โดย ณรงค์วิทย์ แสนทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเพิล แวลูว์ จำกัด
ที่ปรึกษาด้านเอชอาร์ (Human Resource) เตือนทุกองค์กรให้ความสำคัญกับการสร้างความประทับใจให้พนักงานใหม่ แนะ 4 แนวทางปลื้มแบบไม่มีวันลืม
“พนักงานใหม่ไม่ใช่คนหรือครับ?” เสียงสะท้อนเงียบๆ ในใจของพนักงานใหม่ที่กำลังจะเข้าทำงานในองค์กรที่มีชื่อเสียง !!
ผมเคยเข้าไปเป็นที่ปรึกษาองค์กรหนึ่ง จำได้แม่นว่าวันนั้นผมไปแต่เช้าเพราะจะไม่เจอรถติด พอไปถึงบริษัทปรากฏว่ามีพนักงานที่จะเข้ามาทำงานใหม่เยอะมาก ประเมินด้วยสายตาไม่น่าจะต่ำกว่า 30 คน นั่งกระจายกันเต็มเกือบทุกพื้นที่ของบริเวณเคาเตอร์รีเซฟชั่น บางคนนั่งเหมือนกำลังจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในบรรยากาศแบบนี้เลย บางคนก็มีคุยกับคนข้างๆ บ้าง บางคนก็นั่งอ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์มือถือ
พูดง่ายๆ ว่าแต่ละคนอยู่ในอาการประหม่า ไม่คุ้นเคย ไม่ค่อยสบายใจแน่ๆ ที่แย่กว่านั้นคือผู้บริหารและพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่เดินผ่านกลุ่มพนักงานใหม่เหล่านี้แบบไม่สนใจใยดี เหมือนไม่มีคนนั่งอยู่เลย เดินผ่านไปเฉยๆ ไม่ทักไม่ทาย คงคิดว่าเดี๋ยวทางฝ่าย HR ก็คงมาดูแลเอง
ผมเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะสวมวิญญาณของผู้จัดการฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่เคยทำมากว่าสิบปี เข้าไปพูดคุยกับพนักงานบางคนว่าเขาคิดและรู้สึกอย่างไร เพื่อให้เขาพูดความจริงผมก็เลยแนะนำตัวไปว่าผมมาติดต่องานที่บริษัทนี้ไม่ได้บอกเขาว่าผมเป็นที่ปรึกษาอะไร เขาก็คงเชื่อเพราะว่าผมก็ยืนรออยู่ที่เดียวกับเขา
อยากจะบอกองค์กรต่างๆ ว่าหากองค์กรใดมีเหตุการณ์แบบนี้ พนักงานใหม่จะรู้สึกอย่างไร เช่น ผมรู้สึกอึดอัดมากครับ เพราะบ้านผมอยู่ไกลและผมมาตั้งแต่เช้าข้าวก็ยังไม่ได้กิน ห้องน้ำก็ยังไม่ได้เข้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ไม่รู้จะถามใคร ถามรปภ.ของตึกนี้เขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับบริษัทนี้ครับ ดิฉันรู้สึกไม่ประทับใจบริษัทนี้เท่าไหร่คะ เพราะบริษัทอื่นๆ ที่ดิฉันเคยทำงานมาเขาไม่เป็นแบบนี้
ผมเครียดครับเพราะผมไม่รู้จักใครเลยมาคนเดียว ผมเห็นบางคนเขาคุยกัน ผมก็อยากจะเข้าไปคุยแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยยังไง จะคุยอะไรกับเขา แล้วเขาจะคุยกับผมไหม ผมไม่กล้าเดินลงไปไหนเพราะกลัวว่าเดี๋ยวถ้าเขาเรียกเข้าห้องประชุมผมจะไม่ทราบครับ ก็ต้องอดทนครับ และอีกสารพัดความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจพนักงานใหม่
