีกว่าเดิม พร้อมระบบขับเคลื่อน Terrain Response ที่ไม่เหมือนใคร สามารถปรับพลังและการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับทุกสภาวะช่วยให้การขับขี่ออฟโรดเป็นไปอย่างง่ายดาย และสะดวกสบายกับปุ่มสตาร์ทและดับเครื่องยนต์แบบไม่ต้องใช้กุญแจ
เมื่อพูดถึงค่ายรถหรูแล้ว แน่นอน “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ในฐานะเจ้าตลาด ย่อมต้องมีอะไรให้ลูกค้าได้ฮือฮาเป็นประจำ โดยคราวนี้เตรียมจะสร้างสีสันกับสปอร์ตรุ่นเล็กรหัสใหม่ “CLC” ซึ่งความจริงแล้วซีแอลซี ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด เพราะถ้ายังจำกันได้กับซี-คลาสรุ่นที่แล้ว รหัสตัวถัง W203 นอกจากตัวถังซีดาน และแวกอนแล้ว ยังมีรุ่นสปอร์ต 3 ประตู ตัวถังคล้ายกับแฮทช์แบ็กอย่างสปอร์ต คูเป้ทำตลาดเป็นอีกทางเลือก
นั่นแหล่ะเมื่อมีการเปิดตัวซี-คลาสใหม่ในรหัส W204 ออกมา ชื่อสปอร์ตคูเป้ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นซีแอลซี-คลาส เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด และเป็นการสอดรับกับแนวคิดในการปรับตลาดของบีเอ็มดับเบิลยูที่เปลี่ยนซีรีส์ 3 คอมแพ็กต์มาเป็นซีรีส์ 1 ส่วนทางเลือกเครื่องยนต์ไม่แตกต่างจากรุ่นซี-คลาส
พูดถึงเรื่องซี-คลาสแล้ว ในเมืองไทยยังมีเครื่องยนต์ดีเซลที่ยังไม่แนะนำสู่ตลาด จึงลุ้นว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะเปิดตัวปลายปีนี้หรือไม่ และที่น่าจะเป็นทางเลือกใหม่อีกรุ่น เห็นจะเป็น “B-Class” ไมเนอร์เชนจ์ ที่จะถูกนำเข้ามาทำตลาดแทนรุ่นปัจจุบันในไทย
ส่วนคู่แข่ง “บีเอ็มดับเบิลยู” ประกาศชัดจะมีตัวเลือกใหม่ๆ ให้ลูกค้าเช่นกัน โดยเฉพาะรถยนต์นำเข้าสำเร็จรูป หรือซีบียู(CBU) ซึ่งจากข่าวคราวในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะมีการนำ “X6” เข้ามาทำตลาด และอีกรุ่นจะเป็นโฉมใหม่ของ “ซีรี่ส์ 7” มาเรียกน้ำย่อย ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นประกอบในประเทศในปีถัดไป
เอ็นจีวีเริ่มแรงในตลาดรถยนต์ไทย
รถใหม่ที่กล่าวมาน่ากระตุ้นการซื้อรถของผู้บริโภคได้ระดับหนึ่ง แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มเห็นจุดเปลี่ยนของตลาดรถยนต์ไทยที่น่าสนใจทีเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างบ้าเลือด ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องหาทางออก ด้วยการนำรถไปติดตั้งเชื้อเพลิงทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นแก๊สแอลพีจี (LPG) และเอ็นจีวี(NGV หรือเรียก NGV) แทน
สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทำให้บรรดาค่ายรถต้องจับมองอย่างใกล้ชิด และทำการปรับตัวสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคอย่างเร่งด่วน ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเห็นรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงาน มีรุ่นใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี แนะนำสู่ตลาดหลายยี่ห้อทีเดียว
เริ่มจากเดือนเดือนกรกฎาคมนี้ “ฮุนได” แนะนำเก๋งรุ่น “โซนาต้า ซีเอ็นจี” สู่ตลาดไทย ซึ่งเป็นการติดตั้งระบบใช้เชื้อเพลิงซีเอ็นจี หรือเอ็นจีวี ออกจากโรงงานประกอบในไทยเลย เนื่องจากฮุนไดได้มีการผลิตรถซีเอ็นจีในรุ่นโซนาต้าอยู่แล้วที่เยอรมนี จึงมั่นใจได้ในการผลิตและความปลอดภัย พร้อมกันนี้ยังรับประกันนาน 3 ปี เช่นเดียวกับรถรุ่นปกติ
จากนั้นจะเป็นค่าย “มิตซูบิชิ” ที่ได้มีการนำร่องขายเก๋ง มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เอ็นจีวี ในรูปแบบดีลเลอร์ออปชั่น หรือเป็นการติดตั้งจากโชว์รูมสำหรับลูกค้าที่ต้องการ ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า จนทำให้มิตซูบิชิตัดสินใจเตรียมรุกตลาดอย่างเต็มที่ หลังจากได้การรับรองจากบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนกันยายนนี้ โดยจะแนะนำในรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และมีราคาเท่ากับรุ่นปกติที่ขายอยู่ขณะนี้ โดยคาดหวังยอดขายประมาณ 100-200 คันต่อเดือน
อีกค่ายน้องใหม่ “ทาทา” ประกาศชัดมาตั้งแต่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2008 แล้วว่า ช่วงปลายปีนี้จะแนะนำปิกอัพเครื่องยนต์ 2.1 ลิตรใช้ก๊าซเอ็นจีวี 100% สู่ตลาดไทย ซึ่งจะไม่ใช้สองระบบทั้งน้ำมันและเอ็นจีวีเหมือนกับที่นิยมกันในปัจจุบัน เพราะสามารถรีดสมรรถนะของรถออกมาได้เต็มที่มากกว่า จึงเหมาะกับรถที่ใช้งานบรรทุกมากที่สุด
แน่นอนเมื่อหลายค่ายเริ่มลุยรถเอ็นจีวี มีหรือที่ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” จะยอมปล่อยให้คู่แข่งตีกินฝ่ายเดียว แต่งานนี้โตโยต้ารุกตลาดของตายก่อน นั่นก็คือรถ “แท็กซี่” โดยปลายปีนี้จะแนะนำ “โตโยต้า ลิโม” ที่ติดตั้งระบบเชื้อเพลิงเอ็นจีวีออกจากโรงงานสู่ตลาดเป็นการประเดิมก่อน ส่วนรถบ้าน “โคโรลล่า อัลติส” ยังรอดูเชิงก่อน
อย่างไรก็ตาม จากกระแสนิยมรถใช้เชื้อเพลิงเอ็นจีวี และปัญหาถังก๊าซขาดตลาด จนส่งผลให้ราคาปรับขึ้นตามความต้องการของตลาดที่มากขึ้น น่าจะผลักดันให้โตโยต้าเร่งแผนการผลิต โตโยต้า อัลติส ซีเอ็นจี หรือเอ็นจีวีสู่ตลาดเร็วขึ้น ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกิดปีหน้าแน่นอน
ทั้งหมดเป็นทีเด็ดใหม่ ที่บรรดาค่ายรถจะนำมาล้วงกระเป๋าจากผู้บริโภคชาวไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ส่วนใครจะยินยอมพร้อมใจกับยี่ห้อไหนหรือรุ่นไหน? เชิญเลือกได้ตามใจและกำลังทรัพย์!
