กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ เล็งจัดประชุมร่วมระหว่างสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศกับสมาชิกอาเซียน หวังพัฒนาวิชาชีพเจ้าพนักงานบังคับคดี ระบบการบังคับคดี รองรับเปิด AEC
ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า กรมบังคับคดี สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม จะเป็นจ้าภาพร่วมกับสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ (Union Internationale des Huissiers de Justice - UIHJ) เพื่อจัดการประชุมร่วมระหว่างสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศกับประเทศสมาชิกอาเซียน ในหัวข้อ “การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีเลิศว่าด้วยการบังคับคดีระหว่างสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ และประเทศสมาชิกอาเซียน” (Exchanging of Best Practices on Legal Execution between UIHJ and ASEAN Member States) ซึ่งคาดว่าจะจัดประชุมได้ประมาณกลางปี 2557
การประชุมในครั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย กฎระเบียบ ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติที่ดีเลิศในการบังคับคดีของแต่ละประเทศ เพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่าย เจ้าพนักงานบังคับคดี และเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างหน่วยงานและเจ้าพนักงานบังคับคดี
โดยเป็นจุดเริ่มต้นในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศไทย ประเทศสมาชิกอาเซียน และ UIHJ ในทุกระดับต่อไป มีหัวข้อหลักในการประชุม อาทิ หลักการพื้นฐานของการบังคับคดี วิธีการเข้าถึงข้อมูลบุคคล สถานะของเจ้าพนักงานบังคับคดี ภารกิจของเจ้าพนักงานบังคับคดี มาตรการการบังคับคดี วิธีการคุ้มครองชั่วคราวและการนำเสนอประมวลการบังคับคดีระดับโลก รวมไปถึงการเยี่ยมชมศึกษาดูงานที่กรมบังคับคดี โดยได้เชิญกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 9 ประเทศและประเทศสมาชิก UIHJ ได้แก่ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม สาธารณรัฐเชค และสกอตแลนด์ เข้าร่วมประชุมฯ
การประชุมในครั้งนี้ จะเป็นเวทีนำเสนอองค์ความรู้ข้อมูลพื้นฐาน ด้านการบังคับคดีของประเทศในกลุ่มอาเซียน และการนำเสนอวิธีการปฏิบัติที่ดีเลิศของประเทศสมาชิกUIHJ การแลกเปลี่ยนประเด็นปัญหา อุปสรรค ซึ่งที่ประชุมได้นำเสนอการพัฒนาแนวทางการปฏิบัติงานด้านการบังคับคดี เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการประสานความร่วมมือระหว่างกัน การฝึกอบรมเจ้าพนักงานบังคับคดี การนำเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) มาใช้ในการปฏิบัติงาน และการจัดทำประมวลการบังคับคดีระดับโลก (Global Code of Enforcement) เป็นต้น
ทั้งนี้ กรมบังคับคดีจะสามารถนำข้อมูลต่างๆของแต่ละประเทศมาประยุกต์ใช้ ในการพัฒนาแนวทางการปฏิบัติงานตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือด้านการบังคับคดีระหว่างประเทศต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้การที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก และลงนามในบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือแบบ ทวิภาคีร่วมกับของ UIHJ เมื่อปี 2547 โดยปัจจุบันมีสมาชิก 74 ประเทศแล้ว ยังจะช่วยพัฒนากระบวนการด้านการบังคับคดีแพ่งของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่จะทำให้ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่จะดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศ เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เนื่องจากการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลายเป็นปัจจัยสำคัญ ในการประกอบธุรกรรมระหว่างประชาชนในประเทศสมาชิก เพราะเป็นกระบวนการอำนวยยุติธรรมในกรณีที่เกิดปัญหาข้อพิพาทระหว่างเอกชนและเป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่า ในการลงทุนมากเพียงใด หากต้องมีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาล
ทั้งนี้จากการจัดอันดับความยากง่าย ในการเข้าไปประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ(Doing Business) โดยธนาคารโลก (World Bank) ได้จัดทำผลงานวิจัยเป็นประจำทุกปี ซึ่งปัจจุบันผลการจัดอันดับด้านการบังคับคดีประเทศไทยอยู่ในอันดับ ที่ 22 โดยมีอันดับที่ดีขึ้น ซึ่งผลการรายงานดังกล่าวจะช่วยในการพัฒนาปรับปรุงรวมถึงสร้างการแข่งขันให้แต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียนเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการด้านการบังคับคดีแพ่งในการลดขั้นตอน ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายเพื่อให้อยู่ในอันดับที่ดีขึ้น
