ASTV Stock Market ในเครือ ASTVผู้จัดการ นำเสนอรายการ “เข็มทิศตลาดทุน” เพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย และตลาดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การลงทุนในทองคำผ่านรายการดังกล่าวในระยะเวลาเพียง 7 นาที ผ่าน 2 ช่วงรายการ ได้แก่ “กูรูแนะทิศทาง” ที่จะนำความคิดเห็นจากโบรกเกอร์ชั้นนำ มาช่วยประเมินทิศทางของตลาด และแนะนำถึงโอกาสในการเข้าลงทุนกลุ่มต่างๆ
ขณะที่ช่วง “ส่องกล้อง Fututrs & Commodity” จะนำเสนอทิศทางราคาทองคำ และตลาดอนุพันธ์ ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับตัวขึ้นลงของราคา ผ่านผู้บริหารด้านตลาดอนุพันธ์ และทองคำที่มีชื่อเสียง ซึ่งทั้ง 2 ช่วงของรายการจะใช้เวลาร่วมกันไม่เกิน 7 นาที เพื่อเพิ่มความกระชับของข้อมูลข่าวสารด้านการลงทุน ให้สะดวก และรวดเร็วต่อผู้ที่สนใจ ให้สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปปรับใช้ต่อการบริหารพอร์ตลงทุนของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยในช่วง “กูรูแนะทิศทาง” สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ว่า การอ่อนตัวของดัชนีฯ น่าจะคลี่คลายลงไประดับหนึ่ง จากก่อนหน้านี้ที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเคลื่อนไหวรวดเร็ว อีกทั้งยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากต่างประเทศ ทำให้ดัชนีมีการปรับฐาน
อย่างไรก็ตาม เชื่อในช่วงต่อจากนี้ ดัชนีหลักทรัพย์น่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และนักลงทุนน่าจะเริ่มกลับมาเก็งกำไรต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่จะเริ่มทยอยออกมา ทั้งนี้ แนะนำว่า นักลงทุนควรเริ่มกลับไปมองผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เช่น กลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศออกมา โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยด้านบวกต่อการกระตุ้นตลาด โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของการบริโภค การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ ซึ่งแนะนำให้ใช้จังหวะของราคาหุ้นที่อ่อนตัวเข้าไปลงทุน
ส่วนกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบในด้านลบ ได้แก่ กลุ่มหุ้นพลังงานและสื่อสาร ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายที่ยังไม่ชัดเจน ส่วนตัวมองว่ายังเข้าลงทุนได้ในหุ้นขนาดใหญ่ แต่การคาดหวังผลตอบแทนอาจไม่ใช่ระยะสั้น เพราะเรื่องนโยบายอาจต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง เพียงแต่ว่าอาจอาศัยจังหวะนี้ที่ราคาหุ้นอ่อนตัวเข้าลงทุน เช่นเดียวกับการซื้อหุ้นที่ได้รับปันผลถือว่าดี
ขณะที่ทิศทางราคาทองคำ “ฐิภา นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด มองว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ได้เป็นสัปดาห์ที่ 2 ซึ่งมาจากความกังวลในต่างประเทศต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอิรัก จึงมีผลทำให้นักลงทุนเลือกที่จะขายสินทรัพย์ลงทุนอื่น และโยกเงินเข้ามาลงทุนในทองคำแทน จนทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม พบว่ากองทุนทองคำขนาดใหญ่ อย่าง SPDR ก็เข้ามาทยอยเก็บซื้อทองคำด้วยกว่า 12 ตัน
จุดนี้ถือว่านักลงทุนต้องระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้น โดยภาพรวมเชื่อว่าระยะสั้นยังเป็นขาขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,350 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และทางเทคนิคหากราคาทองคำสามารถขึ้นมายืนเหนือ 1,320 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ได้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1,350 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และหากยังสามารถผ่านไปได้ เชื่อว่ามีโอกาสที่ราคาจะขึ้นไปถึงจุด 1,400 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งตลอดระยะทางยังจำเป็นต้องระมัดระวังแรงเทขาย
ส่วนปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามนอกเหนือจากเหตุการณ์ในอิรักแล้ว ยังเป็นเรื่องสถานการณ์ของยูเครนกับรัสเซีย และการประกาศตัวเลขภาคเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มทยอยประกาศออกมา ซึ่งหากตัวเลขที่ประกาศออกมาไม่ดี หรือไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาด ก็เชื่อว่าจะได้เห็นเม็ดเงินบาทส่วนใหญ่ไหลเข้ามาในทองคำ และทำให้ราคาทองคำขยับปรับตัวเพิ่มขึ้น