แม้ตลาดรถยนต์ไทยช่วงครึ่งปีแรก จะประสบปัญหาวิกฤติราคาน้ำมันแพง ความผันผวนทางการเมือง และปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก แต่ก็ยังฝ่าด่านปิดตัวเลขอยู่ในแดนบวกไว้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากการตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ที่ได้มีการแนะนำรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ซึ่งได้รับสนับสนุนให้สิทธิพิเศษทางภาษีสรรพสามิต และจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ยังทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความนิยมเก๋งขนาดเล็กมากขึ้น ขณะที่ตลาดปิกอัพถึงจะรักษาตัวหนีเส้นแดงมาได้ แต่สถานการณ์กลับไม่น่าไว้วางใจ เพราะมียอดขายลดลงเรื่อยๆ จากผลกระทบราคาน้ำมันดีเซล ที่ดีดตัวแพงกว่าน้ำมันเบนซินไปแล้ว (หากไม่นับรวมเบนซิน 95 ที่ปัจจุบันแทบจะไม่ใช่พลังงานหลักแล้ว)
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่กระทบต่อตลาดรถยนต์ ซึ่งยังไม่คลี่คลายทุกๆ ด้าน ทำให้ต้องจับตามองตลาดรถในช่วงครึ่งปีหลัง จะยังสามารถรักษาตัวเลขเติบโตไว้ได้หรือไม่? โดยเฉพาะกลยุทธ์และรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่บริษัทรถจะแนะนำออกมา ซึ่ง “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้สำรวจแต่ละค่ายรถมีทีเด็ดรถใหม่อะไรบ้าง? ที่ดึงดูดใจให้ผู้บริโภคยอมควักกระเป๋าในช่วงครึ่งปีหลังนี้...
โมเดลใหม่ถึงมีน้อยแต่น่าสนใจ
รถยนต์นั่ง หรือเก๋ง นับว่าเป็นพระเอกของตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ โดยเฉพาะบรรดาเก๋งขนาดเล็ก ซึ่งค่ายไหนที่เปิดตัวโมเดลใหม่ช่วงนี้ ถือว่ามาถูกจังหวะมากที่สุด และแน่นอนคงต้องยกให้กับ “ฮอนด้า” ที่ปีนี้มีกำหนดเผยโฉมรถโมเดลสองรุ่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเก๋งขนาดเล็กหมด โดยได้เปิดไปแล้ว 1 รุ่น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กับ “ฮอนด้า แจ๊ซ”
ฉะนั้นที่เหลืออีกรุ่นเผยโฉมแน่นอนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นั่นก็คือ... “ฮอนด้า ซิตี้” โมเดลใหม่ ซึ่งใกล้คลอดสู่ตลาดไทยในเร็วๆ นี้แน่นอน แม้จะยังไม่ชัดเจนในวันเวลา เพราะตามกระแสข่าวน่าจะอยู่ที่ประมาณเดือนสิงหาคม หรืออย่างช้าก็คงไม่เกินเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
โดยซิตี้ใหม่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 และแตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมา เพราะจะไม่อิงตัวถังกับ ฮอนด้า แจ๊ซ แต่อย่างใด ยกเว้นพวกช่วงล่างและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเครื่องยนต์เท่านั้น ส่วนกระดองเต่าหรือบอดี้ล้วนออกแบบใหม่หมด ซึ่งมีรายงานข่าวว่ารูปลักษณ์ของซิตี้ใหม่ จะคล้ายกับ “ฮอนด้า ฟรีด” (Honda Freed) ที่เพิ่งแนะนำสู่ตลาดในญี่ปุ่น ซึ่งใช้พื้นฐานเดียวกับฮอนด้า ฟิต หรือแจ๊ซใหม่
เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้มีการเผยแพร่ภาพสปายช็อตผ่านทาง www.team-bhm.com ซึ่งอ้างว่าเป็นฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่ ที่ได้มีการนำมาวิ่งในอินเดีย และถูกนำมาเผยแพร่ต่อทาง www.autoincar.com พร้อมกับระบุว่าเป็น ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เครื่องยนต์ L15A i-VTEC 120 แรงม้า โดยมีกำหนดเปิดตัวในประเทศไทยประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน 2008 นี้
