กกร.ฝากการบ้านรัฐบาลใหม่เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ กระตุ้นแรงซื้อภาคประชาชน ดูแลราคาสินค้าเกษตร เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะปีหน้า พร้อมใช้เวที ABS ที่ฟิลิปปินส์ก.ย.แจงต่างชาติเรียกเชื่อมั่น ประเมินปีนี้จีดีพีคงโตได้แค่1.5-2% ส่งออกโตแค่1.2%
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ซึ่งได้แก่ สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และสภาหอการค้าไทย ว่า กกร.ต้องการให้รัฐบาลใหม่เร่งการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการบริโภคภาคประชาชนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตเศรษฐกิจครึ่งปีหลังและปี 2558 อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้การเติบโตเศรษฐกิจคงอยู่ได้ในระดับ1.5-2% การส่งออกคงโตได้เพียง1.2%
"จีดีพีที่โตได้ระดับดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นเพราะการส่งออกที่อาจโตไม่เป็นไปตามเป้าหมายแต่ภาพรวมครึ่งปีหลังก็เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวแล้วเมื่อรัฐบาลใหม่มาหากเร่งขับเคลื่อนการลงทุนรัฐได้ก็จะทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น "นายบุญทักษ์กล่าว
ทั้งนี้การลงทุนภาครัฐจะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเร็วสุดเพราะจะเกี่ยวข้องมายังการลงทุนของเอกชนส่วนหนึ่งซึ่งปัจจุบันการใช้งบประมาณปี57 ใช้ไปเพียง50% และงบประมาณใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มหากบริการจัดการอย่างประสิทธิภาพก็จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เร็ว นอกจากนี้ควรจะแก้ไขกฏระเบียบต่างๆ ให้เอกชนทำธุรกิจที่คล่องตัวขึ้น
สำหรับการปรับโครงสร้างราคาพลังงานซึ่งล่าสุดมีการลดราคาน้ำมันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับหนึ่งแต่การปรับควรจะมองเป็นแผนระยะยาวที่เน้นการใช้ที่มีประสิทธิภาพและมองความมั่นคง ส่วนครม.ชุดใหม่ก็เชื่อมั่นว่าจะเดินหน้าประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตามกกร.ก็จะเดินหน้าเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยกับต่างชาติโดยเฉพาะในเวทีความร่วมมือกันทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย(ABS) ครั้งที่5ระหว่าง 14-15กันยายนนี้ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
นายสุนพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลใหม่เร่งดูแลราคาสินค้าภาคเกษตรที่ขณะนี้มีราคาต่ำโดยต้องพิจารณาระยะสั้น กลางและยาวที่จะต้องเชื่อมโยงกันเพื่อให้เกิดการลดต้นทุนซึ่งจุดนี้จะมีส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นแรงซื้อ และต้องการให้รัฐบาลใหม่เปิดโอกาสให้เอกชนได้เข้าไปร่วมในเวทีภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
"เชื่อว่าขณะนี้รัฐเองก็พยายามกระตุ้นแรงซื้ออยู่โดยเฉพาะการปรับขึ้นของเงินเดือนราชการ การเร่งอนุมัติการลงทุนต่างๆ ที่ค้างอยู่ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ รวมถึงการผลักดันงบประมาณซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดน่าจะชัดเจนใน4เดือนนี้"นายสุพันธ์กล่าว
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้เพิ่มขึ้นเพราะหลายคนมีประสบการณ์อยู่แล้วเช่น รมช.พาณิชย์ รมว.อุตสาหกรมและสิ่งที่ต้องการเห็นคือการส่งเสริมธุรกิจการค้าให้เป็นแบบเสรี และส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนให้มากขึ้น
นายพรศิลป์ พัชรินทรัตนะกุล รองประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ต้องการให้ปฎิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริงอย่าเพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ทั้งนี้ต้องการให้รัฐบาลประกาศว่า ในช่วง 20 ปีข้างหน้ารายได้ประชาชาติ จะต้องเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว
เพื่อให้เป็นที่รับรู้ของประชาชนและเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ต้องเดินหน้าต่อไป
สำหรับเรื่องเร่งด่วนที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการคือ กระตุ้นการบริโภคของประชาชนในขอบเขตที่พอสมควร เนื่องจากขณะนี้ทั้งภาษีและดอกเบี้ยของไทยมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับต่างประเทศ ดูแลราคาสินค้าภาคเกษตรที่ขณะนี้ถือว่าเปราะบาง เป็นต้น
เอกชนจี้รัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งดำเนินการคือการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ หลังมั่นใจว่าการจัดทำงบประมาณประจำปี 2558 จะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ ซึ่งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวจะสร้างความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นรวมทั้งทิศทางที่ชัดเจนและการลงทุนของภาคเอกชนโดยเฉพาะต่างประเทศก็ยังมีเพิ่มขึ้นด้วยดี
ทั้งนี้ คงต้องรอรัฐบาลชุดใหม่แถลงนโยบายระยะสั้นและระยะยาว เพื่อพิจารณาว่าภาคเอกชนจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกื้อกูล ผลักดันประเทศชาติให้ก้าวหน้าต่อไป โดยยอมรับว่าตลาดส่งออกของไทยที่ขยายตัวลดลงนั้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 2/2557 แต่ความเชื่อมั่นดีขึ้นมาก
