สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ศึกษามณฑลดาวรุ่งทางตอนกลางของจีน ที่มักศักยภาพในการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง 5 มณฑล “เซี่ยงไฮ้ - อันฮุย - หูเป่ย - ฉงชิ่ง - ซื่อชวน” ทั้งแง่มุมด้านการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์รายมณฑล เร่งส่งเสริมการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายการผลิตในระดับภูมิภาค
เศรษฐกิจจีนมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา นับว่าจีนมีศักยภาพสูงมากที่จะก้าวขึ้นเป็นอภิมหาอำนาจของโลก และด้วยอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 10.4 ต่อปี ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา จึงคาดว่าจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลกแซงหน้าสหรัฐอเมริกาในอนาคตอันใกล้
บทบาทของจีนต่อเศรษฐกิจโลกที่เด่นชัดมากที่สุดคือเรื่องของการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ จีนกลายเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการผลิตที่สำคัญในภูมิภาค (Regional Production Network) โดยในปี 2555 จีนมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก เท่ากับ 3.64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะที่ทางด้านการลงทุน ในช่วงการปฏิรูปเศรษฐกิจยุคแรกๆ ภาพลักษณ์ของจีนในตลาดโลกเป็น “ผู้บริโภคสินค้ารายใหญ่ของโลก” เนื่องจาก ตลาดภายในประเทศมีขนาดใหญ่ โดยมีจำนวนประชากรราว 1,350 ล้านคน และจากข้อได้เปรียบด้านค่าแรง และการเป็นศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค ทำให้จีนเป็นแหล่งรองรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) มากเป็นอันดับสองของโลก
ภาพลักษณ์ของจีนแปรเปลี่ยนจากผู้บริโภคสินค้ารายใหญ่ของโลก เป็นแหล่งผลิตสินค้าส่งออกไปขายทั่วโลก จนได้รับขนานนามว่าเป็น “โรงงานของโลก (World Factory)” โดยการผลิตในภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 16.1 ต่อปี อย่างไรก็ตาม แผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปี ฉบับที่ 12 ได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากการเป็นโรงงานของโลกไปสู่การเป็น “ตลาดของโลก” เนื่องจากค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึง ความตระหนักถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
ในด้านความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีนนั้น ที่ผ่านมารัฐบาลไทยและจีนได้ทำร่วมลงนามบันทึกความเข้าตกลงระหว่างไทย 6 ฉบับ เพื่อเป็นการเห็นชอบร่วมกันต่อแผนระยะยาว ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยจีนที่กำหนดแนวทางความร่วมมือไว้อย่างรอบด้าน โดยให้ความสำคัญพิเศษในด้านการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงระหว่างกัน
ในด้านการค้าขายระหว่างกันนั้นนั้น ทั้งสองประเทศได้กำหนดเป้าหมายการค้าระหว่างให้บรรลุ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2558 นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้แสดงความจำนงที่จะให้นักลงทุนจีนมาตั้งโรงงานที่ใช้สินค้าเกษตรเป็นวัตถุดิบในประเทศไทย เช่น โรงงานแปรรูปยางพารา มันสำปะหลัง และน้ำมันปาล์ม เป็นต้น
ในขณะที่ลู่ทางการค้าและการลงทุนในประเทศจีนนั้น ประเด็นที่ภาครัฐและภาคเอกชนของไทยต้องจับตาอย่างใกล้คือ โครงสร้างและระบบเศรษฐกิจของจีน รวมทั้ง กฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิต การค้าและการลงทุน ที่ออกโดยรัฐบาลกลางและรัฐบาลระดับมณฑล ซึ่งปัจจุบันมีความแตกต่างกันมาก นับว่าเป็นอุปสรรคอย่างมากสำหรับการลงทุนและการทำธุรกิจในประเทศจีน
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ร่วมกับ บริษัท โซซิโอ-เอคโคโนมิค คอนซัลแตนส์ จำกัด จึงศึกษา กลยุทธ์และแผนพัฒนาอุตสาหกรรมกับประเทศจีนในลักษณะ “หนึ่งมณฑล หนึ่งประเทศ” โดยการเจาะลึกการพัฒนาความร่วมมือเป็นรายมณฑล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มมณฑลที่มีศักยภาพสูง ถือเป็นมณฑลดาวรุ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ได้แก่ “เซี่ยงไฮ้ - อันฮุย-หูเป่ย - ฉงชิ่ง - ซื่อชวน” เพื่อให้การพัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมกับประเทศจีนทั้งในระดับภูมิภาค อนุภูมิภาค ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทย
เริ่มจากมหานครเซี่ยงไฮ้ ที่รัฐบาลจีนวางยุทธศาสตร์การพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศใน 4 ด้าน ได้แก่ ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเงิน การค้า และการคมนาคมขนส่งทางเรือ และยังมีนวรรตกรรมทางเศรษฐกิจล่าสุดคือการทดลองทำเขตการค้าเสรีนครเซี่ยงไฮ้ (SFTZ) ตามนโยบายของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
ทางด้านมณฑลอันฮุย ถูกวางยุทธศาสตร์ให้เป็นศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นมณฑลที่มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่อาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถเชื่อมโยงการวิจัยพัฒนาจากสถาบันการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ภายในมณฑลไปสู่การต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้อย่างแพร่หลาย
มณฑลหูเป่ย ได้มียุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาชนบทในรูปแบบใหม่ โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชนบทในการที่จะร่วมกันพัฒนาชนบทที่ล้าหลังให้มีความเจริญและได้มาตรฐานในการดำรงชีวิตของประชากรในชนบท ยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่จำหน่ายในราคาถูกแต่เดิม โดยการอาศัยเทคโนโลยีและการวิจัยทางด้านการเกษตรขั้นสูง เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ส่วนมหานครฉงชิ่ง นอกจากจะเป็นเมืองที่มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมที่สูงลำดับต้นๆของจีนแล้ว ยังมีแผนการพัฒนา เพื่อรองรับสินค้าจากมณฑลซื่อชวน ในการกระจายสินค้าสู่ภาคตะวันตกของจีนและการเชื่อมโยงกับเส้นทางการขนส่งทางแม่น้ำแยงซี ตามแผนการพัฒนาการสร้างเส้นทางโลจิสติกส์ระหว่างประเทศและการพัฒนาเส้นทางสายไหมสมัยใหม่ระหว่างจีนกับเอเชีย
ขณะที่มณฑลซื่อชวน ในด้านการบริโภคตลาดมณฑลซื่อชวนจัดเป็นตลาดระดับกลาง-ล่าง แต่ก่อนชาวมณฑลซื่อชวน มีอาชีพทำการเกษตร แต่บางส่วนย้ายไปทำงานด้านอุตสาหกรรมในเมืองทางภาคตะวันออก ปัจจุบันรัฐบาลจีนมีการส่งเสริมการลงทุนในภาคตะวันตกมากขึ้น แรงงานเหล่านั้นจึงหันกลับมาทำงานมณฑลซื่อชวนเช่นเดิม โดยซื่อชวนถูกวางยุทธศาสตร์ให้เป็นแหล่งพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและทันสมัย