เขย่าเวทีออโต้ไชน่า หรือปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนเมษายนด้วยการเผยโฉมคิว5 เอสยูวีขนาดคอมแพ็กต์รุ่นใหม่ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับเอ4 ออกมาได้ไม่ทันไร ทาง ออดี้ ก็เปิดแนวรุกด้วย 2 ทางเลือกใหม่ที่ถูกส่งออกมาเอาใจแฟนๆ ของค่าย 4 ห่วงที่ชื่นชอบความแรงทั้งแบบตัวถังรถสปอร์ต หรือบนเรือนร่างแฮทช์แบ็กทรงกะทัดรัด
ในกลุ่มของรถสปอร์ตเป็นการเพิ่มทางเลือกของเครื่องยนต์ให้กับรุ่นทีทีทั้งแบบตัวถังคูเป้ และเปิดประทุน ถ้าเน้นความแรงแบบไม่สนใจราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ออดี้ก็จัดการส่งรุ่น TTS ออกมารองรับกับความต้องการ ด้วยการเค้นกำลังจากเครื่องยนต์ TFSI แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว เทอร์โบ ไดเร็กต์อินเจ็กชัน 2,000 ซีซี จากเดิมๆ มีกำลังอยู่ที่ 200 แรงม้าให้ขยับขึ้นมาเป็น 272 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 35.6 กก.-ม. ที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที
ในรุ่นนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือถ้าอยากสบายก็จ่ายเพิ่มแลกกับรุ่นคลัตช์ไฟฟ้าแบบ S Tronic ซึ่งมีขายเป็นออพชั่น ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อควอตโตร พร้อมความเร้าใจด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.2 และ 5.4 วินาทีสำหรับรุ่นคูเป้และเปิดประทุน ส่วนความเร็วปลายอยู่ในระดับ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่ถ้าชอบความเร้าใจแบบประหยัด TT ก็ยังมีอีกทางเลือกในแบบเทอร์โบดีเซลหรือรุ่น Tdi ด้วยขุมพลัง 4 สูบ 2,000 ซีซี 170 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่เท่ากับรุ่น TTS จับคู่กับทางเลือกของระบบเกียร์และระบบขับเคลื่อนเช่นเดียวกัน ส่วนสมรรถนะในด้านอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ที่ 7.5 และ 7.7 วินาที โดยที่ความเร็วปลายแตะระดับ 226 และ 223 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เหนือชั้นกว่าด้วยวามประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีตัวเลข 18.18-18.86 กิโลเมตรต่อลิตร
ทางด้านความแรงบนเรือนร่างของความกะทัดรัด ทางออดี้เปิดตัวทางเลือกใหม่ของเอส3 บนตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตูเพื่อเสริมตลาดกับรุ่น 3 ประตู โดยออกมาพร้อมกับการปรับโฉมของรุ่นธรรมดาทั้งแบบตัวถัง 3 และ 5 ประตูด้วย
รหัส เอส3 เปิดตัวในปี 2006 ด้วยตัวถังแบบสปอร์ต 3 ประตู และได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างมากในด้านเรี่ยวแรงที่มีมากเกินตัว เพื่อว่าใต้ฝากระโปรงบรรจุเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบ ที่มีกำลังสูงถึง 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 35.6 กก.-ม. ที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาทีซึ่งในรุ่นปรับโฉมนี้ ดูเหมือนว่าออดี้จะไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ แต่เน้นไปที่การปรับโฉมให้กับรุ่น 3 ประตู และเพิ่มอีกทางเลือกด้วยตัวถัง 5 ประตู
สำหรับรุ่นธรรมดาเป็นการปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่ตลอดทั้งคันให้กับทั้งรุ่น 3 และ 5 ประตู ซึ่งมีความสวยและสปอร์ตชึ้นอย่างชัดเจนกับไฟหน้าและไฟท้ายที่ได้รับการออกแบบใหม่และเรียกว่าเป็นการปรับโฉมที่ต้องรอกันนานชนิดที่ลูกค้าแทบจะลืมกันไปเลย เพราะว่าทิ้งระยะนานถึง 5 ปีนับจากเอ3 ตัวถังนี้ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในปี 2003
