ไชน่าเดลี/ASTVผู้จัดการ – ในยุคสมัยที่เงินหยวนแข็งโป๊ก เศรษฐีชาวจีนมีเงินถุงเงินถัง และนิยมซื้อบ้าน/อสังหาริมทรัพย์ในต่างแดนเพื่อการกระจายการลงทุน รวมถึงส่งบุตรหลานไปเรียนต่อ 6 ประเทศไหนในโลกที่ติดอันดับความนิยมของนักลงทุนจีนกันบ้าง
หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของอเมริกา หรือ เอ็นเออาร์ เผยแพร่รายงานระบุตัวเลขว่า ชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน กลายเป็นกลุ่มผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดไปแล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสี่ของผู้ซื้อจากต่างชาติทั้งหมด สื่อจีนจึงรวบรวม “6 จุดหมายหลักในต่างแดน” ที่ชาวจีนนิยมลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุดมาให้เราได้รับทราบกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาชาวจีนกลายเป็นผู้ซื้อบ้านและอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในต่างแดน โดยมีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุของกระแสการเดินทางไปกว้านซื้อบ้านในต่างแดนของชาวจีนว่ามีสาเหตุมาจาก หนึ่ง อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศจีนที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องทุกปี, ค่าเงินหยวน หรือ เหรินหมินปี้ที่แข็งขึ้นทุกทีๆ และความพยายามที่จะส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยังต่างประเทศของชาวจีน
ทั้งนี้ตามรายงานการอพยพย้ายถิ่นของชาวจีนล่าสุดในปี 2557 ของศูนย์จีนและโลกาภิวัฒน์ (Center for China and Globalization) ซึ่งอยู่ในกรุงปักกิ่ง ระบุว่า ในปี 2556 ตัวเลขของชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานออกนอกประเทศนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 9.34 ล้านคน โดยจุดมุ่งหมายสำคัญ 4 อันดับแรกอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม 6 ประเทศยอดนิยมที่ชาวจีนนิยมไปซื้อบ้านและที่อยู่อาศัยนั้นมีรายละเอียดดังนี้
อันดับที่ 6 : ญี่ปุ่น
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นนั้นอยู่ในภาวะตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1996 โดยราคาของอพาร์ทเมนท์ขนาด 80 ตารางเมตร ตกแต่งอย่างดีกลางกรุงโตเกียวนั้นอยู่ที่ราว 100 ล้านเยน หรือ คิดเป็นเงินหยวนคือ 6 ล้านหยวน ซึ่งถือว่าถูกกว่าราคาอพาร์ทเมนต์ระดับเดียวกันในกรุงปักกิ่ง หรือ นครเซี่ยงไฮ้มาก
ขณะเดียวกัน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชาวญี่ปุ่นเองก็ต้องการที่จะขยายตลาดไปยังลูกค้าชาวจีน แต่อุปสรรคใหญ่ที่ขวางทางอยู่ก็คือ ทางการญี่ปุ่นไม่มีนโยบายในการออกวีซ่าให้กับชาวต่างชาติที่มาลงทุนในญี่ปุ่น ทำให้การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นของชาวจีนไม่ได้รวมเอาสิทธิพิเศษทางด้านวีซ่าเข้าไปด้วย แตกต่างกับการลงทุนซื้ออสังหาฯ ในแคนาดาและสหรัฐฯ
อันดับที่ 5 : สหราชอาณาจักร
คนในแวดวงระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาวจีนเข้าไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นอย่างมาก และจะลงทุนเพิ่มขึ้นอีกในช่วงหลายปีข้างหน้า จากผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ชาวจีนเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษเพิ่มขึ้นจาก 54 ล้านปอนด์ในปี 2553 เป็น 1 พันล้านปอนด์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2556
การเพิ่มขึ้นของตัวเลขการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอนของชาวจีนดังกล่าว บ่งชี้ให้เห็นว่า เงินที่ชาวจีนใช้ซื้ออสังหาฯ ในลอนดอนถือว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนของชาวจีนในทวีปยุโรปทั้งหมด ซึ่งปี 2556 ที่ผ่านมาตัวเลขของทั้งยุโรปอยู่ที่ 1.9 พันล้านปอนด์ ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ให้เห็นว่า การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปของชาวจีนมีสัดส่วนที่สำคัญมากในปีที่แล้ว
อันดับที่ 4 : สิงคโปร์
เมื่อปี 2554 ชาวจีนแซงชาวอินโดนีเซียกลายเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนในสิงคโปร์อันดับหนึ่ง โดยในปีดังกล่าวอสังหาฯ จำนวน 469 หน่วยในสิงคโปร์ที่ขายให้กับชาวจีน มีราคามากกว่า 10 ล้านหยวน
อันดับที่ 3 : สหรัฐอเมริกา
ชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน กลายเป็นกลุ่มผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดไปแล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสี่ของผู้ซื้อจากต่างชาติทั้งหมด ตามรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของอเมริกา หรือ เอ็นเออาร์ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (8 ก.ค.)
