ข่าวต่างประเทศ - หลังพลาดหวังในการเข้าครอบครองหุ้นส่วนใหญ่ในจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส ดูเหมือนว่าในตอนนี้เคิร์ค เคอร์โคเรียน มหาเศรษฐีชาวอเมริกันกำลังกลับมาป่วนวงการอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันครั้งใหม่ ด้วยการประกาศรับซื้อหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ส ในราคาที่สูงกว่าราคาปิดตลาดหุ้น พร้อมกับแนะฟอร์ดควรปลด 2 แบรนด์หรูที่ไม่ค่อยมีอนาคตอย่างวอลโว่ และเมอร์คิวรี่เพื่อความอยู่รอด
ทรานซินด้า คอร์ปอเรชัน บริษัทที่เคอร์โคเรียนจัดตั้งขึ้นมา ได้ประกาศว่าจะขอรับซื้อหุ้นของฟอร์ด มอเตอร์ คอร์ปอเรชันจำนวน 20 ล้านหุ้นในมูลค่าหุ้นละ 8.50 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 280 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาของหุ้นฟอร์ดที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถึง 13% หรือ 1 เหรียญสหรัฐฯ (33 บาท) โดยการดำเนินครั้งนี้ ทางทราซินด้าหวังที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของตัวเองจาก 120 ล้านหุ้น หรือ 4.7% มาเป็น 5.6%
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้มีความหมายอย่างไร แต่ทางด้านเจอร์รี่ ยอร์คที่ปรึกษาส่วนตัวของเคอร์โคเรียน และเป็นคนที่เคยหนุนให้จีเอ็มรวมกิจการกับเรโนลต์-นิสสันเมื่อ 2 ปีที่แล้วกล่าวว่า ทุกอย่างไม่มีอะไรในกอไผ่ ซึ่งตัวเขาและเคอร์โคเรียนมีความเชื่อมั่นต่อการบริหารของอลัน มูลัลลี่ ประธานและซีอีโอของฟอร์ด มอเตอร์ว่าจะสามารถฝ่าฟันและนำบริษัทพ้นวิกฤตไปได้ หลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้ฟอร์ดประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2007 พร้อมกับมีผลกำไร
นอกจากนั้น ทั้งยอร์คและเคอร์โคเรียนยังคิดตรงกันว่า ฟอร์ดควรจะขายกิจการของวอลโว่ และเมอร์คิวรี่ออกไป เพราะว่าไม่มีการสร้างประโยชน์ในด้านรายได้ให้กับบริษัท และพวกเขาเชื่อแน่ว่าในอีกไม่เกิน 18 เดือน มูลัลลี่น่าจะมีการประกาศขายกิจการของวอลโว่ ส่วนเมอร์คิวรี่ ฟอร์ดน่าจะเผชิญปัญหานี้เหมือนกับที่จีเอ็มเจอเมื่อครั้งที่พยายามจะขายแบรนด์โอลด์สโมบิล แต่ไม่มีใครสนใจ สุดท้ายต้องปิดกิจการไปในที่สุด
‘ในตอนนี้ทั้ง 2 แบรนด์ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านรายได้ต่อฟอร์ด วอลโว่น่าจะขายได้ และมีคนสนใจ ส่วนเมอร์คิวรี่คงจะยากหน่อย เพราะกลายเป็นแบรนด์ที่ไม่สามารถปั้นให้กลับมาสู่ตลาดได้ แถมลูกค้าก็เริ่มลดน้อยถอยลงอย่างต่อเนื่อง’
อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของฟอร์ดที่เปิดเผยออกมาหลังจากมีข่าวการประกาศซื้อหุ้นของทราซินด้าในครั้งนี้ระบุว่า ทางฟอร์ด มอเตอร์จะยังลงทุนในการทำตลาดของเมอร์คิวรี่ต่อไป และยังไม่มีการขายกิจการของวอลโว่ตามที่มีการพูดถึงกันก่อนหน้านี้
ทรานซินด้า คอร์ปอเรชัน บริษัทที่เคอร์โคเรียนจัดตั้งขึ้นมา ได้ประกาศว่าจะขอรับซื้อหุ้นของฟอร์ด มอเตอร์ คอร์ปอเรชันจำนวน 20 ล้านหุ้นในมูลค่าหุ้นละ 8.50 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 280 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาของหุ้นฟอร์ดที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถึง 13% หรือ 1 เหรียญสหรัฐฯ (33 บาท) โดยการดำเนินครั้งนี้ ทางทราซินด้าหวังที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของตัวเองจาก 120 ล้านหุ้น หรือ 4.7% มาเป็น 5.6%
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้มีความหมายอย่างไร แต่ทางด้านเจอร์รี่ ยอร์คที่ปรึกษาส่วนตัวของเคอร์โคเรียน และเป็นคนที่เคยหนุนให้จีเอ็มรวมกิจการกับเรโนลต์-นิสสันเมื่อ 2 ปีที่แล้วกล่าวว่า ทุกอย่างไม่มีอะไรในกอไผ่ ซึ่งตัวเขาและเคอร์โคเรียนมีความเชื่อมั่นต่อการบริหารของอลัน มูลัลลี่ ประธานและซีอีโอของฟอร์ด มอเตอร์ว่าจะสามารถฝ่าฟันและนำบริษัทพ้นวิกฤตไปได้ หลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้ฟอร์ดประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2007 พร้อมกับมีผลกำไร
นอกจากนั้น ทั้งยอร์คและเคอร์โคเรียนยังคิดตรงกันว่า ฟอร์ดควรจะขายกิจการของวอลโว่ และเมอร์คิวรี่ออกไป เพราะว่าไม่มีการสร้างประโยชน์ในด้านรายได้ให้กับบริษัท และพวกเขาเชื่อแน่ว่าในอีกไม่เกิน 18 เดือน มูลัลลี่น่าจะมีการประกาศขายกิจการของวอลโว่ ส่วนเมอร์คิวรี่ ฟอร์ดน่าจะเผชิญปัญหานี้เหมือนกับที่จีเอ็มเจอเมื่อครั้งที่พยายามจะขายแบรนด์โอลด์สโมบิล แต่ไม่มีใครสนใจ สุดท้ายต้องปิดกิจการไปในที่สุด
‘ในตอนนี้ทั้ง 2 แบรนด์ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านรายได้ต่อฟอร์ด วอลโว่น่าจะขายได้ และมีคนสนใจ ส่วนเมอร์คิวรี่คงจะยากหน่อย เพราะกลายเป็นแบรนด์ที่ไม่สามารถปั้นให้กลับมาสู่ตลาดได้ แถมลูกค้าก็เริ่มลดน้อยถอยลงอย่างต่อเนื่อง’
อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของฟอร์ดที่เปิดเผยออกมาหลังจากมีข่าวการประกาศซื้อหุ้นของทราซินด้าในครั้งนี้ระบุว่า ทางฟอร์ด มอเตอร์จะยังลงทุนในการทำตลาดของเมอร์คิวรี่ต่อไป และยังไม่มีการขายกิจการของวอลโว่ตามที่มีการพูดถึงกันก่อนหน้านี้
