บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประมาณการณ์ตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลังทยอยฟื้นตัวตามกำไรของบริษัทจดทะเบียน ชี้กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง และท่องเที่ยว รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นตัว วอลุ่มเทรดพลิกกลับมาบวกเฉลี่ย 30,000 - 40,000 ล้านบาท/วัน คาดดัชนีจะเคลื่อนใหวในกรอบ 1,507 - 1,576 จุด
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3/57 นี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET Index มีโอกาสปรับฐานลงบ้างหลังจากที่มีการรัฐประหาร ซึ่งเป็นไปตามสถิติที่เกิดขึ้นในปี 2549 ในขณะเดียวกัน ดัชนีในช่วงที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าการปรับฐานครั้งนี้ดัชนีอาจปรับลดลงมา 3 - 5% หรือมาที่ดัชนีระดับ 1,540 - 1,480 จุด แต่เชื่อว่าจะไม่ปรับลงไปมากนัก เนื่องจากระยะยาวแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจรอบ 6 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทฯประเมินว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดเสี่ยงที่สุดไปแล้ว ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนั้น มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในไตรมาสที่ 4 โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการลงทุน การส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นต่อไป กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง และท่องเที่ยว สำหรับปัจจัยที่ควรติดตามต่อจากนี้ไป คือ การจัดตั้งรัฐบาล การปฏิรูปการเมือง ความคืบหน้าในการปฏิรูปนโยบายด้านพลังงาน รวมถึง การประมูลคลื่นความถี่ของกลุ่มสื่อสาร ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ ความชัดเจนของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรปและจีน เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปีนี้และปี 2558
“บริษัทฯประมาณการว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะปรับฐานลงมาในไตรมาส 3 นี้ตามสถิติอ้างอิงจากเหตุการณ์ในปี 2549 ที่มีสถานการณ์ทางการเมืองและมีการรัฐประหารเหมือนที่เคยเกิดขึ้นนี้ แต่ก็มองว่าการปรับฐานในครั้งนี้จะไม่ลดลงมากนัก เพราะว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 1 เป็นช่วงตกต่ำที่สุดแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ในระหว่างก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ตลาดหุ้นไทยอาจจะมีความผันผวนบ้าง เพราะนโยบายของ คสช. ยังคงมีแค่กรอบการทำงานซึ่งไม่สรุปผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ของไทยจะมีการเติบโตที่ประมาณ 2.5% สอดคล้องกับกระทรวงการคลังที่คาดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะสามารถเติบโตได้ราว 1.6% โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตจากการใช้จ่ายงบประมาณ ปี 2557 - 2558 ของภาครัฐ รวมถึงภาคการส่งออกที่จะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะตลาดประเทศจีน ตลอดจนถึงการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (CLMV) ที่จะเติบโตถึง 8% ขณะที่การบริโภคภายในประเทศอาจไม่เติบโตมากนักในปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรยังคงตกต่ำทำให้การบริโภคในประเทศจะไม่กลับมาในเวลาที่รวดเร็ว”
ขณะเดียวกัน แนวโน้มดัชนี SET INDEX ในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะมีความผันผวนทั้งในด้านบวกและด้านลบต่อตลาด ซึ่งประเด็นสำคัญจะอยู่ที่การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯที่จะออกมา โดยจะเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจมีการเติบโตไปอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าดัชนี SET Index ที่เหมาะสมในปีนี้จะอยู่ที่ 1,500 จุด จากประมาณการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ขณะที่แนวโน้ม SET INDEX ในอนาคตอีก 12 เดือนข้างหน้า กรอบดัชนีจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,507 - 1,576 แต่จะไม่เกิน 1,600 จุด ส่วนวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 - 40,000 ล้านบาท/วัน จากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท/วัน โดยในช่วงครึ่งปีหลังวอลุ่มการซื้อขายจะปรับตัวขึ้น เพราะจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น นักลงทุนจึงกลับเข้ามาซื้อขายเพิ่มมากขึ้น โดยหุ้นที่จะได้รับอานิสงส์ ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯที่จะเกิดขึ้น โดยแนะนำ CK, ITD, STEC, UNIQ