xs
xsm
sm
md
lg

มหาเศรษฐีจีนกว่าครึ่งเล็งย้ายประเทศเพื่อการศึกษา-งานที่ดีกว่าของทายาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพอันดับมหาเศรษฐีใน 5 ประเทศแรก ที่วางแผนโยกย้ายไปอยู่ต่างประเทศภายในเวลา 5 ปีข้างหน้า (ภาพ เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์)
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ธนาคารแดนผู้ดีสำรวจพบ มหาเศรษฐีจีนจ่อย้ายประเทศภายใน 5 ปี เพราะต้องการให้ลูกหลานได้รับการศึกษาและโอกาสการทำงานที่ดีกว่าในอนาคต

บาร์เคลย์ส (Barclays) สถาบันการเงินในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปิดเผยผลสำรวจที่สอบถามความเห็นจากมหาเศรษฐีทั่วโลกถึงการอพยพย้ายไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศภายในเวลา 5 ปีข้างหน้า พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจชาวจีนแผ่นดินใหญ่ขึ้นนำเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยร้อยละ 47 ระบุ ได้วางแผนการไว้แล้ว

ทั้งนี้ จากผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่า 2,000 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีสินทรัพย์สุทธิเกินกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 48,000 ล้านบาท) มีชาวสิงคโปร์ตามติดเป็นอันดับสองที่ร้อยละ 23 และชาวอังกฤษเป็นอันดับสามที่ร้อยละ 20 ส่วนชาวฮ่องกง บ้านใกล้เรือนเคียงของแผ่นดินใหญ่ ปรากฏที่ร้อยละ 16

ด้านมหาเศรษฐีอเมริกันและอินเดียเป็นกลุ่มที่ยังคงมีใจเหนียวแน่นกับบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองมากที่สุด โดยมีเพียงร้อยละ 6 และร้อยละ 5 ตามลำดับ ที่คิดโยกย้ายถิ่นฐาน

“ความเป็นจริงคือ ตอนนี้คนรวยส่วนใหญ่ในจีนยังคงเลือกกอบโกยเงินในประเทศไปก่อน” เลียม ไบเลย์ หัวหน้าหน่วยวิจัยด้านที่พักอาศัยของบริษัท ไนท์ แฟรงค์ แอลแอลพี (Knight Frank LLP) ในลอนดอน กล่าว “ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ พวกเขาเลยไปไหนไกลไม่ได้ เพราะต้องคอยกำกับดูแลกิจการ”

บาร์เคลย์ส เสริมว่า ผู้ตอบแบบสำรวจชาวจีนร้อยละ 78 ยกให้เรื่องระบบการศึกษาเล่าเรียนและโอกาสการทำงานที่ดีกว่าของบุตรหลานเป็นเหตุผลสำคัญ ต่อมาที่ร้อยละ 73 ต้องการบรรยากาศอันดีทางเศรษฐกิจบวกกับความมั่นคงปลอดภัย และร้อยละ 18 มองหาสวัสดิการสังคมและบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ

นอกจากนั้น ชาวจีนร้อยละ 30 เผยว่า “ฮ่องกง” เป็นจุดหมายปลายทางแรกที่อยู่ในใจพวกเขา ตามด้วยประเทศแคนาดาเป็นอันดับสองที่ร้อยละ 23

อย่างไรก็ดี ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การอพยพไปยังแคนาดาของชาวจีนอาจเป็นเรื่องยากมากขึ้น หลังแผนการทำวีซ่าเพื่อผู้ประกอบการและนักลงทุนจีนเป็นอันต้องล้มพับชั่วคราว เนื่องจากปริมาณการสมัครขอวีซ่าฯ มีจำนวนมหาศาลเกินอัตรารับได้ โดยนายคริส อเล็กซานเดอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกิจการพลเรือนและการตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดา กล่าวเมื่อเดือน มี.ค. ว่า แผนการฯ ฉบับใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงน่าจะดำเนินการอีกครั้งในปลายปีนี้

กำลังโหลดความคิดเห็น