หลังอุ่นเครื่องระลอกแรกด้วยเวอร์ชันต้นแบบใน 2 งานโชว์ระดับชั้นแนวหน้าอย่างดีทรอยต์ และเจนีวา มอเตอร์โชว์ในเดือนมกราคมและมีนาคมที่ผ่านมา ถึงตอนนี้เอสยูวีรุ่นเล็กของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จะแปะป้ายชื่อว่า "จีแอลเค" ก็เผยโฉมรุ่นจำหน่ายจริงออกมาแล้วที่งานออโต้ ไชน่า หรือปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
จีแอลเคถือเป็นผลผลิตใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองกับความต้องการของคอเอสยูวีรุ่นเล็ก โดยเป็นคู่แข่งในระดับเดียวกับแอคูรา อาร์ดีเอ็กซ์, บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์3 และออดี้ คิว5 ที่เพิ่งเปิดตัวออกสู่ตลาดพร้อมกับจีแอลเคในงานเดียวกัน
แม้จะใช้ชื่อว่า G แต่เอสยูวีรุ่นนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกับ GL และ G-Class ซึ่งเป็นตัวลุยรุ่นใหญ่ เพราะว่าใช้พื้นฐานในการพัฒนาร่วมกับรถยนต์ขนาดคอมแพ็กต์อย่างซี-คลาสตัวถังปัจจุบัน W204 พร้อมการออกแบบที่เน้นความสปอร์ตบนตัวถังแบบ 5 ประตูที่มีความยาว 4,528 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,689 มิลลิเมตร และเสริมความเร้าใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างแบบปรับระดับได้หรือที่เรียกว่า Agility Control เพื่อรองรับทั้งการทะยานอยู่บนทางเรียบ หรือการปรับเพื่อเน้นลุยบนเส้นทางออฟโรด
ในเรื่องของเครื่องยนต์ ตัวที่น่าสนใจเห็นจะเป็น GLK220GDI BlueEFFICIENCY เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,200 ซีซี 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ซึ่งตัวระบบคอมมอนเรลได้รับการปรับปรุงเป็นเจนเนอเรชันที่ 4 แล้ว และมาพร้อมกับการจ่ายน้ำมันด้วยแรงดันสูงถึง 2,000 บาร์ ตอบสนองด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในระดับ 8.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนอีกรุ่นของตลาดดีเซลเป็นรหัส GLK320CDI เครื่องยนต์วี6 ที่มีกำลังถึง 224 แรงม้า
ส่วนตลาดเบนซินมีขาย 2 รุ่นเช่นเดียวกันแต่เป็นบล็อกวี6 ล้วนๆ ในรหัส GLK280 และ GLK350 ซึ่งตอบสนองการขับเคลื่อนด้วยกำลังสูงสุด 231 และ 272 แรงม้า โดยทุกรุ่นมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ 4Matic ที่มีอัตราส่วนการกระจายแรงบิดจากเครื่องยนต์สู่ล้อหน้า-หลังในอัตราส่วน 45-55% และจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะรุ่น 7G-Tronic จากโรงงาน
การผลิต จีแอลเค ในยุโรปจะอยู่ที่โรงงานในเมืองเบรเมน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่โรงงานแห่งนี้รับหน้าที่ผลิตเอสยูวี และค่าตัวในเยอรมนีอยู่ที่ 33,900-38,700 ยูโร หรือ 1.7-1.9 ล้านบาท อีกทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังนำเอสยูวีรุ่นนี้ไปเข้าฉากในภาพยนตร์เรื่อง Sex and the City : the Movie เพื่อเป็นการกระตุ้นและเรียกความสนใจจากลูกค้าทั่วโลก
จีแอลเคถือเป็นผลผลิตใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองกับความต้องการของคอเอสยูวีรุ่นเล็ก โดยเป็นคู่แข่งในระดับเดียวกับแอคูรา อาร์ดีเอ็กซ์, บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์3 และออดี้ คิว5 ที่เพิ่งเปิดตัวออกสู่ตลาดพร้อมกับจีแอลเคในงานเดียวกัน
แม้จะใช้ชื่อว่า G แต่เอสยูวีรุ่นนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกับ GL และ G-Class ซึ่งเป็นตัวลุยรุ่นใหญ่ เพราะว่าใช้พื้นฐานในการพัฒนาร่วมกับรถยนต์ขนาดคอมแพ็กต์อย่างซี-คลาสตัวถังปัจจุบัน W204 พร้อมการออกแบบที่เน้นความสปอร์ตบนตัวถังแบบ 5 ประตูที่มีความยาว 4,528 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,689 มิลลิเมตร และเสริมความเร้าใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างแบบปรับระดับได้หรือที่เรียกว่า Agility Control เพื่อรองรับทั้งการทะยานอยู่บนทางเรียบ หรือการปรับเพื่อเน้นลุยบนเส้นทางออฟโรด
ในเรื่องของเครื่องยนต์ ตัวที่น่าสนใจเห็นจะเป็น GLK220GDI BlueEFFICIENCY เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,200 ซีซี 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ซึ่งตัวระบบคอมมอนเรลได้รับการปรับปรุงเป็นเจนเนอเรชันที่ 4 แล้ว และมาพร้อมกับการจ่ายน้ำมันด้วยแรงดันสูงถึง 2,000 บาร์ ตอบสนองด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในระดับ 8.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนอีกรุ่นของตลาดดีเซลเป็นรหัส GLK320CDI เครื่องยนต์วี6 ที่มีกำลังถึง 224 แรงม้า
ส่วนตลาดเบนซินมีขาย 2 รุ่นเช่นเดียวกันแต่เป็นบล็อกวี6 ล้วนๆ ในรหัส GLK280 และ GLK350 ซึ่งตอบสนองการขับเคลื่อนด้วยกำลังสูงสุด 231 และ 272 แรงม้า โดยทุกรุ่นมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ 4Matic ที่มีอัตราส่วนการกระจายแรงบิดจากเครื่องยนต์สู่ล้อหน้า-หลังในอัตราส่วน 45-55% และจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะรุ่น 7G-Tronic จากโรงงาน
การผลิต จีแอลเค ในยุโรปจะอยู่ที่โรงงานในเมืองเบรเมน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่โรงงานแห่งนี้รับหน้าที่ผลิตเอสยูวี และค่าตัวในเยอรมนีอยู่ที่ 33,900-38,700 ยูโร หรือ 1.7-1.9 ล้านบาท อีกทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังนำเอสยูวีรุ่นนี้ไปเข้าฉากในภาพยนตร์เรื่อง Sex and the City : the Movie เพื่อเป็นการกระตุ้นและเรียกความสนใจจากลูกค้าทั่วโลก