รถโมเดลใหม่ที่จะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังปีนี้ ที่ชัดเจนก็คงจะเป็นรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี ( PPV : Pick up Passenger Car) ของ “มิตซูบิชิ” ที่จะมาทำตลาดต่อจากรุ่นจี-แวกอน ซึ่งได้ยุติไลน์ผลิตไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังจากได้ปูทางนำร่องสร้างภาพลักษณ์ ด้วยการเปิดตัวเอสยูวีรุ่นใหญ่ มิตซูบิชิ ปาเจโร ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาแล้ว
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ของรถพีพีวีใหม่ของมิตซูบิชิออกมา แต่ชัดเจนว่าพีพีวีใหม่มิตซูบิชิ ต้องพัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพรุ่นไทรทัน ตามนิยามของรถพีพีวีจึงจะได้อัตราภาษีพิเศษ เป็นไปตามข้อกำหนดของกรมสรรพสามิต โดยรูปลักษณ์ภายนอกด้านหน้าคงไม่หนีจากไทรทันมากนัก ห้องโดยสารภายในคงต้องยึดแบบมาจากปิกอัพไทรทันเป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่จะต้องปรับเบาะนั่งข้างหลัง ให้มีความอเนกประสงค์เป็น 7 ที่นั่งแทน ส่วนช่วงครึ่งหลังได้มีการออกแบบใหม่
ในส่วนของชื่อรุ่นมิตซูบิชิไม่ได้เรียกพีพีวีใหม่ว่า “จี-แวกอน” เหมือนเดิม ซึ่งจากรายงานข่าวจะตั้งชื่อรุ่นใหม่ว่า... “ปาเจโร่ สปอร์ต” โดยกำหนดเปิดตัวผู้บริหารมิตซูบิชิเผยว่าอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
อีกรุ่นที่น่าจับตาเห็นจะเป็นโฉมใหม่ “นิสสัน เทียน่า” ที่มีการเปิดตัวทำตลาดในญี่ปุ่นไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ในไทยข่าวกำหนดเปิดตัวจะเป็นต้นปี 2552 แต่ดูความเคลื่อนไหวของค่ายนิสสัน ซึ่งได้มีการวางแผนกิจกรรมการตลาด ปูทางแจ้งเกิดเทียน่าใหม่ไว้ตั้งแต่ปลายปีนี้แล้ว จึงเป็นไปได้ที่อาจจะมีการเผยโฉมเทียน่าใหม่ ในช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 ธันวาคมนี้ ก่อนจะไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า
ไมเนอร์เชนจ์ยังเป็นไม้ตายดันยอด
นั่นคือรถโมเดลใหม่ที่จะมาทำตลาดในช่วงครึ่งหลังปีนี้ แต่ในส่วนของรุ่นที่ยังไม่ถึงกำหนดเวลา แน่นอนวิธีที่จะช่วยสร้างความสดใหม่ เรียกแรงดึงดูดใจจากลูกค้า การไมเนอร์เชนจ์ยังเป็นไม้ตายที่ดีที่สุด ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังมีหลายรุ่นทีเดียว
แน่นอนย่อมเป็นสองพันธมิตร “มาสด้า-ฟอร์ด” ซึ่งต่างพากันเตรียมแต่งหน้าทาปากให้กับ มาสด้า3 และฟอร์ด โฟกัส ในเวลาไล่เลี่ยกันช่วงปลายปีนี้ โดยมาสด้า3 ไมเนอร์เชนจ์ มีกำหนดเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ตกแต่งใหม่ให้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์ของสปอร์ตซีดานตามสไตล์ “ซูม…ซูม” ชัดเจน
งานนี้จึงได้นำรูปแบบการตกแต่งภายนอกจากตัวแรงอย่าง “มาสด้า3 เอ็มพีเอส” ในออสเตรเลีย และยุโรป หรือชื่อในญี่ปุ่น “เอ็กเซล่า มาสด้า สปีด” มาใส่เข้าไปในเวอร์ชั่นปกติของไทย โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่มาสด้าใส่เข้าไปชนิดให้แบบเต็มที่ ในส่วนของสนนราคามาสด้ายืนยัน จะไม่มีการปรับเปลี่ยนราคาแน่นอน
ส่วนฟอร์ด โฟกัส ในช่วงปลายปีนี้ฟอร์ดเตรียมเปิดตัวเก๋งโฟกัส รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติสู่ตลาดอีกหนึ่งรุ่น คาดว่าราคาน่าจะสูงกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาที่ขายอยู่ประมาณ 50,000 บาท และพร้อมกันนี้จะทำการไมเนอร์เชนจ์โฟกัสทุกรุ่น เพื่อให้มีรูปลักษณ์เหมือนเวอร์ชั่นยุโรป ซึ่งได้มีการปรับโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการออกแบบไฟหน้าใหม่ ซึ่งขอบด้านบนมีการเล่นระดับให้เว้าลง เพื่อความปราดเปรียว ขณะที่กันชนหน้าใหม่เพิ่มความดุดันและดูสปอร์ตขึ้น ด้านท้ายมีการปรับเพียงเล็กน้อย และเปลี่ยนมาใช้หลอดแบบ LED
และที่น่าจับตามองอีกยี่ห้อ เห็นจะเป็นการแต่งหน้าทาปากของ “ฮอนด้า ซีวิค” ซึ่งตามข่าวจะมีการสร้างสีสันให้กับลูกค้าเช่นกัน เพียงแต่อาจจะไม่เปลี่ยนแปลงชัดเจนมากนักเท่านั้น แต่นับว่าเป็นการดึงดูดลูกค้าให้หันมาพิจารณามากขึ้น หลังจากที่คู่แข่ง “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส” เพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดล้วนเป็นคอมแพ็กต์คาร์ แต่ในช่วงปลายปีนี้ยังมีเก๋งขนาดกลาง “ฮุนได โซนาต้า” ที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากแดนกิมจิ ลงทุนขึ้นไลน์ประกอบในไทย จะทำการไมเนอร์เชนจ์เรียกยอดขายอีกครั้ง หลังจากเปิดตัวบุกตลาดไปเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ล่าสุดได้มีการปรับโฉมไปใหม่ในต่างประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเมืองไทยย่อมตามมาอย่างเร็วก็ปลายปีนี้ พร้อมกับชูจุดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าทางด้านราคากับอุปกรณ์มาตรฐานเช่นเดิม
สำหรับแฟนรถเอสยูวี ยังมีตัวเลือกใหม่ให้เลือกเช่นกันจากค่าย “ฟอร์ด” ที่เตรียมจะปรับโฉมใหม่ “เอสเคป” ซึ่งตามข่าวจะเป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนามาจากรุ่นต้นแบบ ที่เผยโฉมในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งว่ากันว่าโฉมนี่แหละจะเป็นตัวแทนของ ฟอร์ด เอสเคป ใหม่ ที่จะเปิดตัวขายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และอีกหลายแห่งทั่วโลก
ทั้งนี้เอสเคปที่เผยโฉมในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ได้มีการออกแบบให้ปราดเปรียว ดังจะเห็นเส้นสายด้านหน้ามีความโค้งมนมากขึ้น กระจังหน้าเป็นแบบ 3 แถวใหญ่ ปลายข้างทั้งสองด้านมีช่องดักอากาศสีเงิน สอดรับกับไฟหน้าที่เรียวยาวพุ่งไปด้านหลัง เพื่อให้มุมมองที่กว้างขึ้น แต่ก็ยังดุดันด้วยกันชนขนาดใหญ่ พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ และยังมีอีกจุดที่ไฟตัดหมอก ส่วนเส้นสายตัวถังไปจนถึงด้านหลังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะไฟท้ายทรงใหม่และเป็นแบบ LED
ปิกอัพถึงคราวยักษ์‘โตโยต้า’ขยับ
