โดย ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล (suwatmgr@gmail.com)
บรรยากาศการจัดงานฉลองต้อนรับปีใหม่ 2558 ยังคึกคักเช่นเดียวกับทุกปี เพราะวงการธุรกิจหวังใช้เทศกาลความรื่นเริงเช่นนี้ ช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าและเครื่องดื่ม จึงมีการโหมโฆษณา และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกันเป็นพิเศษ
จะว่าไปแล้ว เทศกาลฉลองปีใหม่ ก็นับว่ามีความหมายไม่น้อยหากมองให้ถูกประเด็น และตั้งต้นอย่างถูกทาง
ช่วงนี้เราได้เริ่มใช้ปฏิทินเล่มใหม่ เปิดการบันทึกหน้าใหม่ ก็น่าจะหวังให้เกิดเรื่องดีๆ ผลลัพธ์ดีๆ กันนะครับ
บ้างก็พากันจัดงานดื่มกิน เฮฮากันเมามาย แล้วปล่อยกายใจให้ย่ำแย่ เจอปัญหาเก่าๆ ตลอดปีใหม่ต่อไป
ถ้าเป็นเช่นนั้นการนับถอยหลังรอนาทีขึ้นปีใหม่ และกรีดเสียงเฮฮาราวกับเป็นเรื่องน่ายินดีมาก ทั้งๆ ที่ปัญหาเก่ายังรออยู่เต็มไปหมด
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จึงได้กล่าวเป็นคำคมยังว่า “มีแต่ คนบ้าเท่านั้น ที่ยังทำแต่สิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ แต่กลับหวังว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากเดิม”
จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ สสส. หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้จัดกิจกรรมสำคัญด้วยงาน “สวดมนต์ข้ามปี” นับเป็นการกระตุกสังคมให้สนใจสู่แนวทางสุขภาวะที่ยั่งยืน
ปีนี้ สสส.จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดที่บริเวณลานหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พร้อมวัดทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง
กิจกรรม “สวดมนต์ชำระจิตส่งท้ายปี สร้างบุญบารมี รับปีใหม่” ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ในวันที่ 31 ธันวาคม 2557 ถึง 01.00 น. วันที่ 1 มกราคม 2558
พระพรมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคมให้ความรู้ถึงคุณประโยชน์ที่เกิดกับคนที่สวดมนต์เป็นประจำว่า จะเกิดผลดีต่อร่างกายและจิตใจ ดังนี้
1. จิตสงบ เกิดความรู้สึกนึกคิดที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความดีงาม ย่อมส่งผลดีต่อร่างกาย เพราะเมื่อจิตสงบความสุขย่อมเกิด ร่างกายก็สมบูรณ์แข็งแรง
2. ไม่เคร่งเครียด หากความเครียดเกิดขึ้นก็จะผ่อนคลายลงจางหายไปในที่สุด
3. จิตใจสงบ เยือกเย็น ผู้ที่มีจิตใจเร่าร้อนอยู่เสมอ หากสวดมนต์เป็นประจำจะช่วยลดความเร่าร้อนทางอารมณ์ที่โหมไปด้วยเพลิงโทสะ เพลิงโมหะ เพลิงอิจฉาริษยาจะลดลงได้
4. หลับสบายตื่นก็เป็นสุข ที่นอนหลับยากการสวดมนต์จะช่วยปรับความสมดุลทางจิตทำให้หลับอย่างสบายไม่กระสับกระส่าย ตื่นขึ้นมา สดชื่น ไม่ง่วงซึม
5. ช่วยปรับความสมดุลของระบบทางเดินอาหารในกระเพาะ ความเครียดที่ทำให้เกิดระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เพราะน้ำย่อยหรือน้ำดีจะหลั่งออกมาจากตับ ทำให้ระคายเคืองผนังกระเพาะอาหาร ผู้ที่เครียดมักจะปวดท้องหรืออาเจียน
การสวดมนต์จะช่วยลดระดับการเกร็งของประสาททุกส่วนในร่างกาย จึงทำให้ความเครียดลดลง และทำให้ระบบทางเดินอาหารที่ผิดปกติหายได้
6. การปฏิบัติงานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะร่างกายมีสุขภาพดี จิตใจก็ได้ปลอดโปร่งมีความสุข การทำงานย่อมประสบผลสำเร็จ
7. เกิดความคิดสร้างสรรค์ ผู้ที่มีจิตปลอดโปร่ง เป็นสมาธิ ย่อมมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มากมาย