ในเรื่องเครื่องยนต์มีขายหลากหลายเช่นเคยบนพื้นฐานแบบ 4 สูบทั้งเบนซินที่มีรุ่น 1,600 ซีซี 102 แรงม้า ตามด้วยรุ่น 1,400 ซีซีพร้อมระบบอัดอากาศ TFSI 125 แรงม้า รุ่น 1,800ซีซี เทอร์โบ TFSI 160 แรงม้า และ 2,000 ซีซี เทอร์โบ TFSI 200 แรงม้า ส่วนเทอร์โบดีเซลมีรุ่น 1,900 ซีซี 105 แรงม้า และ 2,000 ซีซี 140 และ 170 แรงม้า
ในกลุ่มของรถสปอร์ตเป็นการเพิ่มทางเลือกของเครื่องยนต์ให้กับรุ่นทีทีทั้งแบบตัวถังคูเป้ และเปิดประทุน ถ้าเน้นความแรงแบบไม่สนใจราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ออดี้ก็จัดการส่งรุ่น TTS ออกมารองรับกับความต้องการ ด้วยการเค้นกำลังจากเครื่องยนต์ TFSI แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว เทอร์โบ ไดเร็กต์อินเจ็กชัน 2,000 ซีซี จากเดิมๆ มีกำลังอยู่ที่ 200 แรงม้าให้ขยับขึ้นมาเป็น 272 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 35.6 กก.-ม. ที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที
ในรุ่นนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือถ้าอยากสบายก็จ่ายเพิ่มแลกกับรุ่นคลัตช์ไฟฟ้าแบบ S Tronic ซึ่งมีขายเป็นออพชั่น ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อควอตโตร พร้อมความเร้าใจด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.2 และ 5.4 วินาทีสำหรับรุ่นคูเป้และเปิดประทุน ส่วนความเร็วปลายอยู่ในระดับ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่ถ้าชอบความเร้าใจแบบประหยัด TT ก็ยังมีอีกทางเลือกในแบบเทอร์โบดีเซลหรือรุ่น Tdi ด้วยขุมพลัง 4 สูบ 2,000 ซีซี 170 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่เท่ากับรุ่น TTS จับคู่กับทางเลือกของระบบเกียร์และระบบขับเคลื่อนเช่นเดียวกัน ส่วนสมรรถนะในด้านอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ที่ 7.5 และ 7.7 วินาที โดยที่ความเร็วปลายแตะระดับ 226 และ 223 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เหนือชั้นกว่าด้วยวามประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีตัวเลข 18.18-18.86 กิโลเมตรต่อลิตร
ทางด้านความแรงบนเรือนร่างของความกะทัดรัด ทางออดี้เปิดตัวทางเลือกใหม่ของเอส3 บนตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตูเพื่อเสริมตลาดกับรุ่น 3 ประตู โดยออกมาพร้อมกับการปรับโฉมของรุ่นธรรมดาทั้งแบบตัวถัง 3 และ 5 ประตูด้วย
รหัส เอส3 เปิดตัวในปี 2006 ด้วยตัวถังแบบสปอร์ต 3 ประตู และได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างมากในด้านเรี่ยวแรงที่มีมากเกินตัว เพื่อว่าใต้ฝากระโปรงบรรจุเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบ ที่มีกำลังสูงถึง 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 35.6 กก.-ม. ที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาทีซึ่งในรุ่นปรับโฉมนี้ ดูเหมือนว่าออดี้จะไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ แต่เน้นไปที่การปรับโฉมให้กับรุ่น 3 ประตู และเพิ่มอีกทางเลือกด้วยตัวถัง 5 ประตู
สำหรับรุ่นธรรมดาเป็นการปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่ตลอดทั้งคันให้กับทั้งรุ่น 3 และ 5 ประตู ซึ่งมีความสวยและสปอร์ตชึ้นอย่างชัดเจนกับไฟหน้าและไฟท้ายที่ได้รับการออกแบบใหม่และเรียกว่าเป็นการปรับโฉมที่ต้องรอกันนานชนิดที่ลูกค้าแทบจะลืมกันไปเลย เพราะว่าทิ้งระยะนานถึง 5 ปีนับจากเอ3 ตัวถังนี้ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในปี 2003
ในเรื่องเครื่องยนต์มีขายหลากหลายเช่นเคยบนพื้นฐานแบบ 4 สูบทั้งเบนซินที่มีรุ่น 1,600 ซีซี 102 แรงม้า ตามด้วยรุ่น 1,400 ซีซีพร้อมระบบอัดอากาศ TFSI 125 แรงม้า รุ่น 1,800ซีซี เทอร์โบ TFSI 160 แรงม้า และ 2,000 ซีซี เทอร์โบ TFSI 200 แรงม้า ส่วนเทอร์โบดีเซลมีรุ่น 1,900 ซีซี 105 แรงม้า และ 2,000 ซีซี 140 และ 170 แรงม้า
