xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ ชี้ ไตรมาส 3 หุ้นอาจปรับฐานลงบ้าง พร้อมคาดกลางปีหน้าจ่อแตะ 1,600 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


MBKET ชี้ ดัชนีไตรมาส 3/57 อาจปรับฐานลงบ้าง 3-5% ก่อนเดินหน้าไปต่อได้ พร้อมคาดครึ่งปีหลัง ดัชนีอาจผันผวนจากนโยบายต่างๆ ที่มีทั้งบวกและลบต่อตลาดฯ พร้อมประเมินระยะ 12 เดือนข้างหน้า ดัชนีมีแนวโน้มไต่ระดับไปจ่อที่ 1,600 จุด

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3/57 นี้ ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET มีโอกาสปรับฐานลงบ้าง หลังมีการรัฐประหาร ซึ่งเป็นไปตามสถิติที่เกิดขึ้นในปี 2549 ขณะเดียวกัน ดัชนีในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

โดยมองว่าการปรับฐานครั้งนี้ ดัชนีอาจปรับลดลงมา 3 - 5% หรือมาที่ดัชนีระดับ 1,540 - 1,480 จุด แต่เชื่อว่าจะไม่ปรับลงไปมากนัก เนื่องจากระยะยาวแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มดัชนีช่วงครึ่งปีหลังอาจมีความผันผวน จากนโยบายต่างๆ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีผลกระทบทั้งในด้านบวกและด้านลบต่อตลาด ทั้งนี้มองว่าควรติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯ ที่จะออกมา ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่จะช่วยให้เศรษฐกิจมีการเติบโตต่อจากนี้ไป โดยมองว่าระดับเหมาะสมในปีนี้จะอยู่ที่ 1,500 จุด จากการคาดการณ์ของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และดัชนีใน 12 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ 1,507 - 1,576 แต่จะไม่เกิน 1,600 จุด

ขณะที่ประเมินว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ราว 3 - 4 หมื่นล้านบาท/วัน จากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท/วัน โดยในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองสงบลงส่งผลให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น นักลงทุนจึงกลับเข้ามาซื้อขายเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะปรับฐานลงมาในช่วงไตรมาส 3 นี้ ตามสถิติในปี 2549 ที่มีสถานการณ์ทางการเมืองและมีการรัฐประหารแบบปัจจุบัน แต่ฝ่ายวิจัยมองว่ากรับปรับฐานครั้งนี้จะไม่ลงไปลึกมาก เนื่องจากมองว่า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 1 เป็นช่วงที่ต่ำสุดแล้ว หลังจากนี้จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ระหว่างทางก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลตลาดหุ้นไทยอาจจะมีความผันผวนบ้างเนื่องจากนโยบายของ คสช.บางอย่างส่งผลบวก และบางอย่างส่งผลลบ

สำหรับปัจจัยที่ควรติดตามต่อจากนี้ไป คือ การจัดตั้งรัฐบาล การปฏิรูปการเมือง ความคืบหน้าในการปฏิรูปนโยบายด้านพลังงาน รวมถึงการประมูลคลื่นความถี่ของกลุ่มสื่อสาร ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ ความชัดเจนของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรปและจีน เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปีนี้และปี 2558

หลังการรัฐประหาร และมี คสช. เข้ามาบริหารประเทศ คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้ของไทยจะมีการเติบโตได้ราว 2.5% สอดคล้องกับกระทรวงการคลังที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะสามารถเติบโตได้ 1.6% โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตจากการใช้จ่ายงบประมาณ ปี 2557 - 2558 ของภาครัฐ รวมถึงการส่งออกที่จะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศจีน รวมถึงการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (CLMV) ที่ในช่วงที่ผ่านมาเติบโตถึง 8%

แต่การบริโภคภายในประเทศอาจไม่ใช่ตัวหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจในปีนี้มากนัก เนื่องจากปัจจุบันหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรยังไม่ดีนัก ส่งผลให้การบริโภคในประเทศจะไม่กลับมาเร็ว

ทั้งนี้ แนะนำการลงทุนในหุ้นที่มีความน่าสนใจ คือ กลุ่มวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯที่จะเกิดขึ้น โดยแนะนำ CK, ITD, STEC และ UNIQ

นอกจากนั้น ในช่วงต่อจากนี้ใกล้เข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว จึงแนะนำหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องทั้งขนส่ง รวมไปถึงโรงแรม โดยเชื่อว่าจะได้รับผลดีจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองสงบลงแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น