xs
xsm
sm
md
lg

เลิกบิดเบือนราคา ธปท.แนะกระตุ้นศก.รวม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ผู้ว่าการ ธปท.แนะเลิกบิดเบือนราคา ทั้งพลังงาน-ข้าว รวมถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบไร้เหตุผล แนะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ชี้ดอกเบี้ยนโยบาย 2%เหมาะการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ระบุภาระหนี้ครัวเรือนสูง ทำกำลังซื้อหด ขณะนี้เศรษฐกิจทรงตัวและหยุดไหลลงเครื่องยนต์หลายตัวเริ่มทำงาน คาดผลเกิดขึ้นได้อานิสงส์เศรษฐกิจไทยปี 58

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การเกิดรัฐประหารในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในช่วงแรกอาจมีผลต่อตลาดการเงินบ้าง โดยค่าเงินบาทอ่อนค่า แต่เพียงไม่นานกลับเข้าสู่ภาวะปกติและขณะนี้เท่าที่ดูเครื่องชี้ตลาดการเงินต่างๆ สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยมากขึ้น รวมถึงในรายงานบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือก็มองว่าไปในทิศทางยืนยันความเชื่อมั่นเครดิตของประเทศ จึงมองว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็น แต่กลับเป็นความท้าทายระยะปานกลางเกี่ยวกับการบริหารจัดการแก้ไขจุดอ่อนของประเทศ ซึ่งนำพาประเทศสู่ความเข้มแข็งและมีความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น
“เท่าที่ติดตามในขณะนี้ หลายหน่วยงานแยกย้ายกันเสนอสิ่งที่อยากทำ แต่ทาง คสช.ยังไม่ได้รวบรวมแผนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ปกติแผนโรดแมปต่างๆ ในประเทศไทยมีค่อนข้างเยอะ แต่การเขียนเล่มหนาๆ มองว่าไม่ใช่สาระสำคัญ ดังนั้น การจัดทำแผนโรดแมปในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแสดงถึงความตั้งใจว่าจะทำอะไร ซึ่งการเรียกร้องความเชื่อมั่นได้ดีที่สุด คือการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจแบบมีเหตุมีผล เพราะโจทย์เศรษฐกิจที่มีเหตุผลจะคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ถือเป็นการรักษาความเชื่อมั่นได้ดีในมุมมองเขามองเรามา” ผู้ว่าการธปท.กล่าว
แม้คสช.มีแผนปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งเป็นปัจจัยด้านอุปทาน แต่เวลานี้อุปสงค์ไม่ได้มีแรงกดดันมากนัก โดยเมื่อมองไปข้างหน้าราคาน้ำมันตลาดโลกไม่ได้สูงมาก ขณะที่ราคาพลังงานของไทยมีโจทย์เก่าที่ต้องคลี่คลาย เพราะกดราคาทำได้เพียงช่วงสั้นๆ แต่ถ้าไม่แก้ไขจะมีผลข้างเคียงในอนาคต ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดให้ทุกอย่างสอดคล้องกับความเป็นจริงและการบริหารจัดการควรเลือกจังหวะเวลาเหมาะสม ยกตัวอย่างเข้าใจได้ง่าย ราคาข้าวเปลือกตันละ 8,000 บาท แต่รับซื้อตันละ 15,000 บาท เป็นการทำตรงกันข้าม หรือกรณีกรุงเทพพฯ รถติดควรสร้างขนส่ง แต่กลับเป็นว่าใครซื้อรถยนต์จะแถมเงินให้ ถือว่าไม่สมเหตุสมผล อย่าทำเรื่องพวกนี้

**ดบ.นโยบายสนับสนุนการฟื้นตัวศก.**
ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ในปี 57 เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโต แต่ในอัตราไม่สูงนัก และเท่าที่ดูตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดก็ไม่ไหลลงแล้ว เพราะขณะนี้เครื่องยนต์หลายตัวเริ่มมีสัญญาณการทำงานและเครื่องยนต์เริ่มกลับมาติดอีกครั้ง ประกอบกับพื้นฐานเศรษฐกิจต่างๆ ยังดีอยู่ ซึ่งความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศก็ไม่มีปัญหา ทำให้เศรษฐกิจน่าจะกระเตื้องขึ้นมาได้ และถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรพิเศษ การเติบโตเศรษฐกิจจะดีขึ้นในปี 58
“ขณะนี้นโยบายการเงินสนับสนุนเศรษฐกิจไทยอยู่แล้ว ซึ่งไปในทิศทางสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2%ต่อปี ถือว่าค่อนข้างต่ำ สภาพคล่องในระบบมีปริมาณมากก็ไม่ใช่ปัญหา ค่าเงินบาทก็มีเสถียรภาพ เช่นเดียวกับสถาบันการเงินมีฐานะมั่นคงแข็งแกร่ง จึงมองว่าปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้ไม่เป็นอุปสรรคทั้งช่วยเศรษฐกิจฟื้นตัวและการเติบโตในอนาคต”
ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดแสดงอาการทรงตัว และบางตัวมีสัญญาณชี้ไปในทิศทางดีขึ้น แต่อาจจะติดข้อจำกัดบางอย่าง ทำให้การเติบโตเศรษฐกิจไม่มากนักในปีนี้ โดยเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ข้อมูลเศรษฐกิจทรงตัวและนิ่งไม่ไหลลง ส่วนสัญญาณล่วงหน้าอย่างความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นจากการสำรวจรูปแบบต่างๆ ขณะที่การใช้จ่ายไม่แสดงพลังมากนัก เพราะภาคครัวเรือนมีหนี้สินสูง ทำให้กำลังซื้อไม่สูงเต็มที่ ด้านการลงทุน ทุกคนรอดูให้ปัจจัยต่างๆ เข้าที่เข้าทาง การลงทุนภาคเอกชนก็จะตามมา
ภาคการคลังจากที่หลายคนห่วงค่อนข้างมากว่าเครื่องจักรตัวนี้จะไม่ทำงาน เพราะขาดรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม แต่ในตอนนี้เครื่องจักรตัวนี้เครื่องติดแล้วเห็นได้จากการจัดทำงบประมาณปี 58 จากเดิมมองว่าจะเลื่อนไปถึงเดือนเม.ย.ปีหน้า แต่กลับมาเป็นเดือนต.ค.นี้ แต่คาดว่าอานิงสงส์เหล่านี้จะแสดงผลในปีหน้า ส่วนภาคส่งออกไทยคงไม่ได้เป็นดาราเอกในปีนี้ แต่ไม่ใช่ตัวฉุดเศรษฐกิจไทย เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเชื่อมโยงไปยังประเทศคู่ค้ายังฟื้นตัวแบบอ่อนๆ
นายประสาร กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาเงินทุนไหลออก แต่กลับมีเงินทุนไหลเข้ามาด้วยซ้ำอย่างในตลาดหุ้น หลายวันก่อนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ ส่วนวันขายสุทธิมีบ้างเล็กน้อย ขณะที่ตลาดพันธบัตรไม่มีอาการอะไรแสดงว่ามีเงินทุนไหลออก ขณะที่เงินบาทเคลื่อนไหวขึ้นลงไม่เกิน 50 สตางค์ต่อวัน เทียบกับสกุลเงินภูมิภาค
พบว่า เงินบาทมีค่าความผันผวน 4%กว่า ถือว่าอยู่ระดับกลางๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะต้องติดตามต่อไป เพราะยังมีปัจจัยต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่เชื่อว่าไทยสามารถรับมือได้ไม่มีปัญหา.
กำลังโหลดความคิดเห็น