ข่าวต่างประเทศ - โปรเจ็กต์การรวมกิจการระหว่างจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส กับไครสเลอร์ของเครือเซอร์เบอรุส แคปิตอล แมนเนจเมนต์ ส่อแววว่าจะล่มกลางคันแล้ว หลังจากที่ทางแบรนด์หมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกาออกมาเผยว่าโอกาสในการรวมกิจการมีน้อยมาก เพราะทางบริษัทประสบปัญหาในเรื่องสภาพคล่องเกี่ยวกับการหมุนเวียนของเงินสดอย่างมาก ทำให้บริษัทตัดสินใจเลือกการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ก่อนเป็นอันดับแรก
จากแถลงการณ์ของ ริค แวโกเนอร์ ประธานของจีเอ็ม ระบุว่า ในตอนนี้การรวมกิจการระหว่างจีเอ็มและไครสเลอร์กลายเป็นเป้าหมายในระยะกลางและยาวของบริษัทไปแล้ว เพราะแม้ว่าทางจีเอ็มจะเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการรวมกิจการในครั้งนี้ทั้งในเรื่องการลดต้นทุนการผลิตและการเสริมสร้างระบบการเงินของบริษัท แต่ก็เป็นผลดีในระยะยาวเท่านั้น ส่วนปัญหาที่จีเอ็มต้องเผชิญในตอนนี้ คือ เรื่องการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งเป็นปัญหาอันเร่งด่วนที่จีเอ็มต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด
‘ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นอันดับแรก เพราะนี่มีความสำคัญมากกว่า’ แวโกเนอร์กล่าว และตัวเขาเองก็ยืนยันว่า การเจรจากับทางไครสเลอร์เกี่ยวกับเรื่องรวมกิจการต้องยุติเอาไว้ก่อน เพียงแต่จะเป็นชั่วคราวหรือระยะยาวยังไม่มีการเปิดเผยในตอนนี้
การที่จีเอ็มตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเพราะปัญหาทางด้านการเงินที่ยังอยู่ในสภาพแย่สุดขีดอย่างต่อเนื่อง และมีรายงายระบุว่าในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จีเอ็มขาดทุนในการปฏิบัติงานไปมากถึง 6,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 242,000 ล้านบาท โดยที่มีอัตราการเผาเงินทิ้งในช่วงไตรมาสนี้เฉลี่ยเดือนละ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 80,500 ล้านบาทเลยทีเดียว
นั่นหมายความว่าจีเอ็มกำลังกระเป๋ารั่ว และเงินสดที่อยู่ในมือเริ่มหดหายอย่างต่อเนื่อง และจากขนาดบริษัทที่ใหญ่และมีระบบปฏิบัติการทั่วโลก ทำให้ทางนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์เผยว่า จีเอ็มจำเป็นจะต้องมีเงินสดติดกระเป๋าเอาไว้ใช้วันละ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 350,000 ล้านบาทสำหรับการดำเนินงานทั้งหมดของทุกบริษัทในเครือ ซึ่งประเด็นตรงนี้เป็นเรื่องที่ยากมากในสภาพเช่นนี้
จากแถลงการณ์ของ ริค แวโกเนอร์ ประธานของจีเอ็ม ระบุว่า ในตอนนี้การรวมกิจการระหว่างจีเอ็มและไครสเลอร์กลายเป็นเป้าหมายในระยะกลางและยาวของบริษัทไปแล้ว เพราะแม้ว่าทางจีเอ็มจะเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการรวมกิจการในครั้งนี้ทั้งในเรื่องการลดต้นทุนการผลิตและการเสริมสร้างระบบการเงินของบริษัท แต่ก็เป็นผลดีในระยะยาวเท่านั้น ส่วนปัญหาที่จีเอ็มต้องเผชิญในตอนนี้ คือ เรื่องการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งเป็นปัญหาอันเร่งด่วนที่จีเอ็มต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด
‘ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นอันดับแรก เพราะนี่มีความสำคัญมากกว่า’ แวโกเนอร์กล่าว และตัวเขาเองก็ยืนยันว่า การเจรจากับทางไครสเลอร์เกี่ยวกับเรื่องรวมกิจการต้องยุติเอาไว้ก่อน เพียงแต่จะเป็นชั่วคราวหรือระยะยาวยังไม่มีการเปิดเผยในตอนนี้
การที่จีเอ็มตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเพราะปัญหาทางด้านการเงินที่ยังอยู่ในสภาพแย่สุดขีดอย่างต่อเนื่อง และมีรายงายระบุว่าในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จีเอ็มขาดทุนในการปฏิบัติงานไปมากถึง 6,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 242,000 ล้านบาท โดยที่มีอัตราการเผาเงินทิ้งในช่วงไตรมาสนี้เฉลี่ยเดือนละ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 80,500 ล้านบาทเลยทีเดียว
นั่นหมายความว่าจีเอ็มกำลังกระเป๋ารั่ว และเงินสดที่อยู่ในมือเริ่มหดหายอย่างต่อเนื่อง และจากขนาดบริษัทที่ใหญ่และมีระบบปฏิบัติการทั่วโลก ทำให้ทางนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์เผยว่า จีเอ็มจำเป็นจะต้องมีเงินสดติดกระเป๋าเอาไว้ใช้วันละ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 350,000 ล้านบาทสำหรับการดำเนินงานทั้งหมดของทุกบริษัทในเครือ ซึ่งประเด็นตรงนี้เป็นเรื่องที่ยากมากในสภาพเช่นนี้
