ตามปกติแล้วในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์จะมีการแจกรางวัลให้กับรถยนต์ต้นแบบที่ออกแบบได้อย่างโดนใจคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกให้เป็นสุดยอดต้นแบบประจำงาน และก็โดยส่วนใหญ่แล้ว รางวัลนี้มักจะโดนต้นแบบที่มีหน้าตาล้ำยุคหรือไม่ก็พวกที่เป็นผลผลิตมาจากสำนักออกแบบซิวไป แต่สำหรับในปีนี้รางวัลตกมาเป็นของซาบกับความเรียบง่ายของการออกแบบแต่ล้ำสมัยและมีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีอันล้ำสมัย
จุดเด่นในเรื่องการออกแบบอยู่ที่การนำแนวคิดจากเทคโนโลยีอากาศยานมาใช้กับตัวรถภายใต้แนวคิด Active Aerodynamics ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงของตัวรถเพื่อลดแรงต้านในระหว่างการขับด้วยความเร็วคงที่ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังความประหยัดน้ำมัน
เมื่อใช้ความเร็วเกิน 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชิ้นส่วนตัวถังด้านบนและด้านล่าง จะมีการเปลี่ยนรูปทรง โดยด้านบนจะเป็นยื่นออกมาเป็นสปอยเลอร์ ส่วนด้านล่างจะเป็น Diffuser สำหรับรีดอากาศใต้ท้องรถ เมื่อมีการเบรกอย่างรุนแรงจากความเร็วเกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง สปอยเลอร์หลังจะยกขึ้นเพื่อทำหน้าที่ช่วยสร้างแรงกดบนเพลาท้าย เพื่อลดอาการท้ายยก
ขณะที่ตัวถังแบบแฮทข์แบ็ก 3 ประตูมีความสวยและโดดเด่นตามสไตล์การออกแบบของซาบ ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม
เครื่องยนต์มีความทันสมัยไม่แพ้กันเพราะเป็นขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,400 ซีซี เทอร์โบ ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้สามารถใช้เชื้อเพลิงแบบ E85 ได้ เมื่อบวกกับการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในรูปแบบของไฮบริดจะสามารถรีดกำลังออกมาได้ 200 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 28.5 กก.-ม.
เปรียบเทียบในด้านสมรรถนะขับเคลื่อนระหว่างโหมดที่ใช้เบนซินกับ E85 แล้ว ปรากฏว่า E85 กินขาดในทุกอัตราเร่ง เช่น จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เบนซินใช้เวลา 8.3 วินาที แต่ E85 ใช้เวลา 7.9 วินาที ส่วนอัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่เกียร์ 5 เบนซินใช้เวลา 11.2 วินาที แต่ E85 ใช้เวลา 8.8 วินาที ส่วนความเร็วปลายอยู่ที่ 192 และ 214 กิโลเมตรชั่วโมงตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่งานขายฝันเท่านั้น เพราะว่าซาบเตรียมขึ้นไลน์ผลิตจริงด้วย เพียงแต่ว่าจะใช้แต่เฉพาะรูปทรงและพื้นฐานทางวิศวกรรมของตัวรถ ส่วนเครื่องยนต์และระบบที่มันไฮเทคก็คงโดนตัดออก เพราะว่าซาบตั้งใจจะผลิตรถยนต์ขนาดเล็กเอาไว้แข่งกับซีรีส์ 1 ของบีเอ็มดับเบิลยู และผลผลิตที่พัฒนาจากต้นแบบรุ่นนี้ซึ่งจะใช้ชื่อว่า 9-1 คือ ความหวังในการเจาะตลาดกลุ่มนี้ของซาบ