ส่วนประเด็นประชานิยมด้านพลังงานนั้นคงต้องมีการปฏิรูปพลังงาน ซึ่งจะมีการเจรจาว่าอะไรควร ไม่ควร ที่ผ่านมา ประเทศได้รับบทเรียนมาพอสมควรแล้ว หากจะมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศและความยั่งยืน
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ซึ่งได้แก่ สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และสภาหอการค้าไทย ว่า กกร.ต้องการให้รัฐบาลใหม่เร่งการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการบริโภคภาคประชาชนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตเศรษฐกิจครึ่งปีหลังและปี 2558 อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้การเติบโตเศรษฐกิจคงอยู่ได้ในระดับ1.5-2% การส่งออกคงโตได้เพียง1.2%
"จีดีพีที่โตได้ระดับดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นเพราะการส่งออกที่อาจโตไม่เป็นไปตามเป้าหมายแต่ภาพรวมครึ่งปีหลังก็เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวแล้วเมื่อรัฐบาลใหม่มาหากเร่งขับเคลื่อนการลงทุนรัฐได้ก็จะทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น "นายบุญทักษ์กล่าว
ทั้งนี้การลงทุนภาครัฐจะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเร็วสุดเพราะจะเกี่ยวข้องมายังการลงทุนของเอกชนส่วนหนึ่งซึ่งปัจจุบันการใช้งบประมาณปี57 ใช้ไปเพียง50% และงบประมาณใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มหากบริการจัดการอย่างประสิทธิภาพก็จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เร็ว นอกจากนี้ควรจะแก้ไขกฏระเบียบต่างๆ ให้เอกชนทำธุรกิจที่คล่องตัวขึ้น
สำหรับการปรับโครงสร้างราคาพลังงานซึ่งล่าสุดมีการลดราคาน้ำมันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับหนึ่งแต่การปรับควรจะมองเป็นแผนระยะยาวที่เน้นการใช้ที่มีประสิทธิภาพและมองความมั่นคง ส่วนครม.ชุดใหม่ก็เชื่อมั่นว่าจะเดินหน้าประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตามกกร.ก็จะเดินหน้าเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยกับต่างชาติโดยเฉพาะในเวทีความร่วมมือกันทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย(ABS) ครั้งที่5ระหว่าง 14-15กันยายนนี้ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
นายสุนพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลใหม่เร่งดูแลราคาสินค้าภาคเกษตรที่ขณะนี้มีราคาต่ำโดยต้องพิจารณาระยะสั้น กลางและยาวที่จะต้องเชื่อมโยงกันเพื่อให้เกิดการลดต้นทุนซึ่งจุดนี้จะมีส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นแรงซื้อ และต้องการให้รัฐบาลใหม่เปิดโอกาสให้เอกชนได้เข้าไปร่วมในเวทีภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
"เชื่อว่าขณะนี้รัฐเองก็พยายามกระตุ้นแรงซื้ออยู่โดยเฉพาะการปรับขึ้นของเงินเดือนราชการ การเร่งอนุมัติการลงทุนต่างๆ ที่ค้างอยู่ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ รวมถึงการผลักดันงบประมาณซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดน่าจะชัดเจนใน4เดือนนี้"นายสุพันธ์กล่าว
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้เพิ่มขึ้นเพราะหลายคนมีประสบการณ์อยู่แล้วเช่น รมช.พาณิชย์ รมว.อุตสาหกรมและสิ่งที่ต้องการเห็นคือการส่งเสริมธุรกิจการค้าให้เป็นแบบเสรี และส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนให้มากขึ้น
นายพรศิลป์ พัชรินทรัตนะกุล รองประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ต้องการให้ปฎิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริงอย่าเพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ทั้งนี้ต้องการให้รัฐบาลประกาศว่า ในช่วง 20 ปีข้างหน้ารายได้ประชาชาติ จะต้องเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว
เพื่อให้เป็นที่รับรู้ของประชาชนและเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ต้องเดินหน้าต่อไป
สำหรับเรื่องเร่งด่วนที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการคือ กระตุ้นการบริโภคของประชาชนในขอบเขตที่พอสมควร เนื่องจากขณะนี้ทั้งภาษีและดอกเบี้ยของไทยมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับต่างประเทศ ดูแลราคาสินค้าภาคเกษตรที่ขณะนี้ถือว่าเปราะบาง เป็นต้น
เอกชนจี้รัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งดำเนินการคือการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ หลังมั่นใจว่าการจัดทำงบประมาณประจำปี 2558 จะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ ซึ่งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวจะสร้างความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นรวมทั้งทิศทางที่ชัดเจนและการลงทุนของภาคเอกชนโดยเฉพาะต่างประเทศก็ยังมีเพิ่มขึ้นด้วยดี
ทั้งนี้ คงต้องรอรัฐบาลชุดใหม่แถลงนโยบายระยะสั้นและระยะยาว เพื่อพิจารณาว่าภาคเอกชนจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกื้อกูล ผลักดันประเทศชาติให้ก้าวหน้าต่อไป โดยยอมรับว่าตลาดส่งออกของไทยที่ขยายตัวลดลงนั้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 2/2557 แต่ความเชื่อมั่นดีขึ้นมาก
ส่วนประเด็นประชานิยมด้านพลังงานนั้นคงต้องมีการปฏิรูปพลังงาน ซึ่งจะมีการเจรจาว่าอะไรควร ไม่ควร ที่ผ่านมา ประเทศได้รับบทเรียนมาพอสมควรแล้ว หากจะมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศและความยั่งยืน