8. ย่อมเป็นที่รักและที่เมตตา ทั้งของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้สวดมนต์ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ย่อมได้รับการคุ้มครองรักษา
9. ครอบครัวย่อมมีความสุข มีอนาคต เพราะการสวดมนต์ ทำให้บุคคลรู้จักยับยั้งชั่งใจ มีสติรู้ผิดชอบชั่วดี มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ทุกคนในสังคมย่อมเป็นสุข ประเทศชาติย่อมเจริญก้าวหน้า
เห็นได้ชัดว่า มีผลดีจากการสวดมนต์ ซึ่งจะช่วยให้มีการฉลองต้อนรับปีใหม่ อย่างเป็นมงคลต่อชีวิตรับศกใหม่
แล้วเราจะเลือกการฉลองต้อนรับปีใหม่แบบไหนดี ลองพิจารณาข้อคิดจาก ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส.ดังนี้ครับ
“เชื่อว่าทุกท่านคงอยากให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่มีความสุข ปราศจากความทุกข์และเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของชีวิตตัวเอง ผมอยากชวนให้ทุกท่านตั้งจิตให้สงบ ทบทวนความสำเร็จ และความผิดพลาดในปีที่ผ่านมา เพื่อก้าวไปสู่ปีใหม่ ด้วยทิศทาง ที่เหมาะสม โดยการเรียนรู้จากบทเรียนปีที่ผ่านมา และวางทิศทางของชีวิตให้ดีขึ้น และทุกคนคงไม่พลาดเทศกาลสำคัญของช่วงนี้ คงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากงานสวดมนต์ข้ามปี”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม9กาญจนาภิเษก อุปมาว่า “หากเปรียบร่างกายมนุษย์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ การสวดมนต์ก็คือการป้อนข้อมูลที่ไม่มีไวรัสเข้าไป ทำให้ระบบต่างๆทำงานได้ดีขึ้น"
บทสวดมนต์ที่ท่านแนะนำคือ “บทพาหุง” ซึ่งจะช่วยป้องกันอันตราย และ “บทโพชฌงคสูตร”เพื่อช่วยให้ร่างกายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งเป็นพรที่ทุกคนปรารถนา
บรรยากาศการจัดงานฉลองต้อนรับปีใหม่ 2558 ยังคึกคักเช่นเดียวกับทุกปี เพราะวงการธุรกิจหวังใช้เทศกาลความรื่นเริงเช่นนี้ ช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าและเครื่องดื่ม จึงมีการโหมโฆษณา และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกันเป็นพิเศษ
จะว่าไปแล้ว เทศกาลฉลองปีใหม่ ก็นับว่ามีความหมายไม่น้อยหากมองให้ถูกประเด็น และตั้งต้นอย่างถูกทาง
ช่วงนี้เราได้เริ่มใช้ปฏิทินเล่มใหม่ เปิดการบันทึกหน้าใหม่ ก็น่าจะหวังให้เกิดเรื่องดีๆ ผลลัพธ์ดีๆ กันนะครับ
บ้างก็พากันจัดงานดื่มกิน เฮฮากันเมามาย แล้วปล่อยกายใจให้ย่ำแย่ เจอปัญหาเก่าๆ ตลอดปีใหม่ต่อไป
ถ้าเป็นเช่นนั้นการนับถอยหลังรอนาทีขึ้นปีใหม่ และกรีดเสียงเฮฮาราวกับเป็นเรื่องน่ายินดีมาก ทั้งๆ ที่ปัญหาเก่ายังรออยู่เต็มไปหมด
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จึงได้กล่าวเป็นคำคมยังว่า “มีแต่ คนบ้าเท่านั้น ที่ยังทำแต่สิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ แต่กลับหวังว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากเดิม”
จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ สสส. หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้จัดกิจกรรมสำคัญด้วยงาน “สวดมนต์ข้ามปี” นับเป็นการกระตุกสังคมให้สนใจสู่แนวทางสุขภาวะที่ยั่งยืน
ปีนี้ สสส.จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดที่บริเวณลานหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พร้อมวัดทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง
