xs
xsm
sm
md
lg

กรมบังคับคดีไม่หวั่นการเมืองร้อน ตั้งเป้าขายทรัพย์ 4-6 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรมบังคับคดี เผยแผนปีงบประมาณ 57 เดินกลยุทธ์เชิงลึก หวังผลักดันทรัพย์ให้ได้ 1 แสนล้านบาท ชูทรัพย์เด่นตามเมืองท่องเที่ยว เมืองค้าชายแดน ยืนยันการเมืองร้อนไม่กระทบยอดขายทรัพย์เดินหน้าประมูลทรัพย์ปีนี้ 40,000-60,000 ล้านบาท จากปีก่อน 34,000 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบ 20 ล้านบาท ปรับปรุงระบบเอื้อต่างชาติซื้อลงทุนรับเออีซี

นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมบังคับคดีมีทรัพย์หมุนเวียนในระบบกว่า 200,000 ล้านบาททั่วประเทศ โดยอยู่ในกรงเทพฯ 10% ในจำนวนนี้เป็นทรัพย์ที่อยู่นำมาขายทอดตลาดกว่า 120,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่ดินเปล่า พร้อมสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 71,000 ล้านบาท ที่ดินเปล่า 46,000 ล้านบาท และอาคารชุดกว่า 5,000 ล้านบาท โดยมีทรัพย์โดยในปีงบประมาณ 2557 (1 ตุลาคม 2556-30 กันยายน 2557) ตั้งเป้าผลักดันทรัพย์จำนวน 100,000 ล้านบาท ทั้งในรูปแบบของการประนอมหนี้ โดยจะเน้นให้เจ้าหนี้-ลูกหนี้เจรจาตกลงกัน รวมถึงการขายทรัพย์ทอดตลาด

สำหรับการขายทรัพย์ทอดตลาดนั้นปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 40,000-60,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2556 (1 ตุลาคม 2555-30 กันยายน 2556 ) ที่สามารถขายทรัพย์ทอดตลาดได้จำนวน 34,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขายทอดตลาดทรัพย์ของกรมบังคับคดี เนื่องจากการปิดสำนักงานเป็นช่วงระยะสั้น และเกิดขึ้นในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบางจังหวัดในภาคใต้

ทั้งนี้ กรมบังคับคดียังเน้นนโยบายเชิงลึกในการขายทรัพย์ทอดตลาด เพื่อให้การขายทรัพย์ดีขึ้น เช่น ขยายตลาดสู่นักลงทุนชาวต่างชาติมากขึ้น โดยจะเพิ่มภาษาอังกฤษ เนื่องจากมีทรัพย์ในบางจังหวัดที่ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ เชียงราย พัทยา และเพิ่มภาษาอังกฤษในเอกสารในสำนวนคดี เพื่ออำนวยความสะดวกชาวต่างชาติที่ต้องการใช้สำนวนคดีภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการ

“ทรัพย์บางอย่างเปิดประมูลให้ประชาชนทั่วไปประมูลไม่ได้ผล เพราะมีมูลค่าสูง หรือเป็นธุรกิจเฉพาะสำหรับนักลงทุนในบางกลุ่ม เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงงาน ซึ่งผู้ที่สนใจก็จะเป็นกลุ่มบุคคลที่ทำธุรกิจนั้นๆ ดังนั้น เราจะใช้วิธีเสนอไปยังกลุ่มธุรกิจนั้นโดยตรง ซึ่งการขายทรัพย์ทอดตลาดจะไปได้ผลมากกว่า ทั้งยังได้ในราคาที่ดีกว่าอีกด้วย” นายวิศิษฎ์กล่าว

นอกจากนี้ เพื่อให้การขายทรัพย์ทอดตลาดได้ผลมากยิ่งขึ้น กรมบังคับคดีได้ใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ สำนวนคดีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ การขยายระบบอี บรอดแคส หรือการแจ้งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติมอีก 10 จังหวัดในปีนี้ จากปัจจุบันใช้อยู่ 50 จังหวัด ระบบอี เพย์เมนต์ หรือการโอนเงินทางออนไลน์ซึ่งอยู่การตกลงเรื่องรหัสการโอนกับธนาคารกรุงเทพ และกสิกรไทย ปัจจุบันใช้ระบบดังกล่าวกับธนาคารกรุงไทยแล้ว และระบบอีออกชัน (e-Auction) เพื่อรองรับตลาดเออีซี และการประมูลทรัพย์จากต่างประเทศผ่านระบบออนไลน์

สำหรับพื้นที่ที่มีการขายทรัพย์ทอดตลาดจำนวนมากๆ หรือเป็นที่สนใจของกลุ่มนักลงทุน เช่น ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พัทยา และที่ได้รับอานิสงส์ของเออีซี คือจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ อุดรฯ หนองคาย รวมถึงกาญจนบุรี ซึ่งกรมบังคับคดีมีทรัพย์ที่เป็นที่ดินเปล่าจำนวนมาก หากเปิดเออีซี เชื่อว่าทรัพย์เหล่านี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนด้วยเช่นกัน

