xs
xsm
sm
md
lg

เอสซีจี เดินหน้าเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจทั่วอาเซียน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอสซีจี เร่งประสานพลังเครือข่ายทั่วอาเซียน เสริมสร้างความร่วมมือ เพิ่มศักยภาพ ย้ำไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นภาคบังคับที่ธุรกิจต้องทำเพื่อความยั่งยืน

​นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า เอสซีจีได้จัดงาน ASEAN Sustainable Development Symposium 2014 เพื่อสร้างความร่วมมือให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและขยายผล เพื่อให้ไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนทุกภาคส่วน โดยเป็นการประสานองค์ความรู้ให้เกิดความเชื่อมโยงตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ภาครัฐ ภาคเอกชนและสถาบันการเงิน รวมถึบตลาดหลักทรัพย์ฯ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม ธนาคารพาณิชย์ และเครือข่ายของสภาธุรกิจต่างๆ ซึ่งจะรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

​“จากสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลกที่จะมีมากกว่า 9,000 ล้านคนภายในอีก 35 ปีข้างหน้า ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติที่ร่อยหรอลงจากการอุปโภคบริโภค ผู้บริหารองค์กรชั้นนำกว่า 200 แห่งทั่วโลกต่างมีความเห็นเกี่ยวกับโลกธุรกิจตามวิสัยทัศน์ 2050 หรือ ปี 2593 ว่าภาคธุรกิจจะต้องตระหนักถึงการสร้างสมดุลพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษย์ และสมดุลแห่งทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งสร้างสรรค์และจรรโลงสังคมให้ดำเนินอยู่ในกรอบแห่งความดี ดังนั้น การพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงไม่ใช่ทางเลือกสำหรับองค์กร ว่าจะทำหรือไม่ทำ แต่เป็นวิถีปฏิบัติอันจำเป็นหรือ Must Have Agenda ที่จะต้องวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการประสานสมดุลระหว่างภาคเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเดินหน้าขับเคลื่อนทุกปัจจัยให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน”

​นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ประธานคณะกรรมการการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีกำหนดแนวทางด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นแผนแม่บทในการดำเนินธุรกิจ โดยเริ่มจากภายในองค์กรและขยายสู่ห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อาทิ การจัดหาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การยกระดับคู่ธุรกิจด้วย Greening the Supply Chain การสร้างมาตรฐานและให้การรับรองความปลอดภัยคู่ธุรกิจ การยกระดับพนักงานของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ผ่านการอบรมจากโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ (Skills Development School) และสร้างสังคมที่ยั่งยืนผ่านการแบ่งบันประสบการณ์และสร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรและชุมชน

​“ตัวอย่างความสำเร็จของการ Collaboration ของเอสซีจี อาทิ สมาคมเพื่อนชุมชน ซึ่งเกิดขึ้นโดยกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อยกระดับมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชน เพื่ออุตสาหกรรมและชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน หรือ โรงปูนรักษ์ชุมชน ที่สระบุรี โดยการร่วมมือของกลุ่มผู้ผลิตซีเมนต์ รวมถึงคู่แข่งทางธุรกิจที่ร่วมมือกัน เพื่อดูแลสังคมที่ยังยืน ความสำเร็จเช่นนี้ จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าแต่ละองค์กรยังต่างคนต่างทำ” นายรุ่งโรจน์ กล่าว

“วันนี้ทุกองค์กรต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่เพียงการแบ่งปันองค์ความรู้ ไม่ใช่แค่การทำกิจกรรมเพื่อสังคม หรือการส่งต่อและลงมือทำอย่างเต็มความสามารถ แต่ต้องเป็นความร่วมมืออย่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน ร่วมมือกันอย่างมีกลยุทธ์ทั้งในมิติเชิงกว้าง และเชิงลึก สร้างเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ทั่วทั้งอาเซียนเพื่อมุ่งขยายผลการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง” นายกานต์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น