จากประสบการณ์ตรงของผมและจากความรู้สึกของพนักงานใหม่ที่พบเจอเหตุการณ์แรกในการเข้ามาทำงานในองค์กร จึงอยากจะเสนอแนะผู้บริหารองค์กรและผู้บริหารงานทรัพยากรมนุษย์ว่าหากอยากจะสร้างความประทับใจและความผูกพันกับองค์กรให้กับพนักงานใหม่ ควรจะดำเนินการดังนี้
หนึ่ง ดูแลเขาก่อนเวลา ดีกว่าเสียเวลามาแก้ไข
พนักงานใหม่ส่วนใหญ่เขามาถึงที่ทำงานก่อนเวลาเพราะยังประเมินเวลาในการเดินทางได้ไม่ดี องค์กรควรจะหาใครสักคนมาดูแลพนักงานใหม่ตั้งแต่เขาออกจากบ้านระหว่างเดินทางจนมาถึงบริษัท เช่น โทรหาเพื่อเช็คว่าเขาเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง มีคนมาเช้าตรู่สักคนที่คอยมาบอกพนักงานใหม่ว่าถ้ามาเช้าให้ไปหาข้าวกินที่ไหน ห้องน้ำอยู่ตรงไหนบ้าง ที่นั่งที่สบายๆ มีที่ไหนบ้าง แล้วมาเจอกันจริงๆ สักกี่โมง เวลาก่อนปฐมนิเทศนี่แหละสำคัญกว่าเวลาอื่น เพราะเป็นเวลาที่พนักงานใหม่ต้องการเรามากที่สุด พอถึงเวลาปฐมนิเทศเขาต้องการเราน้อยลง เพราะเขาเริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว ชีวิตผ่านจุดลำบากในช่วงเช้ามาแล้ว
“คนทำงานด้าน HR พร้อมเสียสละเวลามาเช้าสักคนสักวันได้ไหม หากทำไม่ได้อย่าหวังว่าจะได้ใจพนักงานใหม่”
สอง เทคแคร์พนักงานใหม่ตามความรู้สึกของเขา ไม่ใช่ตามความคิดของเรา
ผมเชื่อว่ามาตรฐานการดูแลพนักงานใหม่ของหลายองค์กรเกิดจากคนทำงานด้าน HR คิดเอาเอง เชื่อเอาเอง ลอกเลียนแบบมาจากที่อื่นว่าการดูแลพนักงานใหม่จะเริ่มต้นเมื่อถึงเวลาทำงานที่นัดหมายกันไว้เท่านั้น การที่พนักงานใหม่มาก่อนไม่ใช่ความผิดของเรา เรานัดเก้าโมงตรง เขามาหกโมงเช้าก็เรื่องของเขา นี่คือความคิดที่ผิดอย่างมหันต์
เราต้องจัดบริการหรือมาตรฐานการดูแลพนักงานใหม่ให้ตรงกับพฤติกรรมของเขาซิครับ เช่น ส่วนใหญ่เขามาเช้า เราก็ต้องปรับเวลาการดูแลเขาใหม่ ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยรู้จักสถานที่เราต้องแนะนำเขาก่อนที่เขาจะมาวันแรกดีไหม เขาไม่รู้จักใคร เราควรจะมีกระบวนการวิธีการให้เขารู้จักเพื่อนใหม่ก่อนดีไหม เขาเพิ่งจบมาทำงานครั้งแรกไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตคนทำงานเราควรจะมีเอกสารหรือคู่มืออะไรให้เขาอ่านมาก่อนวันมาเริ่มงานไหม
“บริการเขาแบบที่เขาต้องการ ไม่ใช่แบบที่เราคิดเอง”
สาม การต้อนรับพนักงานใหม่ไม่ใช่หน้าที่ใคร แต่เป็นของทุกคนในองค์กร
