บิ๊กโบรกฯ กิมเอ็ง ชี้แนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเริ่มทยอยฟื้นตัว จาก คสช. ที่เข้ามาช่วยเคลียร์จ่ายเงินค้างจำนำข้าวชาวนา กระตุ้นกำลังซื้อรากหญ้า ขณะที่เป้าดัชนี SET INDEX ครึ่งปีหลังจนถึงปลายปีคาดปรับบวกแตะ 1,500 จุด ตามทิศทางเศรษฐกิจ
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET กล่าวว่า ภาพรวมมูลค่าการซื้อขายในครึ่งปีแรกมีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท หากเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ประมาณ 61,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากว่านักลงทุนพิจารณาความเสี่ยงจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ความขัดแย้งต่างๆ มีแนวโน้มเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ถึงแม้ว่าจะมีทหารได้ทำการรัฐประหารเข้ามา แต่ระบบการบริหารยังคงเป็นประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนกังวลคือ การที่ถูกกลุ่มต่างๆ หลอกลวงถึงขั้นแบ่งแยกกัน และเกิดการปะทะกัน ซึ่งจะเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก เพราะฉะนั้นแนวโน้มการลงทุนในไตรมาส 2 เริ่มเห็นสัญญาณการลงทุนที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม มูลค่าการซื้อเริ่มขยับขึ้นมาที่ 38,000-40,000 ล้านบาท เป็นลักษณะวีเชฟ ที่ปรับตัวลดลงในช่วงต้นปีแล้วทยอยปรับตัวฟื้นขึ้นมาโดยลำดับ
ส่วนแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง จะต้องดูว่าจะมีความวุ่นวายกลับมาหรือไม่ ซึ่งจะต้องดูว่าทางหน่วยงานที่รับผิดชอบภาพรวมเศรษฐกิจที่เข้ามา จะมีอำนาจในการบริหารยาวนานแค่ไหน และรัฐบาลกลางที่จะเข้ามา จะมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาได้อย่างไร โดยจะส่งผลต่อเนื่องไปยังการจัดการเลือกตั้งในอนาคต
“ขณะที่ครึ่งปีหลังแนวโน้มของงานด้านวาณิชธนกิจ จะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ทั้งนี้ นักลงบทุนควรเลือกการลงทุนที่ไม่มีผลกระทบทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวของ แต่ควรมองทิศทางบ้านเมือง และทิศทางตลาดเป็นหลัก เพราะถ้าหากเกิดการบานปลายขึ้นแนวโน้มที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนเอง ในทางกลับกัน หากการเมืองส่งผลบวก นักลงทุนจะได้รับอานิสงส์จากตลาดหุ้นที่ดีขึ้นได้”
ในส่วนการปรับเป้าธุรกิจโบรกเกอร์จากไตรมาสแรกที่ผลประกอบการออกมาไม่ดี เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปแนวโน้มจะค่อยปรับฟื้นตัวขึ้นมา โดยแนวโน้มทางเศรษฐกิจจากปีที่แล้วที่ประเทศมีหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับที่สูง ทำให้กำลังซื้อมีอยู่อย่างจำกัด แต่ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติผ่อนคลายมากขึ้น กำลังซื้อเริ่มทยอยกลับจากการที่ คสช.ได้พิจารณาจ่ายเงินค่าจำนำข้าวชาวนาที่ค้างอยู่ โดยหลังจากนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะเริ่มทยอยปรับฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในส่วนภาพรวมหุ้น IPO ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนดีกว่าในครึ่งปีแรก ขณะที่เป้าดัชนี SET INDEX ในครึ่งปีหลังจนถึงปลายปีจะเริ่มทยอยดีดตัวขึ้นจนถึง 1,500 จุดได้ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นได้