xs
xsm
sm
md
lg

ซีพีเอฟยกระดับมาตรฐานการผลิต ชู“ไส้กรอกปลอดภัย” รุกพัฒนาสินค้าใหม่เจาะกลุ่มสูงวัย-ผู้ป่วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซีพีเอฟเปิดโรงงานหนองจอก โชว์กระบวนการผลิตไส้กรอกมาตรฐานระดับโลก ชี้พัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มระบบการผลิตอัตโนมัติแบบต่อเนื่อง ชูความปลอดภัยใส่ใจผู้บริโภค พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์มุ่งโอกาสใหม่ เจาะกลุ่มสูงวัยและผู้ป่วย

นายชัยวัฒน์ ปรีดิศรีพิพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า โรงงานอาหารสำเร็จรูปหนองจอก เป็นหนึ่งในโรงงานผลิตไส้กรอกของซีพีเอฟ มีกระบวนการผลิตที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีมาตรฐานระดับโลก ใช้ระบบการผลิตอัตโนมัติแบบต่อเนื่องตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงการจัดเก็บสินค้า (Completely Automation Line) เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย ไม่ใช้สารกันเสีย สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกขั้นตอนตั้งแต่การรับวัตถุดิบจนถึงการขนส่งมือลูกค้า

โรงงานฯ มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อความปลอดภัยของสินค้าอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้มีการนำระบบการจัดการคลังวัตถุดิบอัตโนมัติมาใช้ เป็นระบบจัดเก็บและเรียกใช้วัตถุดิบโดยไม่ใช้คนมาเกี่ยวข้อง และขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมปีนี้ เพื่อให้โรงงานสำเร็จรูปหนองจอกมีกระบวนการผลิตอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์แบบ

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ซีพีเอฟให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการผลิตไส้กรอกให้มีประสิทธิภาพ และมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทันสมัยระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการส่งออก และให้ความสำคัญกับระบบตรวจสอบและควบคุมคุณภาพสินค้าโดยดำเนินการภายใต้มาตรฐานสากล

“ซีพีเอฟใส่ใจกับการเลือกใช้ส่วนผสมในการผลิตไส้กรอก และทุ่มเทวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพดี รสชาติอร่อย มีความเป็นเอกลักษณ์ และได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ โดยสามารถคว้ารางวัลไส้กรอกยอดเยี่ยมจาก International Sausage Quality Competition จากงานมหกรรมสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ (IFFA) ที่ประเทศเยอรมนี 2 ปีซ้อน”

นอกจาก นี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ปลอดภัย โดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ด้วยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดเทอร์โมฟอร์มแบบฟิล์มหลายชั้น (Muti-layer thermoforming film) ซึ่งสามารถรักษาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ ร่วมกับการบรรจุอัตโนมัติเพื่อช่วยลดการปนเปื้อนระหว่างการบรรจุ ทำให้อายุการเก็บของผลิตภัณฑ์นานขึ้น โดยไม่ใช้สารกันเสีย และใช้กับไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย

โรงงานแห่งนี้ก่อตั้งมา 32 ปี เป็นหนึ่งในโรงงานซีพีเอฟที่ผลิตไส้กรอกภายใต้ แบรนด์ซีพี และแบรนด์บุชเชอร์ มีกำลังการผลิตไส้กรอก 5,000 ตันต่อเดือน มีกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยผ่านการรับรองจากมาตรฐานระดับโลก อาทิ ระบบการวิเคราะห์จุดวิกฤติที่ต้องควบคุมเพื่อความปลอดภัยอาหาร (Hazard Analysis and Critical Control Point: HACCP) รวมทั้งมาตรฐานด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ มาตรฐานการบริหารคุณภาพ (ISO 9001) การจัดการสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) และการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 18000 ตลอดจนการจัดการพลังงานตามมาตรฐานสากล (ISO 50001)

นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการสายธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า “ผลิตภัณฑ์ไส้กรอก” เป็นอาหารสำเร็จรูปของซีพีเอฟที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมาตลอด 30 ปี และมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาธุรกิจไส้กรอกของซีพีเอฟมีการเติบโต 5-6% ซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับเดียวกันกับตลาดรวม

สำหรับกระบวนการผลิตไส้กรอกซีพีมีมาตรฐานสูง ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากฟาร์มเลี้ยงสุกรในระบบปิด ให้ความสำคัญกับการใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัยต่อการบริโภคตามมาตรฐานของ อย. และมาตรฐานสากล ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติแบบต่อเนื่องเพื่อลดการสัมผัสมือคน ในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิในระดับ 4-12 องศาเซลเซียส ตลอดกระบวนการผลิต

นายสุขวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จากยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีความมั่นใจและเตรียมเปิดเดินเครื่องโรงงานผลิตไส้กรอกแห่งใหม่ที่มีกำลังการผลิต 60 ตัน/วัน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ที่จังหวัดนครราชสีมาในราวปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 โรงงาน คือกรุงเทพและสระบุรี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตไส้กรอกจากทั้ง 3 โรงงานรวม 100,000 ตัน/ปี

ส่วนกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (ready meal) บริษัทตั้งเป้าปีนี้จะเติบโต 12% จากการขยายตัวของร้านสะดวกซื้อ รวมธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงความนิยมของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังมีแผนขยายธุรกิจด้านอาหารสำเร็จรูปเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคแบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งจะประกอบด้วย 1.) ซอสสำเร็จรูป เครื่องแกง เครื่องปรุง โดยได้รับการอนุมัติงบลงทุนแล้วกว่า 700 ล้านบาท โดยจะดำเนินการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตได้กลางปี 2560 ซึ่งจะทำให้ซีพีเอฟสามารถเพิ่มกำลังการผลิตผลิสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว หรือคิดเป็น 3.3 ตัน 2.) อาหารมังสวิรัติ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยจะเน้นรสชาติอร่อยถูกปากคนไทย 3.) อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ตอบสนองจำนวนผู้สูงอายุที่มีมากขึ้นเนื่องจากวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่สูงขึ้น ทำให้คนอายุยืนยาวขึ้น และสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ลักษณะอาหารจะเคี้ยวง่าย ย่อยง่าย เหมาะสมกับอวัยวะภายในของผู้สูงวัย และ 4.) อาหารสำหรับผู้ป่วย ซึ่งจะมีลักษณะข้น รสจืด กลืนง่าย และไม่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการสำลัก

“การคำนึงถึงผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยเช่นนี้ ถือเป็นอีกบทบาทหนึ่งของผู้ผลิตอาหารอย่างซีพีเอฟ เชื่อว่าสินค้าเหล่านี้จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสองกลุ่มนี้ได้อย่างลงตัว เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และที่สำคัญ อาหารสำเร็จรูปทุกเมนูของซีพีเอฟถูกพัฒนาโดยนักวิชาการอาหารและนักโภชนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาหารสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยจะมีคณะแพทย์เข้ามากำกับดูแลควบคู่ไปด้วย ทำให้ทุกคนสามารถบริโภคได้อย่างมั่นใจทั้งความปลอดภัยในอาหารและคุณค่าทางโภชนา โดยอาหารสำเร็จรูปเหล่านี้จะออกสู่ตลาดในราวกลางปี 2560” นายสุขวัฒน์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น