ตามรายงานที่สำรวจในช่วงเดือนเมษายน 2556 ถึง มีนาคม 2557 ประเมินว่าเงินลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ จากชาวจีนนั้นสูงถึง 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 7 แสนล้านบาท) โดยร้อยละ 76 เป็นการซื้อด้วยเงินสด โดยมลรัฐ 5 อันดับแรกที่เป็นที่นิยมของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ชาวจีนนั้นคือ แคลิฟอร์เนีย วอชิงตัน นิวยอร์ก เพนซิลวาเนีย และเท็กซัส
ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ถึงมีนาคม 2557 ยอดจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ จากผู้ซื้อชาวต่างชาตินั้นประมาณการณ์กันว่าอยู่ที่ราว 92,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 2.95 ล้านล้านบาท) โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ราวร้อยละ 35 ที่อยู่ที่ระดับ 68,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 2.18 ล้านล้านบาท)
อันดับที่ 2 : ออสเตรเลีย
ออสเตรเลียติดอันดับแรกของจุดหมายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเศรษฐีชาวจีนในการอพยพย้ายถิ่นอย่างถาวร และกลายเป็นพลเมืองของออสเตรเลียไปเลย จากเงินลงทุนที่เศรษฐีชาวจีนมีและทางการออสเตรเลียก็ต้อนรับ
จากรายงานของเว็บไซต์ฟอร์บส์ภาษาจีนระบุว่า ปัจจัยที่ถูกนำมาคำนวณและสรุปว่าออสเตรเลียเป็นจุดหมายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเศรษฐีชาวจีนในการย้ายสำมะโนครัว ไปต่างแดนก็คือ ราคาบ้าน และจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ ขณะที่ปัจจัยอื่นๆ ประกอบไปด้วยความปลอดภัย สวัสดิการสังคม ระดับของการพัฒนาเศรษฐกิจ และระบบการเมือง
อันดับที่ 1 : แคนาดา
รายงานจากซีบี ริชาร์ด เอลลิส บริษัทให้บริการจัดการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกระบุว่า คาดการณ์ว่านักลงทุนชาวจีนจะทุ่มเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพท์ในต่างแดนมากถึง 1.1 ล้านล้านหยวน หรือราว 5.5 ล้านล้านบาท โดยนักลงทุนจีนชอบลงทุนอสังหาฯ ในตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะแคนาดา และประเทศเอเชียบางประเทศที่มีพื้นฐานทางวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน
หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของอเมริกา หรือ เอ็นเออาร์ เผยแพร่รายงานระบุตัวเลขว่า ชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน กลายเป็นกลุ่มผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดไปแล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสี่ของผู้ซื้อจากต่างชาติทั้งหมด สื่อจีนจึงรวบรวม “6 จุดหมายหลักในต่างแดน” ที่ชาวจีนนิยมลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุดมาให้เราได้รับทราบกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาชาวจีนกลายเป็นผู้ซื้อบ้านและอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในต่างแดน โดยมีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุของกระแสการเดินทางไปกว้านซื้อบ้านในต่างแดนของชาวจีนว่ามีสาเหตุมาจาก หนึ่ง อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศจีนที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องทุกปี, ค่าเงินหยวน หรือ เหรินหมินปี้ที่แข็งขึ้นทุกทีๆ และความพยายามที่จะส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยังต่างประเทศของชาวจีน
ทั้งนี้ตามรายงานการอพยพย้ายถิ่นของชาวจีนล่าสุดในปี 2557 ของศูนย์จีนและโลกาภิวัฒน์ (Center for China and Globalization) ซึ่งอยู่ในกรุงปักกิ่ง ระบุว่า ในปี 2556 ตัวเลขของชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานออกนอกประเทศนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 9.34 ล้านคน โดยจุดมุ่งหมายสำคัญ 4 อันดับแรกอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม 6 ประเทศยอดนิยมที่ชาวจีนนิยมไปซื้อบ้านและที่อยู่อาศัยนั้นมีรายละเอียดดังนี้
อันดับที่ 6 : ญี่ปุ่น
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นนั้นอยู่ในภาวะตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1996 โดยราคาของอพาร์ทเมนท์ขนาด 80 ตารางเมตร ตกแต่งอย่างดีกลางกรุงโตเกียวนั้นอยู่ที่ราว 100 ล้านเยน หรือ คิดเป็นเงินหยวนคือ 6 ล้านหยวน ซึ่งถือว่าถูกกว่าราคาอพาร์ทเมนต์ระดับเดียวกันในกรุงปักกิ่ง หรือ นครเซี่ยงไฮ้มาก
