ข่าวในประเทศ – จีเอ็ม ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากอเมริกา จับมือ ปตท. เซ็นข้อตกลงร่วมกันพัฒนาพลังงานทางเลือกร่วมกัน หวังวิจัยนำพืชที่ไม่ใช่อาหารมาเป็นพลังงาน เน้นสาหร่ายเป็นหลัก เอาจริงศึกษาตลาดและหนุนผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์พลังงานทางเลือก
สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์ เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการลงนามข้อตกลงครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดรวมถึงความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานและผลประโยชน์ที่จะได้รับจาการขยายการใช้พลังงานทางเลือก
“เราคาดหวังว่า การร่วมมือครั้งนี้จะให้ผลตอบรับที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยด้านสิ่งแวดล้อม เพราะการค้นพบพลังงานทางเลือกที่สามารถใช้งานในระยะยาวแทนที่น้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิลจะเป็นประโยชน์สูงสุดของทุกคน”สตีฟกล่าว
โดยจีเอ็ม และปตท. จะพิจารณารายละเอียดของความร่วมมือกันในหลายด้าน ทั้งการวิจัยเอธานอลที่ได้มาจากเซลลูโลส การวิจัยพืชชนิดอื่นๆ ซึ่งไม่ใช้เป็นอาหาร การขยายแหล่งพลังงานไบโอดีเซล โดยจะมุ่งเน้นใช้ประโยชน์จากสาหร่ายเพื่อนำมาเป็นแหล่งไฮโดเจน เอธานอลและไบโอดีเซล รวมถึงพัฒนาการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (CNG) ทั้งแบบไบฟิวและดูอัลฟิว
สำหรับความร่วมมือดังกล่าวยังรวมไปถึง การพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดต้นทุนต่ำ เซลพลังงาน และเครื่องยนต์ดีเซลในประเทศไทย ทั้งนี้หน่วยงานทั้งสองจะใช้ระบบต่างๆ และศูนย์วิจยและพัฒนาร่วมกัน พร้อมกับพัฒนาบริษัทจัดจำหน่ายในประเทศเพื่อให้มีการผลิตชิ้นส่วนสำหรับยานยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น
ด้าน ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมมือกันของสองหน่วยงานเพื่อพัฒนาพลังงานยานยนต์ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อระบบคมนาคมของประเทศไทย และเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างบริษัท สถานบันการศึกษาระหว่างประเทศ
สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์ เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการลงนามข้อตกลงครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดรวมถึงความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานและผลประโยชน์ที่จะได้รับจาการขยายการใช้พลังงานทางเลือก
“เราคาดหวังว่า การร่วมมือครั้งนี้จะให้ผลตอบรับที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยด้านสิ่งแวดล้อม เพราะการค้นพบพลังงานทางเลือกที่สามารถใช้งานในระยะยาวแทนที่น้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิลจะเป็นประโยชน์สูงสุดของทุกคน”สตีฟกล่าว
โดยจีเอ็ม และปตท. จะพิจารณารายละเอียดของความร่วมมือกันในหลายด้าน ทั้งการวิจัยเอธานอลที่ได้มาจากเซลลูโลส การวิจัยพืชชนิดอื่นๆ ซึ่งไม่ใช้เป็นอาหาร การขยายแหล่งพลังงานไบโอดีเซล โดยจะมุ่งเน้นใช้ประโยชน์จากสาหร่ายเพื่อนำมาเป็นแหล่งไฮโดเจน เอธานอลและไบโอดีเซล รวมถึงพัฒนาการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (CNG) ทั้งแบบไบฟิวและดูอัลฟิว
สำหรับความร่วมมือดังกล่าวยังรวมไปถึง การพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดต้นทุนต่ำ เซลพลังงาน และเครื่องยนต์ดีเซลในประเทศไทย ทั้งนี้หน่วยงานทั้งสองจะใช้ระบบต่างๆ และศูนย์วิจยและพัฒนาร่วมกัน พร้อมกับพัฒนาบริษัทจัดจำหน่ายในประเทศเพื่อให้มีการผลิตชิ้นส่วนสำหรับยานยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น
ด้าน ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมมือกันของสองหน่วยงานเพื่อพัฒนาพลังงานยานยนต์ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อระบบคมนาคมของประเทศไทย และเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างบริษัท สถานบันการศึกษาระหว่างประเทศ