ที่กล่าวมาล้วนเป็นรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง แน่นอนตลาดรถยนต์ไทยยังไงก็ต้องเป็นปิกอัพ แม้ปัจจุบันกำลังจะประสบกับปัญหาราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง จนแพงกว่าน้ำมันเบนซินทั่วไป ทำให้ยอดขายชะลอตัวอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือรถมือสอง
ผลกระทบดังกล่าวทำให้มีการมองว่า นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดปิกอัพของไทย จากที่เคยเป็นตลาดส่วนใหญ่กว่า 60% ของตลาดรถยนต์ไทย และต่อไปอาจจะมียอดขายลดลงมาก แต่จากสภาพแวดล้อมและการใช้งานของผู้บริโภคชาวไทย ต่างก็ยังเชื่อว่าปิกอัพยังคงเป็นรถที่เหมาะสมมากที่สุด และจะเป็นตลาดหลักต่อไป เพียงแต่อาจจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งมากขึ้น
ดังนั้นถึงจะมีความผันผวนบ้าง ปิกอัพจึงยังคงเป็นตลาดหลักต่อไป และน่าจะคึกคักมากขึ้นเมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง “โตโยต้า” ถึงเวลาขยับตัว หลังจากที่ฟันยอดขายเป็นกอบเป็นกำ ในช่วงที่เปิดตัวปิกอัพ “ไฮลักซ์ วีโก้” เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา และในเดือนสิงหาคมนี้ก็ถึงเวลาที่จะมีการไมเนอร์เชนจ์เสียที
โดยการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะทำทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะภายนอกจะเห็นชัดเจน ในส่วนของด้านหน้า ที่มีการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ พร้อมกันนี้โตโยต้ายังจะมีรุ่นแค็บเปิดได้แนะนำสู่ตลาดด้วย โดยจะมีให้เลือกทั้งแบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ ในส่วนของเครื่องยนต์ก่อนหน้านี้มีหลายกระแสข่าว ทั้งจะปรับจูนเครื่องยนต์ให้มีกำลังเพิ่มขึ้น และบางกระแสยืนยันยังไม่ปรับเปลี่ยนอะไร แต่หากดูสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง คาดว่าโตโยต้าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
สำหรับราคาจำหน่ายของวีโก้ ไมเนอร์เชนจ์ จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ส่วนรุ่นใหม่แค็บเปิดได้คาดว่าจะมีราคาสูงกว่า รุ่นเอ็กซ์ตร้าแค็บในปัจจุบันพอสมควร
ปิกอัพที่จะมีการแต่งหน้าทาปากใหม่อีกรุ่น เห็นจะเป็น “เรนเจอร์” ใหม่ รถตัวธงของฟอร์ด ซึ่งจะถูกส่งออกมารับมือกับ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” ในช่วงปลายปีนี้โดยตรง เพราะช่วงต้นปีที่ผ่านปล่อยให้พันธมิตร “มาสด้า” ทำการปรับโฉมไปเพียงฝ่ายเดียวก่อน ขณะที่ฟอร์ดเพียงแต่มีการเพิ่มทางเลือกลูกค้ามากขึ้น ด้วยการเปิดตัวรุ่น “เรนเจอร์ ไวด์แทร็ก” ซึ่งเป็นการนำเวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษ มาทำตลาดในแบบรุ่นปกติทั่วไป พร้อมกับนำเสนอภาพลักษณ์ตอกย้ำความแกร่งของปิกอัพ ฟอร์ด เรนเจอร์ กับผู้บริโภคเท่านั้น ไม่ใช่การปรับโฉมแต่อย่างใด เวอร์ชั่นที่จะแนะนำสู่ตลาดปลายปีนี้ จึงเป็นการปรับโฉมที่แท้จริงของฟอร์ด
รถหรูยังคงมีสีสันให้เศรษฐีเลือก
นั่นคือทางเลือกใหม่ของรถตลาดทั่วไป และในส่วนของรถยนต์หรูหราก็มีความเคลื่อนไหวคึกคักเช่นกัน ถึงจะไม่ใช่ตลาดใหญ่ก็ตาม แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและอยู่ที่ความพอใจเป็นหลัก ปัจจัยกระทบหากไม่ร้ายแรงจริงก็ไม่ส่งผลมากนัก ทำให้ค่ายรถหรูมีการแนะนำรถใหม่สู่ตลาดต่อเนื่อง
ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ที่ประกาศชัดเห็นจะเป็นค่าย “แลนด์โรเวอร์” ที่เปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายในไทยใหม่ ไปอยู่ภายใต้การทำตลาดของกลุ่ม Guava International Limited แต่ยังเรียกชื่อทางธุรกิจว่า “แลนด์โรเวอร์ ไทยแลนด์” ซึ่งได้แถลงข่าวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสสามปีนี้ จะนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่ “ฟรีแลนเดอร์ 2” ใหม่สู่ตลาดไทย ซึ่งเป็นคอมแพ็กต์เอสยูวีระดับหรูที่ได้รับความนิยมมาก ด้วยรูปโฉมโดดเด่นแบบสปอร์ตดีไซน์ การตกแต่งภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและหรูหรา เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
ฟรีแลนเดอร์ 2 ใหม่ ตอบสนองการขับขี่สะดวกสบาย ทั้งแบบออนโรดและออฟโรด ขับเคลื่อนจากขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ทีดี4 ที่ให้อัตราความประหยัดน้ำมันที่ดีกว่าเดิม พร้อมระบบขับเคลื่อน Terrain Response ที่ไม่เหมือนใคร สามารถปรับพลังและการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับทุกสภาวะช่วยให้การขับขี่ออฟโรดเป็นไปอย่างง่ายดาย และสะดวกสบายกับปุ่มสตาร์ทและดับเครื่องยนต์แบบไม่ต้องใช้กุญแจ
เมื่อพูดถึงค่ายรถหรูแล้ว แน่นอน “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ในฐานะเจ้าตลาด ย่อมต้องมีอะไรให้ลูกค้าได้ฮือฮาเป็นประจำ โดยคราวนี้เตรียมจะสร้างสีสันกับสปอร์ตรุ่นเล็กรหัสใหม่ “CLC” ซึ่งความจริงแล้วซีแอลซี ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด เพราะถ้ายังจำกันได้กับซี-คลาสรุ่นที่แล้ว รหัสตัวถัง W203 นอกจากตัวถังซีดาน และแวกอนแล้ว ยังมีรุ่นสปอร์ต 3 ประตู ตัวถังคล้ายกับแฮทช์แบ็กอย่างสปอร์ต คูเป้ทำตลาดเป็นอีกทางเลือก
นั่นแหล่ะเมื่อมีการเปิดตัวซี-คลาสใหม่ในรหัส W204 ออกมา ชื่อสปอร์ตคูเป้ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นซีแอลซี-คลาส เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด และเป็นการสอดรับกับแนวคิดในการปรับตลาดของบีเอ็มดับเบิลยูที่เปลี่ยนซีรีส์ 3 คอมแพ็กต์มาเป็นซีรีส์ 1 ส่วนทางเลือกเครื่องยนต์ไม่แตกต่างจากรุ่นซี-คลาส
พูดถึงเรื่องซี-คลาสแล้ว ในเมืองไทยยังมีเครื่องยนต์ดีเซลที่ยังไม่แนะนำสู่ตลาด จึงลุ้นว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะเปิดตัวปลายปีนี้หรือไม่ และที่น่าจะเป็นทางเลือกใหม่อีกรุ่น เห็นจะเป็น “B-Class” ไมเนอร์เชนจ์ ที่จะถูกนำเข้ามาทำตลาดแทนรุ่นปัจจุบันในไทย
ส่วนคู่แข่ง “บีเอ็มดับเบิลยู” ประกาศชัดจะมีตัวเลือกใหม่ๆ ให้ลูกค้าเช่นกัน โดยเฉพาะรถยนต์นำเข้าสำเร็จรูป หรือซีบียู(CBU) ซึ่งจากข่าวคราวในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะมีการนำ “X6” เข้ามาทำตลาด และอีกรุ่นจะเป็นโฉมใหม่ของ “ซีรี่ส์ 7” มาเรียกน้ำย่อย ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นประกอบในประเทศในปีถัดไป
เอ็นจีวีเริ่มแรงในตลาดรถยนต์ไทย