ด้านนายจุมพล สุขมั่น ผู้อำนวยการสำนักบังคับคดีจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่ได้รับความสนใจ จากกลุ่มทุนมาตั้งแต่ปี 2550 เพราะอยู่ในพื้นที่ 6 เหลี่ยมเศรษฐกิจประกอบด้วย จีน ไทย พม่า เวียดนาม กัมพูชา และลาว ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2536

ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติกำหนดให้อำเภอชายแดน 3 อำเภอ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ-SPECIAL ECONOMIC ZONE) ในปีที่ผ่านมา โดยอำเภอแม่สายเป็นเขตเมืองธุรกิจการค้า อำเภอเชียงแสน เป็นเขตเมืองท่าเรือแม่น้ำโขง-วัฒนธรรม อำเภอเชียงของ เป็นเขตเมืองด้านการขนส่ง และโซ่อุปทาน เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558

ทำให้ปัจจุบันทรัพย์ที่อยู่ในการบังคับคดีในบางอำเภอเหลือเพียงทรัพย์ในหมู่บ้าน เนื่องจากทรัพย์สำหรับการลงทุนได้รับความสนใจซื้อไปก่อนหน้าแล้ว ปัจจุบันทรัพย์ที่น่าสนใจในการซื้อเพื่อการลงทุนจึงอยู่ในเขต อ.เมือง เป็นส่วนใหญ่ เช่น ทรัพย์ประเภทศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง จ.เชียงราย โดยผลการดำเนินงานปีงบประมาณที่ผ่านมาสามารถขายทรัพย์ได้เกินเป้า 39% จากเป้ากว่า 739 ล้านบาท กว่า 1,105 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2556 สำนักงานบังคับคดี จังหวัดเชียงราย ตั้งเป้าหมายผลักดันทรัพย์สิน 793 ล้านบาท และสามารถผลักดันทรัพย์สินได้กว่า 1,105 ล้านบาทบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 312 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 39 ซึ่งยอดผลักดันทรัพย์ประกอบด้วยราคาประเมินทรัพย์สินที่ทำการขายทอดตลาดได้ และราคาประเมินทรัพย์สินที่ถอนการยึดทรัพย์ออกไป ส่วนในปีงบประมาณ 2557 ในช่วงไตรมาสแรก คือ เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2556 สามารถผลักดันทรัพย์สิน จำนวน 115.69 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.59 ของเป้าหมาย 793.2 ล้านบาท

ด้านนายทรงศิลป์ ภิรมย์กุล ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดี จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของสำนักงานบังคับคดี ในปีนี้ จะเน้นการจัดกิจกรรมด้านการตลาด เพื่อกระตุ้นบรรยากาศซื้อขายทรัพย์ โดยจะจัดมหกรรมขายทอดตลาดนอกสถานที่ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า และอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยจะนำทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างบังคับคดี จำนวน 180 คดี มูลค่า 635.97 ล้านบาท มาขายทอดตลาดในกิจกรรมดังกล่าว

โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมีนาคม-มิถุนายน 2557 จำนวน 6 นัด ซึ่งในวันที่ 7 / 28 มีนาคม 2557 วันที่ 18 เมษายน 2557 จัดขึ้น ณ ห้องรอยัล ออคิด โรงแรมเชียงใหม่ออคิด และวันที่ 8 / 30 พฤษภาคม 2557 และวันที่ 20 มิถุนายน 2557 จะจัด ณ สำนักงานบังคับคดี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้คาดว่าจะมียอดผลักดันทรัพย์สินได้ประมาณ 70 % ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่นำประกาศขายทอดตลาด

สำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2556 สำนักงานบังคับคดี จังหวัดเชียงใหม่ สามารถทำการผลักดันทรัพย์สินได้ 4,345,114,102 บาท ส่วนในปีงบประมาณ 2557 สำนักงานบังคับคดี จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งเป้าหมายในการดำเนินการผลักดันทรัพย์สิน 5,648,648,333 บาท

นายทรงศิลป์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากมีโครงการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมากมาย เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ระหว่างเชียงใหม่-เชียงราย เพื่อเชื่อมเส้นทาง R3a เชื่อมโยงภาคเหนือสู่สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจไทย ลาว พม่า และจีนตอนใต้ ที่กำลังเสนอขออนุมติจัดสร้างวงแหวนรอบที่ 4 เพื่อรองรับการเติบโต และการขยายเขตเมือง และมีการพัฒนาพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ให้มีศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษาที่สามารถจัดการประชุมระดับนานาชาติได้ และเป็นแหล่งพำนักระยะยาว (Long Stay) ที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นที่มีอยู่ประมาณ 4,000 คน และเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภาคเหนือ เนื่องจากมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 10 แห่ง จึงทำให้จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่จะเข้ามาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในรูปแบบบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หอพัก คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ฯลฯ โดยเฉพาะ ย่านถนนนิมมานเหมินทร์ ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น