ASTVผู้จัดการรายวัน - กันยงประกาศกลับมาโตอีกครั้ง มั่นใจรัฐประหารคืนเงินให้ชาวนา กระตุ้นกำลังซื้อรากหญ้า พร้อมบุกหนักต่างประเทศมากขึ้น ฟากญี่ปุ่นเตรียมดึงไลน์สินค้าใหม่ลุยไทย ตอกย้ำไทยคือฐานผลิตที่สำคัญ มองใน7 ปี รายได้มิตซูบิชิภาคพื้นเอเชียและโอเชียเนียสู่ 5.5 ล้านล้านเยน พร้อมกำไรโตขึ้น 8%
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานกรรมการ บริษัท กันยงอีเลคทริก จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่บริษัทก้าวสู่ปีที่ 50 โดยจะตอกย้ำนโยบายส่งเสริมฐานการผลิตสินค้า และมุ่งพัฒนาธุรกิจในประเทศไทย เตรียมความพร้อมเพื่อขยายการส่งออกจากไทยสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้เริ่มไปบ้างแล้ว เช่น รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา และจะเพิ่มเข้ามาอีกหลายประเทศในกลุ่มยุโรป จากปัจจุบันไทยเป็นฐานผลิตตู้เย็น พัดลม และส่งออกอยู่แล้วกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ส่วนตลาดในประเทศนั้น จะมีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆมากขึ้น เช่น เครื่องเป่ามือ พัดลมระบายอากาศ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา ที่ได้ปิดงบไปเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ราว 9,000 กว่าล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้มากกว่า 20% มาจาก 1.การส่งออกยากขึ้น เพราะยอดส่งออกกว่า 40% ที่ส่งออกไปญี่ปุ่่นนั้น จากสัดส่วนยอดส่งออกทั้งหมด70% ของรายได้รวมบริษัท มีปัญหาเรื่องค่าเงินเยนอ่อนตัว 2.ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้กำลังซื้อตกลง
ทั้งนี้หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) ได้ทำรัฐประหาร พร้อมดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยเฉพาะโครงการจำนำข่้าว ที่เริ่มทยอยจ่ายให้ชาวนาไปแล้วนั้น ถือเป็นนโยบายที่สำคัญ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อในกลุ่มล่างให้กลับมาอีกครั้ง จึงมั่นใจว่าสิ้นปีงบประมาณ2557 บริษัทจะกลับมาเติบโตได้
ด้านนายมิโนรุ ฮากิวาร่า ผู้อำนวยการสำนักงานภาคพื้นเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า มิตซูบิชิพร้อมสนับสนุนทรัพยากรในการพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคนี้ โดยมุ่นเน้นประเทศไทย อินเดีย เวียดนามและอินโดนีเซีย ที่สำคัญพร้อมสนับสนุนให้บริษัท กันยง อีเลคทริก จำกัด (มหาชน) ที่ถือเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญตลอด 50 ปี สู่การพัฒนาที่ดีขึ้น
“สำหรับการลงทุนในประเทศไทยยังคงมั่นใจและลงทุนต่อเนื่อง แม้ว่าไทยจะมีรัฐประหารเกิดขึ้น แต่เชื่อมั่นว่า การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) ได้รับปากว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาและก้าวเดินต่อไปได้ ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปตามนั้น”
โดยหลังจากนี้ มิตซูบิชิเตรียมที่จะนำเสนอสินค้าไลน์ใหม่ตอบสนองความต้องการในประเทศไทยมากขึ้น เช่น กล้องCCTV, หลอดไฟ แอลอีดี และบิซิเนสโซลูชั่น หากได้รับการตอบที่ดี อนาคตอาจจะมีการนำเข้ามาผลิตในไทยต่อไป พร้อมสร้างตลาดใหม่ๆ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับสินค้านั้นๆ โดยภายใน 7 ปีหลังจากนี้ หรือภายในปี2020 รายได้ในภูมิภาคนี้น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 4.4 ล้านล้านเยน เป็น5.5ล้านล้านเยนได้ พร้อมกำไรโตขึ้น 8%
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานกรรมการ บริษัท กันยงอีเลคทริก จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่บริษัทก้าวสู่ปีที่ 50 โดยจะตอกย้ำนโยบายส่งเสริมฐานการผลิตสินค้า และมุ่งพัฒนาธุรกิจในประเทศไทย เตรียมความพร้อมเพื่อขยายการส่งออกจากไทยสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้เริ่มไปบ้างแล้ว เช่น รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา และจะเพิ่มเข้ามาอีกหลายประเทศในกลุ่มยุโรป จากปัจจุบันไทยเป็นฐานผลิตตู้เย็น พัดลม และส่งออกอยู่แล้วกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ส่วนตลาดในประเทศนั้น จะมีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆมากขึ้น เช่น เครื่องเป่ามือ พัดลมระบายอากาศ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา ที่ได้ปิดงบไปเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ราว 9,000 กว่าล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้มากกว่า 20% มาจาก 1.การส่งออกยากขึ้น เพราะยอดส่งออกกว่า 40% ที่ส่งออกไปญี่ปุ่่นนั้น จากสัดส่วนยอดส่งออกทั้งหมด70% ของรายได้รวมบริษัท มีปัญหาเรื่องค่าเงินเยนอ่อนตัว 2.ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้กำลังซื้อตกลง
ทั้งนี้หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) ได้ทำรัฐประหาร พร้อมดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยเฉพาะโครงการจำนำข่้าว ที่เริ่มทยอยจ่ายให้ชาวนาไปแล้วนั้น ถือเป็นนโยบายที่สำคัญ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อในกลุ่มล่างให้กลับมาอีกครั้ง จึงมั่นใจว่าสิ้นปีงบประมาณ2557 บริษัทจะกลับมาเติบโตได้
ด้านนายมิโนรุ ฮากิวาร่า ผู้อำนวยการสำนักงานภาคพื้นเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า มิตซูบิชิพร้อมสนับสนุนทรัพยากรในการพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคนี้ โดยมุ่นเน้นประเทศไทย อินเดีย เวียดนามและอินโดนีเซีย ที่สำคัญพร้อมสนับสนุนให้บริษัท กันยง อีเลคทริก จำกัด (มหาชน) ที่ถือเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญตลอด 50 ปี สู่การพัฒนาที่ดีขึ้น
“สำหรับการลงทุนในประเทศไทยยังคงมั่นใจและลงทุนต่อเนื่อง แม้ว่าไทยจะมีรัฐประหารเกิดขึ้น แต่เชื่อมั่นว่า การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) ได้รับปากว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาและก้าวเดินต่อไปได้ ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปตามนั้น”
โดยหลังจากนี้ มิตซูบิชิเตรียมที่จะนำเสนอสินค้าไลน์ใหม่ตอบสนองความต้องการในประเทศไทยมากขึ้น เช่น กล้องCCTV, หลอดไฟ แอลอีดี และบิซิเนสโซลูชั่น หากได้รับการตอบที่ดี อนาคตอาจจะมีการนำเข้ามาผลิตในไทยต่อไป พร้อมสร้างตลาดใหม่ๆ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับสินค้านั้นๆ โดยภายใน 7 ปีหลังจากนี้ หรือภายในปี2020 รายได้ในภูมิภาคนี้น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 4.4 ล้านล้านเยน เป็น5.5ล้านล้านเยนได้ พร้อมกำไรโตขึ้น 8%