รถใหม่ที่กล่าวมาน่ากระตุ้นการซื้อรถของผู้บริโภคได้ระดับหนึ่ง แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มเห็นจุดเปลี่ยนของตลาดรถยนต์ไทยที่น่าสนใจทีเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างบ้าเลือด ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องหาทางออก ด้วยการนำรถไปติดตั้งเชื้อเพลิงทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นแก๊สแอลพีจี (LPG) และเอ็นจีวี(NGV หรือเรียก NGV) แทน
สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทำให้บรรดาค่ายรถต้องจับมองอย่างใกล้ชิด และทำการปรับตัวสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคอย่างเร่งด่วน ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเห็นรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงาน มีรุ่นใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี แนะนำสู่ตลาดหลายยี่ห้อทีเดียว
เริ่มจากเดือนเดือนกรกฎาคมนี้ “ฮุนได” แนะนำเก๋งรุ่น “โซนาต้า ซีเอ็นจี” สู่ตลาดไทย ซึ่งเป็นการติดตั้งระบบใช้เชื้อเพลิงซีเอ็นจี หรือเอ็นจีวี ออกจากโรงงานประกอบในไทยเลย เนื่องจากฮุนไดได้มีการผลิตรถซีเอ็นจีในรุ่นโซนาต้าอยู่แล้วที่เยอรมนี จึงมั่นใจได้ในการผลิตและความปลอดภัย พร้อมกันนี้ยังรับประกันนาน 3 ปี เช่นเดียวกับรถรุ่นปกติ
จากนั้นจะเป็นค่าย “มิตซูบิชิ” ที่ได้มีการนำร่องขายเก๋ง มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เอ็นจีวี ในรูปแบบดีลเลอร์ออปชั่น หรือเป็นการติดตั้งจากโชว์รูมสำหรับลูกค้าที่ต้องการ ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า จนทำให้มิตซูบิชิตัดสินใจเตรียมรุกตลาดอย่างเต็มที่ หลังจากได้การรับรองจากบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนกันยายนนี้ โดยจะแนะนำในรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และมีราคาเท่ากับรุ่นปกติที่ขายอยู่ขณะนี้ โดยคาดหวังยอดขายประมาณ 100-200 คันต่อเดือน
อีกค่ายน้องใหม่ “ทาทา” ประกาศชัดมาตั้งแต่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2008 แล้วว่า ช่วงปลายปีนี้จะแนะนำปิกอัพเครื่องยนต์ 2.1 ลิตรใช้ก๊าซเอ็นจีวี 100% สู่ตลาดไทย ซึ่งจะไม่ใช้สองระบบทั้งน้ำมันและเอ็นจีวีเหมือนกับที่นิยมกันในปัจจุบัน เพราะสามารถรีดสมรรถนะของรถออกมาได้เต็มที่มากกว่า จึงเหมาะกับรถที่ใช้งานบรรทุกมากที่สุด
แน่นอนเมื่อหลายค่ายเริ่มลุยรถเอ็นจีวี มีหรือที่ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” จะยอมปล่อยให้คู่แข่งตีกินฝ่ายเดียว แต่งานนี้โตโยต้ารุกตลาดของตายก่อน นั่นก็คือรถ “แท็กซี่” โดยปลายปีนี้จะแนะนำ “โตโยต้า ลิโม” ที่ติดตั้งระบบเชื้อเพลิงเอ็นจีวีออกจากโรงงานสู่ตลาดเป็นการประเดิมก่อน ส่วนรถบ้าน “โคโรลล่า อัลติส” ยังรอดูเชิงก่อน
อย่างไรก็ตาม จากกระแสนิยมรถใช้เชื้อเพลิงเอ็นจีวี และปัญหาถังก๊าซขาดตลาด จนส่งผลให้ราคาปรับขึ้นตามความต้องการของตลาดที่มากขึ้น น่าจะผลักดันให้โตโยต้าเร่งแผนการผลิต โตโยต้า อัลติส ซีเอ็นจี หรือเอ็นจีวีสู่ตลาดเร็วขึ้น ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกิดปีหน้าแน่นอน
ทั้งหมดเป็นทีเด็ดใหม่ ที่บรรดาค่ายรถจะนำมาล้วงกระเป๋าจากผู้บริโภคชาวไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ส่วนใครจะยินยอมพร้อมใจกับยี่ห้อไหนหรือรุ่นไหน? เชิญเลือกได้ตามใจและกำลังทรัพย์!