ไม่อยากเห็น “แขกใครก็คนนั้นต้อนรับ” ผมอยากให้องค์กรประกาศให้พนักงานทุกคนทราบล่วงหน้าว่าวันนั้นวันนี้เราจะมีสมาชิกใหม่เข้ามาร่วมงานกับเรามีกี่คนตำแหน่งอะไรบ้าง หรือชื่ออะไรบ้าง รูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหน ติดประกาศในเว็บไซต์ บนบอร์ดหรือสื่อไหนขององค์กรก็ได้ และให้พนักงานทุกคนตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงานทำหน้าที่เป็นเจ้าของบ้าน เป็นรุ่นพี่ต้อนรับพนักงานใหม่เสมือนเราเป็นเจ้าของบ้าน
อย่างน้อยๆ ก็ต้องทักทาย พูดคุย เสนอให้ความช่วยเหลือ หากพอจำได้ว่าคนนี้น่าจะชื่อนี้ตำแหน่งนี้ สามารถทักชื่อเขาก็ได้ เหมือนกับการที่เราเข้าไปรับบริการที่ไหนสักแห่งแค่ไปถึงป้อม รปภ.เขาก็ทักชื่อเราขึ้นมาแค่นี้เราก็รู้สึกดีกับองค์กรนั้น แล้ว
“ทุกคนเป็นเจ้าของบ้าน”
สี่ ลงทุนวันแรกกำไรดีกว่าวันต่อๆ มา
การสร้างความประทับใจในวันแรกแม้จะลงทุนน้อย เช่น จัดเตรียมอาหารเช้า กาแฟ น้ำดื่ม เหมือนเลี้ยงพนักงานฝึกอบรม ดีกว่าจะมาเลี้ยงหรูเลี้ยงใหญ่ในวันที่เขาไม่ประทับใจองค์กรแล้ว
ดังนั้น ในวันแรกอะไรที่ลงทุนแล้วคุ้มค่าก็น่าจะทำ เช่น หากให้ทุกคนเบิกค่าเดินทางในวันแรกได้ คิดว่าจะรู้สึกดีไหม? เลี้ยงอาหารทุกมื้อของวันแรกจะดีไหม? แจกเอกสารก่อนที่เขาจะมาทำงานวันแรกเรื่องการเตรียมตัวเตรียมใจกับองค์กรใหม่จะดีไหม? ให้หัวหน้าแต่ละคนโทรหาพนักงานใหม่ก่อนวันเริ่มงานล่วงหน้าหนึ่งวันคิดว่าเขาจะรู้สึกดีกว่าไหม?
ผมเคยแนะนำให้ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรมาทำงานวันแรกเช้ามาก และให้เดินทักทายพนักงานใหม่ โดยที่ไม่ต้องแนะนำตัว แต่พูดคุยกับทุกคนแบบเป็นกันเอง พนักงานบางคนคิดว่าคนนี้คงเป็นพนักงานธรรมดา พนักงานบางคนคิดว่าคนนี้คงเป็นพนักงานขับรถ ฯลฯ เขาเลยคุยอย่างสนิทใจ
พอมารู้ทีหลังว่าคนที่มาคุยกับเขาในวันแรกที่เขามาทำงานนั้นเป็นเจ้าของบริษัทเป็นผู้บริหารระดับสูง คุณคิดว่าพนักงานใหม่จะรู้สึกอย่างไร แน่นอนประทับใจไปตลอดชีวิตการทำงาน เพราะหลังจากนั้นโอกาสที่เขาจะได้เจอได้พูดคุยกับผู้บริหารระดับนี้ยากมาก
“ลงทุนวันแรก กำไรกว่าวันไหนๆ แน่นอนอน”
ผมอยากให้องค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับจุดเล็กๆ ของพนักงานใหม่ที่หลายองค์กรมองข้ามไป และผมก็เชื่อว่ามีหลายองค์กรที่ได้ดูแลพนักงานใหม่เป็นอย่างดี ซื้อใจเขาได้ตั้งแต่วันแรก ประทับใจตั้งแต่วันแรก
ความประทับใจก็ไม่แตกต่างจากความเชื่อ หากความเชื่อไหนเข้ามาในชีวิตเราก่อน ความเชื่อใหม่ก็จะเข้ามาเปลี่ยนความเชื่อเก่าได้ยาก การสร้างความประทับใจให้พนักงานใหม่ก็เช่นเดียวกันกับการใส่ความเชื่อแรกไว้ในหัวพนักงานใหม่นะครับ
อยากทิ้งท้ายไว้ว่า “พนักงานใหม่คือความหวังใหม่ขององค์กร อย่าทำให้เขาผิดหวังตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน” นะครับ