xs
xsm
sm
md
lg

“PTTGC” ผลประกอบการอาจฟุบ เหตุขาดความชัดเจนโครงสร้างราคาพลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“MBKET” ชี้ผลประกอบการไตรมาส 2 PTTGC อาจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้และมีแนวโน้มจะนำไปสู่การถูกปรับลดประมาณการตามมา พร้อมปรับลดาคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 72 บาท/หุ้น จากเดิม 84 บาท/หุ้น เหตุไร้ทิศทางความชัดเจนนโยบายของการปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน แนะเลือกลงทุน PTT/PTTEP ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

นักวิเคราะห์จาก บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET กล่าวว่า ภาพรวมในระยะสั้นของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC ยังคงถูกกดดันจากความเสี่ยงในเรื่องนโยบายของการปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน โดยเฉพาะในเรื่องราคา LPG ที่ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2 อาจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้และมีแนวโน้มจะนำไปสู่การถูกปรับลดประมาณการตามมา  ซึ่งปัจจัยกดดันดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกัน จนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของแผนนโยบายปฏิรูปพลังงานและปิโตรเคมี ทั้งนี้ นักลงทุนควร Trading Buy  และกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นควรซื้อสะสม PTTEP/ PTT ที่มีความเสี่ยงจากประเด็นดังกล่าวน้อยกว่า โดยราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 72 บาท (จากเดิมที่ 84 บาท)
 
อย่างไรก็ดี คาดกำไร ในไตรมาสที่ 2 ของ PTTGC อ่อนตัวเทียบจากไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยประมาณการกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะอยู่ที่ 6,135 ล้านบาท (ปรับเพิ่มขึ้น 47.1% เทียบสัดส่วนทั้งปีกับปีที่แล้ว และลดลง -2.5% เทียบสัดส่วนไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว) ซึ่งผลประกอบการที่อ่อนตัวเทียบสัดส่วนไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว คาดว่าจะสร้างความผิดหวังให้กับตลาดอย่างมาก เพราะส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายจ่าย impairment จากการปรับสายการผลิตที่ Vencorex จำนวน 1,050 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติคาดเพิ่มขึ้น 30.4%  เทียบสัดส่วนไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว เป็นผลจากการใช้กำลังการผลิตโอเลฟินส์แครกเกอร์และ PE ที่เพิ่มขึ้นเป็น 90/106% จาก 77/93% ในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา และธุรกิจโรงกลั่นปรับตัวดีขึ้นตามค่าการกลั่นรวม ที่เพิ่มขึ้น 50.5%  เทียบสัดส่วนไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้วเป็น 6.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 1.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากการขาดทุน 0.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมาโดยมีการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นอยู่ที่ 103% จาก 101% ในไตรมาสที่ 2 อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการถูกกดดันจากธุรกิจอะโรเมติกส์ตาม Product to feed margin ที่ลดลง 48.8% เทียบเฉลี่ยไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้วเป็น 85 เหรียญสหรัฐต่อตัน  
 
ทั้งนี้ การปรับลดประมาณการส่วนใหญ่เป็นผลจากรายจ่ายพิเศษปี 2557-2558 ลง 8.3 และ 1.2% เหลือ 30,640 และ 34,770 ล้านบาท จากการปรับลดส่วนต่างราคา PX ปี 2557-2558 ลง 3.7% เหลือ 337 เหรียญสหรัฐต่อตัน สำหรับปี 2557 ยังทำการปรับลดการใช้กำลังการผลิตโอเลฟินส์จาก 95% เหลือ 92% และรวมรายจ่ายการตจัดจำหน่ายของ Vencorex ที่เกิดในไตรมาสที่ 2 ไว้ในประมาณการ หากผลประกอบการในไตรมาสที่ 2  เป็นไปตามคาด กำไรครึ่งปีแรกจะคิดเป็น 40.6% ของประมาณการใหม่และ 35.5% ของค่าเฉลี่ยของตลาด ในระยะสั้นจึงมีความเสี่ยงที่จะเห็นการปรับลดประมาณการของตลาดตามมา
 
ขณะเดียวกัน ในส่วนของการประเมินมูลค่าราคาเป้าหมายใหม่ที่ 72 บาท/หุ้น (จากเดิมที่ 84 บาท/หุ้น) อ้างอิง PBV เฉลี่ยที่ 1.35 เท่า ลดจากที่ให้ premium (+0.5SD ที่ 1.48 เท่า) หลังความเสี่ยงจากการปฏิรูปอาจส่งผลกระทบต่อประมาณการระยะยาว (กรณีเลวร้ายที่สุด 18.9% ของประมาณการปี 2558) และเพิ่ม discount อีก 4 บาท บนสมมติฐานที่จะถูกปรับราคาขึ้นเป็นกรณีเลวร้ายที่สุด 25% อ้างอิง PER เฉลี่ยที่ 11 เท่า ในเชิงปัจจัยพื้นฐานเราปรับคำแนะนำลงเป็น Trading Buy จากการซื้อ แต่ในเชิงกลยุทธ์จากความไม่ชัดเจนแนะนำให้เปลี่ยนซื้อสะสมในหุ้น PTT/PTTEP ที่มีความเสี่ยงน้อย
 


กำลังโหลดความคิดเห็น