ขณะเดียวกัน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชาวญี่ปุ่นเองก็ต้องการที่จะขยายตลาดไปยังลูกค้าชาวจีน แต่อุปสรรคใหญ่ที่ขวางทางอยู่ก็คือ ทางการญี่ปุ่นไม่มีนโยบายในการออกวีซ่าให้กับชาวต่างชาติที่มาลงทุนในญี่ปุ่น ทำให้การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นของชาวจีนไม่ได้รวมเอาสิทธิพิเศษทางด้านวีซ่าเข้าไปด้วย แตกต่างกับการลงทุนซื้ออสังหาฯ ในแคนาดาและสหรัฐฯ
อันดับที่ 5 : สหราชอาณาจักร
คนในแวดวงระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาวจีนเข้าไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นอย่างมาก และจะลงทุนเพิ่มขึ้นอีกในช่วงหลายปีข้างหน้า จากผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ชาวจีนเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษเพิ่มขึ้นจาก 54 ล้านปอนด์ในปี 2553 เป็น 1 พันล้านปอนด์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2556
การเพิ่มขึ้นของตัวเลขการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอนของชาวจีนดังกล่าว บ่งชี้ให้เห็นว่า เงินที่ชาวจีนใช้ซื้ออสังหาฯ ในลอนดอนถือว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนของชาวจีนในทวีปยุโรปทั้งหมด ซึ่งปี 2556 ที่ผ่านมาตัวเลขของทั้งยุโรปอยู่ที่ 1.9 พันล้านปอนด์ ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ให้เห็นว่า การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปของชาวจีนมีสัดส่วนที่สำคัญมากในปีที่แล้ว
อันดับที่ 4 : สิงคโปร์
เมื่อปี 2554 ชาวจีนแซงชาวอินโดนีเซียกลายเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนในสิงคโปร์อันดับหนึ่ง โดยในปีดังกล่าวอสังหาฯ จำนวน 469 หน่วยในสิงคโปร์ที่ขายให้กับชาวจีน มีราคามากกว่า 10 ล้านหยวน
อันดับที่ 3 : สหรัฐอเมริกา
ชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน กลายเป็นกลุ่มผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดไปแล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสี่ของผู้ซื้อจากต่างชาติทั้งหมด ตามรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของอเมริกา หรือ เอ็นเออาร์ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (8 ก.ค.)
ตามรายงานที่สำรวจในช่วงเดือนเมษายน 2556 ถึง มีนาคม 2557 ประเมินว่าเงินลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ จากชาวจีนนั้นสูงถึง 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 7 แสนล้านบาท) โดยร้อยละ 76 เป็นการซื้อด้วยเงินสด โดยมลรัฐ 5 อันดับแรกที่เป็นที่นิยมของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ชาวจีนนั้นคือ แคลิฟอร์เนีย วอชิงตัน นิวยอร์ก เพนซิลวาเนีย และเท็กซัส
ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ถึงมีนาคม 2557 ยอดจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ จากผู้ซื้อชาวต่างชาตินั้นประมาณการณ์กันว่าอยู่ที่ราว 92,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 2.95 ล้านล้านบาท) โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ราวร้อยละ 35 ที่อยู่ที่ระดับ 68,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 2.18 ล้านล้านบาท)
อันดับที่ 2 : ออสเตรเลีย
ออสเตรเลียติดอันดับแรกของจุดหมายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเศรษฐีชาวจีนในการอพยพย้ายถิ่นอย่างถาวร และกลายเป็นพลเมืองของออสเตรเลียไปเลย จากเงินลงทุนที่เศรษฐีชาวจีนมีและทางการออสเตรเลียก็ต้อนรับ
จากรายงานของเว็บไซต์ฟอร์บส์ภาษาจีนระบุว่า ปัจจัยที่ถูกนำมาคำนวณและสรุปว่าออสเตรเลียเป็นจุดหมายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเศรษฐีชาวจีนในการย้ายสำมะโนครัว ไปต่างแดนก็คือ ราคาบ้าน และจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ ขณะที่ปัจจัยอื่นๆ ประกอบไปด้วยความปลอดภัย สวัสดิการสังคม ระดับของการพัฒนาเศรษฐกิจ และระบบการเมือง
อันดับที่ 1 : แคนาดา
รายงานจากซีบี ริชาร์ด เอลลิส บริษัทให้บริการจัดการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกระบุว่า คาดการณ์ว่านักลงทุนชาวจีนจะทุ่มเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพท์ในต่างแดนมากถึง 1.1 ล้านล้านหยวน หรือราว 5.5 ล้านล้านบาท โดยนักลงทุนจีนชอบลงทุนอสังหาฯ ในตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะแคนาดา และประเทศเอเชียบางประเทศที่มีพื้นฐานทางวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน