xs
xsm
sm
md
lg

ลดน้ำหนักหุ้นพลังงานรับแผนปรับโครงสร้าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - นักวิเคราะห์จับตาหุ้นกลุ่มพลังงานหลัง คสช.สั่ง “ปรับโครงสร้างพลังงานประเทศไทย” โดยแนวทางการปรับโครงสร้างพลังงานยังไม่ชัดเจนและอาจใช้เวลายาวนาน ทำให้ยากต่อการประเมินผลกระทบต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน หลายค่ายจึงปรับคำแนะนำในการลงทุน

ภายหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งที่ 54/2557 ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เพื่อให้บริหารนโยบาย แผนงาน และมาตรการด้านพลังงานของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานกรรมการ แม้เราคาดว่าจะนำไปสู่การปรับโครงสร้างพลังงานของประเทศตามมา และแนวทางการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีและเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันมีโอกาสเป็นไปได้มากสุดในมุมมองของเรา ซึ่งจะส่งผลกระทบจำกัดต่อผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี แนวทางการปรับโครงสร้างพลังงานจากคณะกรรมการฯ ยังไม่ชัดเจนและอาจใช้เวลายาวนาน ทำให้ยากต่อการประเมินผลกระทบ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน

โดยฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป คาดการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันไม่กระทบผู้ประกอบการโรงกลั่น เนื่องจากโครงสร้างราคาน้ำมันของไทยในปัจจุบันประกอบด้วย 1) ราคา ณ โรงกลั่น 2) ภาษีสรรพสามิต 3) ภาษีเทศบาล 4) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 5) กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 6) ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ 7) ค่าการตลาด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ประเมินว่าแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานมีความเป็นไปได้ที่จะปรับปรุงในส่วนของการจัดเก็บภาษีและเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นลำดับแรก เนื่องจากราคาน้ำมัน (ณ 9 มิ.ย. 57) ที่สูงของเบนซิน (48.75 บาท/ลิตร) แก๊สโซฮอล95 อี10 (40.73 บาท/ลิตร) และแก๊สโซฮอล91 อี10 (38.28 บาท/ลิตร) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกว่า 22-25% ของราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมัน รวมถึงเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนอนุรักษ์พลังงานอีกราว 4-21% ขณะที่ราคาแก๊สโซฮอล95 อี85 (24.58 บาท/ลิตร) และดีเซล (29.99 บาท/ลิตร) ได้รับการอุดหนุนและจัดเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า

สำหรับการกำหนดราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น ซึ่งเป็นราคาตั้งต้น ประเมินว่ามีความสมเหตุสมผลเนื่องจากเป็นราคาเสมอภาคกับการนำเข้า (Import Parity Basis) โดยอิงจากราคา CIF สิงคโปร์ (ราคาสิงคโปร์บวกค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายต่างๆ ถึงท่าเรือเมืองไทย) บวกด้วยค่าปรับปรุงคุณภาพ ดังนั้น จึงคาดว่าแนวโน้มการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันที่จะเกิดขึ้นไม่มีผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันทั้ง BCP, ESSO, IRPC, PTTGC, SPRC, TOP พร้อมกันนี้ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด”

ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ คาดว่าการปฏิรูปพลังงานจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ แต่ยังมองว่าความพยายามที่จะแก้ปัญหาสัมปทานในอ่าวไทยจะเป็นผลดีต่อ PTTEP ในระยะยาว รวมถึงแนวทางยกเลิกการอุดหนุนราคาพลังงาน จะเป็นผลกระทบในด้านบวกต่อหุ้นโรงกลั่นอย่าง TOP, IRPC และ BCP เนื่องจากจะมีการลดราคาน้ำมันเบนซิน แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ PTT อาจจะเป็นจุดจบของการผูกขาดการส่งก๊าซ หรืออาจถูกยึดคืนทรัพย์สินเนื่องจากต้องคืนท่อส่งผ่านก๊าสธรรมชาติมูลค่า 16,000 ล้าน ให้รัฐฯ ตามคำวินิจฉัยศาลเมื่อเดือนธันวาคม 2550 โดยฝ่ายที่ต่อต้าน PTT เสนอให้ค้นหาสัมปทานให้มากกว่านี้จากรัฐ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ คิดว่าประเด็นนี้จะกลายเป็นจุดจบของการผูกขาดธุรกิจการส่งผ่านท่อส่งก๊าซของ PTT แต่บริษัทก็จะยังมีสินทรัพย์คงอยู่อย่างน้อยประมาณ 1 แสนล้าน ขณะเดียวกันฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ มองเว่าการแก้ปัญหาสัมปทานในอ่าวไทยจะเป็นประโยชน์ต่อ PTTEP ซึ่งทำให้เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ PTTEP และ “ถือ”สำหรับ PTT, IRPC, TOP และ PTTGC

ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ประเมินว่าค่าการกลั่นในตลาดเอเชียยังจะได้รับแรงกดดันจากนำมันชนิดกลาง ซึ่งประกอบด้วย น้ำมันดีเซล, น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินและน้ำมันก๊าด) โดยค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลลดลง 4 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล หรือลดง -23% จากช่วงปลายเม.ย. นับเป็นราคาทึ่ ต่ำที่สุดในรอบ 17 เดือน ซึ่งเป็นผลจากความต้องการที่ต่ำลงของจีนและการลดการสนับสนุนในตลาดสำคัญอย่างอินเดีย แม้ว่าข่าวดีคือตลาดในฝั่งตะวันตกเริ่มมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยในตลาดอเมริกาความต้องการเพิ่ม6.5%YoY ในเดือนเม.ย.-พ.ค. ส่วนตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น 2%YoY ในไตรมาสที่ 1/57 ซึ่งในช่วงที่ปี 2552-2556 ในช่วงสั้นเราคาดจะเห็นความเสี่ยงจากการกลับคืนมาของกำลังการผลิตหลังการปิดปรับปรุงขนาดใหญ่ในภาพรวมได้เข้ามาในตลาด ซึ่งสถานการณ์เดียวกันนี้ทำให้ค่าการกลั่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปีที่ผ่านมา แม้ว่าภาพรวมในช่วงปี 2552-2556 ผลของฤดูกาลจะทำให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค.ถึงมิ.ย.และจะไปสูงสุดในเดือนธ.ค. และทำให้ค่าการกลั่นจะต่ำสุดในเดือนมิ.ย.และเพิ่นขึ้นไปจนถึงเดือนก.ย. สำหรับคำแนะนำลงทุนเราเห็นว่าภาพตลาดที่ไม่ดีในระยะสั้นจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเพื่อรับกับฤดูกาลที่ดีที่จะเข้ามาถึงในช่วงครึ่งปีหลัง จึงยังคงแนะนำ "ซื้อ" TOP ที่มูลค่าพื้นฐาน 69.0 บาท

ด้านนายสุทธิชัย คุ้มวรชัย นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุ เมย์แบงก์ กิมเอ็งยังคงน้ำหนักลงทุนเป็นกลางสำหรับกลุ่มปิโตรเคมี ส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการ 2Q57 นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่เริ่มมีสัญญาณเชิงบวก แม้ราคา PX จะเริ่มฟื้นตัว แต่เราเชื่อว่าภาวะอุปทานส่วนเกินยังคงกดดันไม่ให้ส่วนต่างราคาเพิ่มขึ้นแรง เรายังคงชอบสายโอเลฟินส์ที่มีความสมดุลของอุปสงค์อุปทานมากกว่า และยังคงเลือก SCC เป็น Top pick ขณะที่ PTTGC ยังถูกกดดันจนกว่าจะมีความชัดเจนจากประเด็นการปรับโครงสร้างพลังงานที่อาจรวมถึงราคาขาย LPG ให้ภาคปิโตรเคมี
กำลังโหลดความคิดเห็น