กิจกรรม “สวดมนต์ชำระจิตส่งท้ายปี สร้างบุญบารมี รับปีใหม่” ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ในวันที่ 31 ธันวาคม 2557 ถึง 01.00 น. วันที่ 1 มกราคม 2558
พระพรมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคมให้ความรู้ถึงคุณประโยชน์ที่เกิดกับคนที่สวดมนต์เป็นประจำว่า จะเกิดผลดีต่อร่างกายและจิตใจ ดังนี้
1. จิตสงบ เกิดความรู้สึกนึกคิดที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความดีงาม ย่อมส่งผลดีต่อร่างกาย เพราะเมื่อจิตสงบความสุขย่อมเกิด ร่างกายก็สมบูรณ์แข็งแรง
2. ไม่เคร่งเครียด หากความเครียดเกิดขึ้นก็จะผ่อนคลายลงจางหายไปในที่สุด
3. จิตใจสงบ เยือกเย็น ผู้ที่มีจิตใจเร่าร้อนอยู่เสมอ หากสวดมนต์เป็นประจำจะช่วยลดความเร่าร้อนทางอารมณ์ที่โหมไปด้วยเพลิงโทสะ เพลิงโมหะ เพลิงอิจฉาริษยาจะลดลงได้
4. หลับสบายตื่นก็เป็นสุข ที่นอนหลับยากการสวดมนต์จะช่วยปรับความสมดุลทางจิตทำให้หลับอย่างสบายไม่กระสับกระส่าย ตื่นขึ้นมา สดชื่น ไม่ง่วงซึม
5. ช่วยปรับความสมดุลของระบบทางเดินอาหารในกระเพาะ ความเครียดที่ทำให้เกิดระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เพราะน้ำย่อยหรือน้ำดีจะหลั่งออกมาจากตับ ทำให้ระคายเคืองผนังกระเพาะอาหาร ผู้ที่เครียดมักจะปวดท้องหรืออาเจียน
การสวดมนต์จะช่วยลดระดับการเกร็งของประสาททุกส่วนในร่างกาย จึงทำให้ความเครียดลดลง และทำให้ระบบทางเดินอาหารที่ผิดปกติหายได้
6. การปฏิบัติงานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะร่างกายมีสุขภาพดี จิตใจก็ได้ปลอดโปร่งมีความสุข การทำงานย่อมประสบผลสำเร็จ
7. เกิดความคิดสร้างสรรค์ ผู้ที่มีจิตปลอดโปร่ง เป็นสมาธิ ย่อมมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มากมาย
8. ย่อมเป็นที่รักและที่เมตตา ทั้งของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้สวดมนต์ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ย่อมได้รับการคุ้มครองรักษา
9. ครอบครัวย่อมมีความสุข มีอนาคต เพราะการสวดมนต์ ทำให้บุคคลรู้จักยับยั้งชั่งใจ มีสติรู้ผิดชอบชั่วดี มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ทุกคนในสังคมย่อมเป็นสุข ประเทศชาติย่อมเจริญก้าวหน้า
เห็นได้ชัดว่า มีผลดีจากการสวดมนต์ ซึ่งจะช่วยให้มีการฉลองต้อนรับปีใหม่ อย่างเป็นมงคลต่อชีวิตรับศกใหม่
แล้วเราจะเลือกการฉลองต้อนรับปีใหม่แบบไหนดี ลองพิจารณาข้อคิดจาก ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส.ดังนี้ครับ
“เชื่อว่าทุกท่านคงอยากให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่มีความสุข ปราศจากความทุกข์และเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของชีวิตตัวเอง ผมอยากชวนให้ทุกท่านตั้งจิตให้สงบ ทบทวนความสำเร็จ และความผิดพลาดในปีที่ผ่านมา เพื่อก้าวไปสู่ปีใหม่ ด้วยทิศทาง ที่เหมาะสม โดยการเรียนรู้จากบทเรียนปีที่ผ่านมา และวางทิศทางของชีวิตให้ดีขึ้น และทุกคนคงไม่พลาดเทศกาลสำคัญของช่วงนี้ คงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากงานสวดมนต์ข้ามปี”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม9กาญจนาภิเษก อุปมาว่า “หากเปรียบร่างกายมนุษย์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ การสวดมนต์ก็คือการป้อนข้อมูลที่ไม่มีไวรัสเข้าไป ทำให้ระบบต่างๆทำงานได้ดีขึ้น"
บทสวดมนต์ที่ท่านแนะนำคือ “บทพาหุง” ซึ่งจะช่วยป้องกันอันตราย และ “บทโพชฌงคสูตร”เพื่อช่วยให้ร่างกายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งเป็นพรที่ทุกคนปรารถนา
